โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี แนะวิธีผู้ปกครองดูแลลูกเจนอัลฟ่าในยุค New Normal

โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี แนะวิธีผู้ปกครองดูแลลูกเจนอัลฟ่าในยุค New Normal

โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี แนะวิธีผู้ปกครองดูแลลูกเจนอัลฟ่าในยุค New Normal
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในยุค New Normal เป็นยุคที่ทั้งโลกมีการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็นมาอย่างสิ้นเชิง ทุกคนต่างต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีลูกเจนอัลฟ่า (Alpha Generation) จะต้องคอยผลักดันและส่งเสริมลูกมีทักษะการใช้ชีวิตในยุค New Normal รวมถึงการเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้ในอนาคต และด้วยเหตุนี้เอง โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี (Nestlé for Healthier Kids) โดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จึงได้ผนึกกำลังกับ mappa องค์กรที่เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ จัดเวิร์คช็อปรูปแบบใหม่แนะนำแนวคิดที่นำไปสู่การลงมือทำจริง และถอดบทเรียนวิธีการสร้างการเรียนรู้เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างทักษะจำเป็น เพื่อให้เด็ก ๆ ในเจนอัลฟ่ารับมือกับโลกในวิถีใหม่ และใช้ชีวิตได้อย่างมีแข็งแรงและเป็นสุขได้ในอนาคต

ทำความรู้จักกับเด็กเจนอัลฟ่า

เรามาทำความรู้กับเด็กเจนอัลฟ่ากันก่อนดีกว่า

เด็กเจนอัลฟ่า คือเด็กที่เกิดในปี พ.ศ.2553 ถึง 2568 พวกเขาเหล่านี้เกิดมาในยุคที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งแต่เล็ก ๆ พวกเขาก็ได้สัมผัสกับ iPad และเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการใช้หน้าจอ Touch Screen รวมถึงการอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าชีวิตของพวกเขาคลุกคลีกับเทคโนโลยีจนเหมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ก็ว่าได้

เลี้ยงลูกเจนอัลฟ่าอย่างไรในวันที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง

ในขณะที่เด็กเจนอัลฟ่าใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีแบบเต็มขั้น ก็เป็นช่วงเดียวกับที่สังคมโลกเจอกับชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal

ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลายอย่าง ทำให้โลกการเรียนรู้ของเด็กในเจนอัลฟ่า ถูกจำกัดอยู่แค่หน้าจอและพื้นที่ในบ้าน ไม่ได้เรียนรู้โลกภายนอก หรือสร้างทักษะอื่น ๆ อย่างที่ควรจะเป็น โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี (Nestlé for Healthier Kids) จึงได้ออกแบบการเรียนรู้และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมเวิร์คช็อป พร้อมให้คำแนะนำผู้ปกครองที่มีลูกเจนอัลฟ่าเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเฟซบุ๊กเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน

คุณหมอมาในแนวคิด Kind but Firm ยืดหยุ่นในบางครั้ง จริงจังในบางเวลา แนวคิดและวิธีการที่พ่อแม่ สามารถนำมาปรับใช้โดยการสร้างความเข้าใจ ตั้งกฎกติกา และจริงจังตามกติกาที่ตั้งไว้ จะเป็นการช่วยฝึกวินัยเชิงบวก และช่วยแก้ปัญหาลูกติดหน้าจอ ที่กำลังเป็นปัญหาหลักหนักอกของหลาย ๆ ครอบครัวในขณะนี้”  

ท่านได้มอบแนวคิดไว้ว่า “ฟังให้ได้ยินเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยหลัก ‘4R’ การ Respect หรือเคารพในตัวลูก สร้างความสัมพันธ์ที่ดี Relationship เพื่อเข้าไปอยู่ในโลกของลูก Responsibility สร้างให้ลูกเกิดความรับผิดชอบ และ Reward การทำให้ลูกรู้สึกดี หรือการชื่นชมเมื่อลูกทำสำเร็จ ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถใช้ในการฟัง เพื่อให้ได้ยินเสียงหัวใจของลูกได้เช่นกัน”

ท่านต่อมาที่มามอบแนวคิดดี ๆ คือ อ.รณสิงห์ รือเรือง นักจิตวิทยาคลินิก ระดับชำนาญการพิเศษ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จังหวัดเชียงใหม่

ท่านได้มอบแนวคิดไว้ว่า “ฟังให้ได้ยินเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยหลัก ‘4R’ การ Respect หรือเคารพในตัวลูก สร้างความสัมพันธ์ที่ดี Relationship เพื่อเข้าไปอยู่ในโลกของลูก Responsibility สร้างให้ลูกเกิดความรับผิดชอบ และ Reward การทำให้ลูกรู้สึกดี หรือการชื่นชมเมื่อลูกทำสำเร็จ ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถใช้ในการฟัง เพื่อให้ได้ยินเสียงหัวใจของลูกได้เช่นกัน”

นอกจากนี้ยังมี คุณนพรรต นพปศักดิ์ หรือ Aum napat อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง

คุณนพรรต ได้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปในครั้งนี้ และยังมีโอกาสแชร์ประสบการณ์จริงจากการเลี้ยง อุนยาย หรือ น้องชาร์ม    พิมวา นพปศักดิ์ ว่า “จริง ๆ แล้วน้องชาร์มเกิดมาในยุคของ iPad อุ้มอยากให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ดีที่สุด แต่อุ้มก็รู้สึกว่าการที่เด็กวัยนี้อยู่กับหน้าจอมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา อุ้มเลยอยากหาทางออกที่ดีที่สุดให้ลูก และพอได้เข้ามาร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปในครั้งนี้ก็ได้คำแนะนำที่ช่วยให้อุ้มสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปปรับใช้ได้จริง เช่น เราได้เรียนรู้ว่ากิจกรรมนอกบ้านไม่สามารถทดแทนช่วงเวลาพิเศษที่เกิดจากกิจกรรมภายในบ้านได้ และกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในบ้าน มันช่วยให้เค้าใช้ชีวิตนอกบ้านได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับกิจกรรมเวิร์คช็อปแบบไฮบริด 1 วันสร้างสุขให้ลูกเปลี่ยน (ปี 4) ตอน เตรียมพร้อมกายใจลูกเจนอัลฟ่าสู่โลกที่ไม่เหมือนเดิม ที่สร้างสรรค์ขึ้นในรูปแบบ Gamification มีเป้าหมายในการสร้างแรงบันดาลใจและนำเสนอไอเดียให้ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ได้ร่วมกันลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้อย่างเปี่ยมสุข

คุณมิรา เวฬุภาค หนึ่งในผู้ก่อตั้ง mappa

เธอได้กล่าวไว้ว่า “mappa เป็นองค์กรที่ทำธุรกิจเพื่อสังคม โดยมีแนวคิดจากความเชื่อว่า ‘ความรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่’ และการเรียนรู้ที่ดีที่สุดของลูกเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ที่ ‘บ้าน’ และพ่อแม่ก็คือเพื่อนคู่หูที่ดีที่สุดที่จะร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับลูก”

แน่นอนว่าแนวคิดนี้ ตรงกับวัตถุประสงค์ของ โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี (Nestlé  for Healthier Kids) เป็นอย่างดี

คุณกนกทิพย์ ปริญญานุสสรณ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและสื่อสารโภชนาการเพื่อสุขภาพ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย)  จำกัด

ได้พูดเอาไว้ว่า “การสร้างทักษะชีวิตให้ลูกน้อยในเจนอัลฟ่า เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเตรียมความพร้อม  พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง โดยสามารถออกแบบพื้นที่ภายในบ้านให้กลายเป็นสวนสนุกหรือพื้นที่การเรียนรู้ เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันให้เป็นภารกิจที่สนุก โดยมีพ่อแม่เป็นของเล่นที่ดีที่สุดให้กับลูก จะช่วยสร้างประสบการณ์เชิงบวกและความมั่นคงทางจิตใจให้ลูกได้”

ในการจัดเวิร์คช็อปครั้งนี้ ถือว่าได้รับการตอบรับ และมีประโยชน์เป็นอย่างมากกับผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดย คุณสมปรารถนา เอกฐิน คุณแม่ผู้ร่วมเวิร์คช็อป ได้บอกเล่าความรู้สึกของการเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ว่า

“การร่วมกิจกรรมครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการหลาย ๆ ด้านของลูกที่เราอาจจะไม่รู้มาก่อน เช่น ความมุ่งมั่นในการทำสิ่งหนึ่งให้ดีที่สุด เห็นได้จากกิจกรรมแข่งคีบของให้ลงตะกร้ากับคุณพ่อ ที่ลูกตั้งใจเล่นมาก และรู้สึกว่าเค้าภูมิใจในตัวเองเมื่อชนะ หรืออีกหนึ่งกิจกรรม คือ วาดภาพมือและเท้าให้ก้าวตาม เป็นกิจกรรมที่ทำให้เราได้เห็นศักยภาพและพัฒนาการของลูกมากขึ้น ลูกตั้งใจฟังและทำตามกฎกติกาได้ด้วยตัวเองอย่างถูกต้อง เห็นได้เลยว่าความสัมพันธ์ของระบบความคิดกับกล้ามเนื้อของลูก มีการพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่เราคาดไว้อีก รวมถึงความอดทน ความมีสมาธิที่เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้ายันเย็นได้”

เรียกได้ว่างานนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ ที่ได้เชื่อมโยงผู้ปกครองและลูกเจนอัลฟ่าให้เข้าใจกันมากขึ้น และยังได้เปลี่ยนบรรยากาศให้ลูกจากหน้าจอมาสู่โลกแห่งความจริงมากขึ้นอีกด้วย

ติดตามบรรยากาศการเรียนรู้และความสนุกของเวิร์คช็อปนี้ได้ที่  https://www.youtube.com/watch?v=XxGPaVl36aE

ติดตามเทคนิคดี ๆ และกิจกรรมเพื่อสร้างพฤติกรรมสุขภาพและความสุขในครอบครัว จากโครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี ได้ที่ https://www.facebook.com/N4HKThailand/ และ https://www.nestle.co.th/th/nhw/kids

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook