Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไง? ไขข้อสงสัย ใช้ขวดไหนก่อนหลังกันแน่

Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไง? ไขข้อสงสัย ใช้ขวดไหนก่อนหลังกันแน่

Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไง? ไขข้อสงสัย ใช้ขวดไหนก่อนหลังกันแน่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครที่เป็นสายบิวตี้ฝั่งเอเชีย ไม่ว่าจะเกาหลีหรือญี่ปุ่น ย่อมคุ้นเคยกับสเต็ปสกินแคร์มากมายหลายขั้นตอน แต่ก็ยังไม่วายมีคำถามอยู่เรื่อยๆ ว่า แต่ละสเต็ปช่วยต่างกันอย่างไร หรือบางครั้งอาจเกิดความสับสนว่าต้องใช้ขวดไหนก่อนหลังกันแน่ HELLO! เคยทำบทความออกมาตอบคำถามเรื่อง โทนเนอร์ vs น้ำตบ กันไปแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้เลยขอมาไขข้อสงสัยให้สาวกบิวตี้เพิ่มว่า Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไง เรียงลำดับการใช้อย่างไร และจำเป็นต้องมีทั้งสองขวดหรือไม่ ไปหาคำตอบกันเลย

La Mer The Hydrating Infused EmulsionLa Mer The Hydrating Infused Emulsion
เนื้อสัมผัส Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไง ?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในฝั่งตะวันตกแล้ว ขั้นตอน Emulsion (อิมัลชั่น) และ Lotion (โลชั่น) เปรียบได้กับมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ขณะที่ฝั่งเอเชียเพิ่มความซับซ้อนของขั้นตอนการบำรุงผิวให้เยอะขึ้น นั่นก็เพราะว่าหัวใจหลักของค่านิยมความงามฝั่งตะวันออกจะเน้นไปที่การบำรุง ป้องกัน และเสริมความงามตามธรรมชาตินั่นเอง

ถ้าใครเคยมีทั้งสองขวดไว้ติดโต๊ะเครื่องแป้ง จะสังเกตได้ว่าส่วนใหญ่แล้วหลายแบรนด์มักทำขวด Lotion ออกมาขนาดใหญ่กว่า Emulsion นั่นก็เพราะว่าเนื้อสัมผัสของ Lotion มีความบางเบาและใกล้เคียงกับน้ำตบมากกว่า ขณะที่ Emulsion จะมีเนื้อสัมผัสที่หนักขึ้น มีความเป็นกึ่งครีมกึ่งน้ำนม

La Mer The Hydrating Infused Emulsion and The Treatment LotionLa Mer The Hydrating Infused Emulsion and The Treatment Lotion
แบรนด์สกินแคร์ระดับลักซ์ชัวรี่อย่าง La Mer เองแม้จะเป็นแบรนสกินแคร์จากฝั่งตะวันตก แต่ก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นเพื่อการบำรุงผิวอย่างละเอียดอ่อนสูงสุด จึงมีไอเท็มซิกเนเจอร์เป็นคู่หูดูโอ้อย่าง The Treatment Lotion และ The Hydrating Infused Emulsion โดยโลชั่นมาในขวดแก้วสีเขียว ด้านในบรรจุเนื้อโลชั่นบางเบาโปร่งใส สามารถตบลงผิวหน้าได้คล้ายกับน้ำตบ ให้สัมผัสเรียบลื่นราวแพรไหม

ขณะที่อิมัลชั่นถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคโนโลยี micro-milk สร้างสัมผัสเบาสบายแต่บำรุงได้ล้ำลึก รวมทั้งยังเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า พร้อมรับการบำรุงขั้นตอนถัดไปหรือแม้แต่แต่งหน้าต่อได้เลยทันที โดยสาวกบิวตี้จะเลือกใช้แค่ขวดใดขวดหนึ่งตามสภาพผิวแต่ละวันก็ย่อมได้ หรือวันไหนที่ต้องการการบำรุงสูงสุด การใช้โลชั่นคู่กับอิมัลชั่นก็จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มอิ่มน้ำยิ่งขึ้น

เนื้อสัมผัสระหว่าง Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไงเนื้อสัมผัสระหว่าง Emulsion ต่างกับ Lotion ยังไง
ลำดับการใช้ Emulsion หรือ Lotion ก่อนดี ?

ตามหลักการทาสกินแคร์แล้ว เราจะต้องเลเยอร์เนื้อผลิตภัณฑ์จากเบาบางไปเข้มข้นสุด สเต็ปตาม K-Beauty 10 ขั้นตอนจึงมักเริ่มการบำรุงตั้งแต่การเช็ดโทนเนอร์ ตามด้วยน้ำตบที่มีความบางเบา ซึมซาบสู่ผิวหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงค่อยตามด้วยโลชั่นที่มีความใกล้เคียงกับน้ำตบ ก่อนลงอิมัลชั่นเนื้อน้ำนมที่มีเนื้อสัมผัสหนาหนักขึ้นมา

สาเหตุที่ต้องเรียงลำดับตามความหนักและเข้มข้นของเนื้อผลิตภัณฑ์ นั่นก็เพราะถ้าหากสลับลำดับกัน ทาสกินแคร์ที่มีเนื้อครีมเข้มข้นก่อนเนื้อน้ำเบาบางใส สกินแคร์จะไม่สามารถซึมซาบลงบำรุงผิวได้เพราะมีชั้นสกินแคร์ที่เข้มข้นกว่ากันไว้เหมือนฟิล์มอยู่ก่อนแล้วนั่นเอง

Kanebo The LotionKanebo The Lotion
ข้ามฟากมาที่แบรนด์สกินแคร์จากประเทศญี่ปุ่น Kanebo ที่มีผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติผิวครบเซ็ตตั้งแต่โลชั่นสัมผัสน้ำบางเบา อิมัลชั่นน้ำนมเนื้อละมุน ไปจนถึงครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น โดย Kanebo The Lotion จะเน้นช่วยเรื่องสร้างผิวกระจ่างใสดุจคริสตัลด้วยสูตร Clear Botanical Complex ผสานคุณค่าจากธรรมชาติอย่าง น้ำลูกแพร์หมัก สารสกัดจากวอเตอร์เครส และสารสกัดจากดอกเจเรเนียม

เมื่อใช้คู่กับ Kanebo The Emulsion ที่เป็นน้ำนมเนื้อเข้มข้นขึ้นมาจากโลชั่น แต่ยังไม่หนาหนักเท่ากับครีม เหมาะสำหรับจะใช้ตอนกลางวันโดยไม่ต้องทาครีมต่อ หรือใช้ทั้งกลางวันและกลางคืนสำหรับคนผิวมัน โดยอิมัลชั่นสูตรนี้ได้ผสานคุณค่าจากออยล์บำรุงผิว นอกจากจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเนียนละมุนแล้ว ยังช่วยยกกระชับให้ใบหน้าแลดูเฟิร์มกระชับอีกด้วย

Kanebo The EmulsionKanebo The Emulsion
Emulsion หรือ Lotion ขวดไหนที่ควรมี ?

อย่างที่เล่าไปว่า Lotion จะมีความบางเบา วิธีใช้ส่วนใหญ่แล้วมักคล้ายกับน้ำตบ สามารถกดเบาๆ ลงบนผิวหน้าให้ซึมซาบลงได้เลย ดังนั้นใครที่มีน้ำตบอยู่แล้วอาจจะสามารถข้ามขั้นตอน Lotion ไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่อยากบำรุงผิวแบบฟูลออพชั่นเต็มขั้นตอนจะไม่ดี เพราะยังไงการเลเยอร์สกินแคร์ปริมาณไม่มาก แต่บำรุงหลายขั้นตอน ก็เป็นวิธีสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้นและไม่อุดตัน

ส่วนใครที่ลังเลว่าจะซื้อ Emulsion ดีหรือไม่นั้น ขอแนะนำว่าถ้าเป็นคนผิวมัน Emulsion จะตอบโจทย์ผิวได้ดีทีเดียว ด้วยเนื้อสัมผัสน้ำนมเนียนละมุน ไม่บางเบาขนาดน้ำตบที่เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวตอนกลางคืนได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้หนาหนักเข้มข้นขนาดครีมหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อาจมากเกินไปสำหรับผิวจนเกิดการอุดตันได้ อย่างไรก็ตามในคนผิวแห้ง การใช้ Emulsion และตามด้วยครีมบำรุงเนื้อเข้มข้นต่อจะช่วยบำรุงผิวแบบยกกำลัง รับรองว่าถ้าใช้ครบสเต็ปจะตื่นเช้ามาพร้อมผิวหน้าอิ่มน้ำอย่างแน่นอน

Cle de Peau Beaute Hydro-Softening LotionCle de Peau Beaute Hydro-Softening Lotion
แบรนด์สุดท้ายที่จะมาแนะนำ Emulsion และ Lotion ให้เหล่าบิวตี้เลิฟเวอร์ได้ไปลองใช้ตามกันก็คือ Cle de Peau Beaute อีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์ลักซ์ชัวรี่จากประเทศญี่ปุ่น โดยผลิตภัณฑ์ Hydro-Softening Lotion นั้นอยู่ในไลน์ผลิตภัณฑ์ Key Radiance Care ที่เน้นเรื่องความกระจ่างใสของผิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อรวมกับประสิทธิภาพของโลชั่นเนื้อบางใสจึงช่วยถนอมน้ำหล่อเลี้ยงผิวให้ชุ่มชื้นยาวนาน ผิวหน้าดูเล่นแสงเป็นประกายและเนียนนุ่มอิ่มฟู

ที่ขาดไม่ได้ตามสไตล์ความงามฉบับญี่ปุ่นก็คืออิมัลชั่นสำหรับใช้คู่ในไลน์ผลิตภัณฑ์เดียวกัน โดยมีให้เลือกทั้งสูตรกลางวันที่จะมีความเข้มข้นน้อยกว่าอย่าง Protective Fortifying Emulsion และสำหรับคนที่ผิวแห้งมากสามารถนำสูตรกลางคืนอย่าง Intensive Fortifying Emulsion มาใช้ในสกินแคร์รูทีนทั้งตอนเช้าและก่อนนอนได้เลย โดยอิมัลชั่นเนื้อน้ำนมนี้จะช่วยเติมความชุ่มชื้นและล็อคผิวให้เปล่งประกายเนียนนุ่มตลอดทั้งวัน

Cle de Peau Beaute Protective Fortifying Emulsion (สูตรกลางวัน)Cle de Peau Beaute Protective Fortifying Emulsion (สูตรกลางวัน)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook