เรื่องของตา
* ไล่อายแชโดว์สีเอิร์ธโทนอ่อนๆให้ทั่วเปลือกตา
* ใช้แปรงทาตาขนาดเล็กแต้มอายแชโดว์สีเหลืองทาไล่จากหัวตาไปตามแนวขอบตาล่างจนถึงกึ่งกลางตา ส่วนตาบนไล่สีจากหัวตาให้ฟุ้งขึ้นไปถึงชั้นพับตา
* ใช้ดินสอเขียนขอบตาสีดำ เริ่มเขียนจากบริเวณหางตา เขียนทั้งขอบตาบนและล่างให้เส้นมีความยาวประมาณ 2 ใน 3 ของรูปตา
* ดัดขนตาให้มีความงอนใกล้เคียงกับขนตาปลอม แล้วปัดมาสคาร่าบางๆ
* ทากาวที่ขนตาปลอม รอสักครู่ให้กาวเซ็ตตัว แล้วเริ่มติดจากกึ่งกลางตาก่อนแล้วตามด้วยหัวตาและหางตา ที่สำคัญต้องพยายามติดให้ชิดขอบตามากที่สุด
* ทาลิปสติกสีส้มสดให้ทั่วริมฝีปาก แล้วปัดแก้มด้วยบลัชออนสีพีชเบาๆ
ขนตาปลอม
เทรนด์การติดขนตาปลอมกำลังฮอตฮิตอย่างแรง หลังจากที่ชู อูเอมูระเปิด โตเกียว แลชบาร์ ในนิวยอร์คเมื่อปี 2005 ทั้งมาดอนน่าและซุปเปอร์สตาร์ในฮอลลีวู้ดต่างมาสั่งทำขนตาปลอมจนเป็นกระแสนิยมไปทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยก็อินไปกับเขาด้วย
เพื่อให้ไม่ตกยุค ลองหาขนตาปลอมที่ตรงกับความต้องการไว้สักคู่ ถ้าอยากเพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาดูหวานหรือขับเน้นให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น ควรใช้แบบเพิ่มความหนาและเรียวยาวที่พลิ้วไหวเป็นธรรมชาติเหมือนขนตาจริง
ถ้านึกอยากเปรี้ยวหรือไปงานปาร์ตี้ลองเลือกขนตาที่มีดีไซน์เก๋ๆ เช่น ขนตามีสีสัน หรือใช้วัสดุแปลกใหม่ ล่าสุดมีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครของ ชวารอฟสกี้ที่ใช้คริสตัลมาประดับบนขนตาปลอมได้ตามใจชอบ
มาสคาร่า
ต้องการขนตาลักษณะแบบไหนให้สังเกตหัวแปรงเป็นหลัก หัวแปรงโค้งจะช่วยให้ขนตางอนขึ้น ถ้าอยากเพิ่มความหนาต้องเลือกหัวแปรงอ้วนและหนา ส่วนหัวแปรงเล็กเส้นขนน้อย เหมาะกับสาวที่ต้องการขนตาแลดูเป็นธรรมชาติ บางยี่ห้อก็มี 2 ด้านทั้งเพิ่มความยาวและความหนาได้ในแท่งเดียว หรือถ้าชอบปัดขนตาล่างเขาก็มีมาสคาร่าสำหรับปัดขนตาล่างโดยเฉพาะอีกด้วย
ที่ดัดขนตา
หากต้องการให้ขนตางอนงามการปัดมาสคาร่าเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องใช้ที่ดัดขนตาควบคู่กันด้วยถึงสวยครบสูตร การเลือกที่ดัดขนตาควรเลือกดูยางบริเวณที่หนีบ ให้ไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป ที่สำคัญบริเวณส่วนโค้งของที่หนีบ ควรโค้งเข้ารูปกับกระบอกตาเพื่อให้สามารถหนีบขนตาได้ครบในครั้งเดียว โดยไม่ทำให้ขนตาหักหรือขาด
ควรทำความสะอาดที่ดัดขนตาทุกสัปดาห์ วิธีง่ายๆเพียงใช้สำลีชุบน้ำอุ่น เช็ดให้ทั่ว โดยเฉพาะส่วนที่เป็นยางเพราะเป็นบริเวณที่มีร่องรอยความมันและสีของอายแชโดว์มากที่สุด
อายไลเนอร์
สาวเอเชียมักมีดวงตาไม่โตนัก ผู้ช่วยเพิ่มความกลมโตและคมชัดที่นิยมกันสุดๆ คือ ดินสอเขียนขอบตา ควรเลือกเนื้อดินสอที่ไม่แข็งเกินไปไม่อย่างนั้นเวลาเขียนอาจทำให้บริเวณขอบตาช้ำได้ แต่นิ่มเกินไปก็ใช่ว่าจะดีเพราะจะทำให้เขียนยาก ข้อดีของดินสอเขียนขอบตา คือ เขียนง่าย เส้นที่ได้ดูเป็นธรรมชาติกว่าอายไลเนอร์แบบน้ำ
Tip: หากดินสอเขียนขอบตามีเนื้อแข็งเกินไป ให้แตะปลายดินสอกับมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนลงมือเขียน หรือหากเนื้อดินสอนิ่มเกินไป ให้แช่ดินสอไว้ในตู้เย็นสักพักก่อนใช้ จะช่วยให้เนื้อดินสอแข็งและเขียนง่ายขึ้น
อายไลเนอร์ชนิดน้ำ
เปลี่ยนลุคจากสาวธรรมดาเป็นสาวฮิปได้ง่ายๆ เพียงกรีดอายไลเนอร์ชนิดน้ำที่ขอบตาบนให้เป็นเส้นใหญ่ เน้นว่าเส้นควรมีความเฉียบคม อาจยากสำหรับมือใหม่ ให้ฝึกเขียนบ่อยๆไม่นานก็เขียนได้สวยอย่างโปร
อายไลเนอร์ชนิดครีมหรือเจล
สาวๆอยากได้เส้นแบบไหนสามารถคอนโทรลได้ ไม่ว่าจะคมเข้มหรืออ่อนหวาน เส้นใหญ่หรือเส้นเล็ก อายไลเนอร์แบบนี้ต้องใช้คู่กับพู่กันปลายแบนสำหรับเขียนขอบตาโดยเฉพาะ
Tip: ถ้ามือไม่นิ่งพอแนะนำให้พู่กันแตะอายแชโดว์ชนิดครีมหรือเจล จุดตามแนวขนตาไว้ 3 จุด คือ หางตา กลางตา และหัวตา แล้วจึงลากเส้นเชื่อมแต่ละจุดเข้าด้วยกัน
แปรงทาตา
สาวๆควรมีแปรงทาตาประจำตัวสักคนละ 1 ด้าม ไม่ใช่ของแถมในตลับเป็นแบบไหนก็ใช้ไปอย่างนั้น ควรเลือกแปรงที่จับถนัดมือและมีขนแปรงอ่อนนุ่มทำจากขนสัตว์ เช่น ขนม้า ขนแพะ ขนกระรอก ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการทรมานสัตว์ เพราะเขาใช้ขนส่วนหางของสัตว์ที่ผลัดขนตามธรรมชาติเท่านั้น
แปรงทาตามีให้เลือกหลายขนาดขึ้นอยู่กับหน้าที่ เช่น แปรงขนาดใหญ่ ใช้ลงสีอายแชว์โดว์บริเวณเปลือกตาและปัดไฮไลท์ แปรงขนาดเล็กใช้ลงสีอายแชโดว์บริเวณเปลือกตาและเกลี่ยหัวคิ้ว
ลงสีอายแชโดว์
1. เริ่มจากลงสีพื้นโดยใช้เฉดสีที่อ่อนที่สุด (เลือกสีโทนเทา/น้ำตาล/ดำตามใจชอบ) ให้ทั่วเปลือกตา
2. ตามด้วยสีเข้มปานกลางบริเวณชั้นพับตา 3. ปิดท้ายด้วยการเพิ่มความชัดที่ขอบตาล่างและเปลือกตาบนเหนือขอบตาด้วยอายแชโดว์สีเข้มที่สุด จากนั้นเกลี่ยสีจากหางตาเข้าหากึ่งกลางตาให้เนียนเรียบไปถึงรอยพับตา
เขียนอายไลเนอร์
1. ดึงผิวหนังบริเวณหางตาขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้พู่กันแตะอายไลเนอร์ชนิดครีมทาตามแนวเส้นขนตาบนให้คมชัด โดยเน้นเส้นหนาบริเวณหางตา
2. ตามด้วยการดัดและปัดขนตาให้งอนงาม
แก้มและปาก
1. ปัดแก้มเบาๆจากบริเวณโหนกแก้มเฉียงขึ้นไปที่ขมับ
2. เติมลิปสติกสีแดงอมส้มนิดๆเพื่อความเซ็กซี่