เลือกกินคอลลาเจนออย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
กินคอลลาเจนเป็นประจำแต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ไม่น่าพอใจ ใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่ แปลว่าอาจจะมีอะไรไม่ถูกต้องสักอย่าง เช่น เลือกกินคอลลาเจนผิดประเภทหรือผลิตภัณฑ์ที่เลือกในปัจจุบันอาจจะยังไม่ตอบโจทย์
คนที่ดูแลสุขภาพร่างกายเป็นประจำน่าจะรู้อยู่แล้วว่า โดยปกติแล้วร่างกายของเราสามรถสังเคราะห์คอลลาเจนเองได้ แต่น่าเสียดายที่หลายปัจจัยเช่นกันที่ทำให้คอลลาเจนในร่างกายเราค่อยๆ หมดไป ไม่ว่าจะเป็น อายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียด ฮอร์โมน แสงแดด มลภาวะ และอาหารที่ทำร้ายเซลล์จำพวกน้ำตาลและแอลกอฮอล์
ร่างกายขาดคอลลาเจนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ความหมองคล้ำเท่านั้น แต่กระทบไปถึงอัตราการเผาผลาญในร่างกายก็ลดลง อ้วนง่ายขึ้น หรือบางคนเกิดอาการ ปวดข้อต่อ เจ็บเข่า ปวดหลัง และปวดเอว ผมร่วงก็เป็นผลกระทบที่พบบ่อยจากการขาดคอลลาเจนเช่นกัน
คอลลาเจน คือ โปรตีนรูปแบบหนึ่งที่อยู่ในอาหาร อาทิ เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ไข่ และ เนื้อปลา แต่ถึงคุณจะกินอาหารเหล่านี้ทุกวันก็อยากต่อการฟื้นคืนชีพคอลลาเจนที่หายไป เนื่องจากคอลลาเจนที่ได้จากอาหารจะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ร่างกายจึงต้องใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมนานแถมยังดูดซึมได้น้อย นักวิทยาศาสตร์จึงคิดค้นกระบวนการเพื่อทำให้คอลลาเจนจากแหล่งอาหารต่างๆ ดูดซึมได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และพัฒนาเป็นอาหารเสริมที่พบเห็นในปัจจุบัน
ทว่า คอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริมที่เห็นในปัจจุบัน ยังแยกได้ 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทให้ผลเรื่องการดูดซึมไม่เหมือนกัน ดังที่กล่าวไปตอนต้น แม้ว่าคุณจะรับประทานอาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนสม่ำเสมอก็อาจให้ผลลัพธ์ไม่ดีถ้าเลือกประเภทคอลลาเจนไม่ตอบโจทย์ความต้องการ
คอลลาเจน 3 ประเภทคืออะไร
ต้องทำความเข้าใจกว่า คอลลาเจนทั้ง 3 ประเภทมีคุณสมบัติโดยรวมที่ไม่ต่างกันนัก ไม่ว่าจะเป็น บำรุงรากผมให้แข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เสริมกระดูก ข้อต่อและเอ็นให้แข็งแรง เติมเต็มร่องลึกของผิว ป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB แต่ความต่างอยู่ที่ “การดูดซึม”
คอลลาเจนเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนที่ได้จากการสกัดคอลลาเจนให้อยู่ในรูปของสายกรดอะมิโนที่สั้นลง เช่น นำไปย่อยสลายด้วยเทคโนโลยี hydrolysis ทำให้โมเลกุลของคอลลาเจนเปปไทด์มีขนาดเล็กลง แต่ก็ยังดูดซึมได้ช้า เพราะมีสายพันธะเปปไทด์ที่ยาวและมีโมเลกุลขนาดใหญ่
คอลลาเจนไตรเปปไทด์ หรือ คอลลาเจนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนเรียงเชื่อมกัน 3 ตัว ด้วยขนาดโมเลกุลที่เล็ก โดยผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ (Hydrolyze) ทำให้คอลลาเจนไตรเปปไทด์มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดีมาก ดูดซึมและย่อยได้ง่ายขึ้น
คอลลาเจนไดเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีที่สุด เพราะมีโมเลกุลเพียง 200 ดาลตัน ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วกว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์ถึง 55 เท่า เนื่องจากไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยของลำไส้เล็ก สามารถตรงเข้าสู่กระแสเลือดได้เลย ร่างกายจึงดูดซึมและนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
Zeavita Active70X Collagen Plus คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% มากขึ้น 70 เท่า
ถ้าให้พูดถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากคอลลาเจนไดเปปไทด์ในท้องตลาดตอนนี้เห็นจะมี Zeavita Active70X Collagen Plus (แอคทีฟ 70x คอลลาเจนพลัส) ที่กำลังเป็นที่พูดถึง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากคอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% ถือเป็นคอลลาเจนชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมและกระจายไปสู่เซลล์ผิวหนังและกระดูกอ่อนได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง ที่สำคัญผ่านการค้นคว้าและวิจัยจากทีมนักวิทยาศาสตร์กว่า 100 คน เพื่อให้ได้คอลลาเจนไดเปปไทด์ที่เข้มข้นกว่าเดิมถึง 70 เท่า ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดเป็นคอลลาเจนที่โมเลกุลเล็กที่สุดและร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็วที่สุด มาพร้อมวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนเพื่อการทำงานตามปกติของผิวหนัง และไนอะซินช่วยคงสภาพปกติของเยื่อบุทางเดินอาหารและผิวหนัง น่าจะเป็นแบรนด์ในตอนนี้ที่นำคอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% และวิตามินซีมาทำงานร่วมกัน
Zeavita Active70X Collagen Plus ได้รับการพิสูจน์จากห้องวิจัยแล้วว่า พุ่งตรงเข้าชั้นผิวและข้อเข่า จึงมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวและข้อต่อต่าง ๆ ในรางกายได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวอิ่มฉ่ำ ทำให้เวลาแต่งหน้าติดทน หรือเวลาลงครีมบำรุงผิวซึมดียิ่งขึ้น
จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Zeavita Active70X Collagen Plus ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ไม่มีไขมัน ละลายง่าย ไม่ใส่สี ไม่มีแป้ง เวลาดื่มหอมกลิ่นผลไม้อ่อนๆ จึงดื่มได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
รีบทวงคืนคอลลาเจนตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่ผิวพรรณจะโรยราและข้อต่อต่างๆ จะสึกหรอ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zeavitathailand.com
และสั่งซื้อ Zeavita Active70X Collagen Plus ได้ที่ https://shopee.co.th/zeavita
[Advertorial]