"เจ้าหญิงไอโกะ" จากเจ้าหญิงผู้เคยถูกบูลลี่ ทรงก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มภาคภูมิ

"เจ้าหญิงไอโกะ" จากเจ้าหญิงผู้เคยถูกบูลลี่ ทรงก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มภาคภูมิ

"เจ้าหญิงไอโกะ" จากเจ้าหญิงผู้เคยถูกบูลลี่ ทรงก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มภาคภูมิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ปัจจุบันกฎมนเทียรบาลของญี่ปุ่นยังไม่อนุญาตให้ราชนิกุลหญิงสืบราชบัลลังก์ แต่ด้วยทรงเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวใน ‘สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ’ กับ ‘สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ’ ทำให้ที่ผ่านมา ‘เจ้าหญิงไอโกะ’ ทรงได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่นและแฟนราชวงศ์ทั่วโลกคอยติดตามความเคลื่อนไหวไม่น้อย โดยเฉพาะการประทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ พระราชวังอิมพีเรียล หลังทรงบรรลุนิติภาวะ มีพระชันษาครบ 20 ปี เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

พระประวัติเจ้าหญิงไอโกะ
‘เจ้าหญิงไอโกะ’ ประสูติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2001 ที่โรงพยาบาลประจำสำนักพระราชวัง ขณะที่พระบิดาและพระมารดายังทรงมีพระราชอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารและมกุฎราชกุมารี โดยพระบิดาและพระมารดาทรงตั้งพระนามพระราชธิดาด้วยพระองค์เอง ต่างจากปกติที่จะได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระจักรพรรดิ โดยพระนาม ‘ไอโกะ’ ประกอบด้วยตัวคันจิสองตัวที่หมายถึง ‘ความรัก’ และ ‘เด็ก’ รวมกันมีความหมายว่า ‘บุคคลอันเป็นที่รัก’


พระองค์ทรงเข้าศึกษาระดับปฐมวัย ณ โรงเรียนกาคุชูอิง (Gakushuin) ในปี 2006 ก่อนทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษา ณ สถานศึกษาเดิมในปลายปี 2009 โดยช่วงที่ทรงมีพระชันษา 8 ปี มีการเปิดเผยว่าเจ้าหญิงไอโกะทรงสนพระทัยด้านการทรงพระอักษรตัวคันจิ, อักษรวิจิตร, การกระโดดเชือก, ทรงเปียโน, ทรงไวโอลิน และการเขียนกวีนิพนธ์

ทว่าในปีถัดมา โฆษกสำนักพระราชวังอิมพีเรียลได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหญิงไอโกะทรงขาดเรียนในช่วงไม่กี่วัน เนื่องจากทรงถูกบูลลี่โดยนักเรียนชายร่วมโรงเรียน ซึ่งนับเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับคนทั่วโลกอย่างมาก เพราะถือเป็นการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับปัญหาส่วนพระองค์อย่างที่สำนักพระราชวังไม่เคยปฏิบัติมาก่อน และแม้ว่าต่อมาเจ้าหญิงจะทรงกลับเข้าสู่ชั้นเรียนได้ตามปกติ แต่การเรียนของพระองค์ถูกจำกัดและต้องมีพระมารดาทรงร่วมด้วยตามคำแนะนำของแพทย์



นอกจากปัญหาเรื่องการถูกบูลลี่ เจ้าหญิงไอโกะยังทรงมีปัญหาเรื่องพระพลานามัยบ่อยครั้ง อาทิ พระปับผาสะ (ปอด) บวมในปี 2011 และปี 2016 ทรงมีพระอาการประชวรปวดพระนาภี (ท้อง) และเวียนพระเศียร ซึ่งเป็นผลมาจากความเครียดเรื่องการเรียน และการฝึกซ้อมการแข่งขันกีฬา จนกระทั่งในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เจ้าหญิงไอโกะทรงใช้เวลาในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เสด็จไปทรงศึกษาโปรแกรมฤดูร้อนที่อีตัน คอลเลจ (Eton College) สหราชอาณาจักร ซึ่งหลังจากทรงสำเร็จการศึกษาและเสด็จกลับญี่ปุ่น เจ้าหญิงทรงมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนที่ในปี 2020 ทรงเลือกศึกษาต่อด้านภาษาญี่ปุ่นและวรรณคดี ที่มหาวิทยาลัยกาคุชูอิง


ที่ผ่านมา ‘เจ้าหญิงไอโกะ’ ไม่สามารถเข้าร่วมพระราชพิธีสำคัญ ๆ ของราชวงศ์ได้ รวมถึงพระราชพิธีจักรพรรดิยาภิเษกของพระบิดาในปี 2019 เนื่องจากยังทรงอยู่ในวัยเยาว์ชันษา ตามกฎมนเทียรบาลข้อที่ 22 กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม 2021 ทรงมีพระชันษาครบ 20 ปี และทรงเข้าพระราชพิธีบรรลุนิติภาวะ พร้อมรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 โดยทรงปฏิเสธการสั่งทำมงกุฎใหม่ และทรงมงกุฎของ ‘อดีตเจ้าหญิงซายาโกะ’ (ซายาโกะ คุโรดะ) พระปิตุจฉา ในการเข้าพิธีครั้งนี้แทน เนื่องจากทรงคำนึงถึงประชาชนจำนวนมากที่ต้องลำบากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยพระกรณียกิจแรกของเจ้าหญิงไอโกะหลังจากทรงบรรลุนิติภาวะ คือการโดยเสด็จพระบิดาและพระมารดาออกพระราชวังอิมพีเรียล เพื่อพระราชทานพรแก่ประชาชนเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2022


การประทานสัมภาษณ์สื่อมวลชนครั้งแรก
ขณะที่ในการประทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา แม้ทรงมีรับสั่งว่าจุดอ่อนของพระองค์คือเป็นคนขี้อายแต่ ‘เจ้าหญิงไอโกะ’ ยังประทานสัมภาษณ์กับสื่อได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นพระทัย และสร้างความประทับใจไม่น้อย โดยมีพระดำรัสถึงการปฏิบัติพระกรณียกิจต่าง ๆ หลังจากทรงบรรลุนิติภาวะ ความว่า “ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่ต่าง ๆ อย่างสุดความสามารถ เห็นคุณค่าของทุกภารกิจที่ได้รับ และขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับผู้ที่สนับสนุนเป็นอย่างดีเสมอมา”


นอกจากนี้ยังทรงมีรับสั่งถึงการสนับสนุนจากพระบิดาและพระมารดาว่า “ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้ ทรงมักอยู่ใกล้ชิดที่สุดเสมอ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม” เจ้าหญิงไอโกะทรงตรัสถึงเมื่อครั้งพระมารดาทรงมีรับสั่งขอบคุณการประสูติของพระราชธิดาด้วยน้ำพระเนตรในปี 2002 พร้อมตรัสว่า “ข้าพเจ้าอยากขอบคุณพระมารดาเช่นกัน ที่ให้ข้าพเจ้าได้เกิดมา”

“ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าเติบโตขึ้นมาด้วยการเฝ้าดูสมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินี และสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ ได้ใกล้ชิดกับประชาชนและปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยความจริงใจ ข้าพเจ้าเชื่อว่าจิตวิญญาณที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์คือ ความสุขของประชาชน และการปฏิบัติพระภารกิจต่าง ๆ ให้สำเร็จ พร้อมแบ่งปันความทุกข์ยากและความสุขกับผู้คน” เจ้าหญิงไอโกะ



ทรงมีรับสั่งถึงจุดอ่อนของพระองค์คือขี้อายและขี้เล่น ส่วนจุดแข็งคือสามารถบรรทมได้ทุกที่  ทรงเล่าว่า “ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยนอนบนโซฟาที่ระเบียงทั้งคืน หลังจากมาถึงอิมพีเรียล วิลล่า ที่นาสุ ในจังหวัดโทจิงิ” ส่วนเรื่องเสกสมรสทรงตรัสตอบว่ายังไม่คิดถึงเรื่องนี้จริงจังนักเนื่องจาก “เป็นเรื่องในอนาคต” ก่อนทรงอธิบายถึงความสัมพันธ์ในอุดมคติว่าต้องเป็นคนที่สามารถ “อยู่ด้วยกัน และสร้างรอยยิ้มให้แก่กัน”


เมื่อสื่อมวลชนถามถึง ‘มาโกะ โคมุโระ’ หรืออดีตเจ้าหญิงมาโกะที่ตัดสินใจสละฐานันดรศักดิ์เพื่อแต่งงานกับสามัญชนเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว เจ้าหญิงไอโกะ ทรงปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็น อย่างไรก็ตามทรงรับสั่งถึงพระเชษฐภคินี (พี่สาว) ว่า “เป็นเหมือนพี่สาวที่พึ่งพาได้ ข้าพเจ้าจะระลึกถึงความเป็นมิตรและความใจดีที่พี่มาโกะมีให้เสมอ และในฐานะลูกพี่ลูกน้อง ข้าพเจ้าภาวนาขอให้พี่มีความสุขต่อไปอีกหลาย ๆ ปี” โอกาสนี้ ทรงมีพระดำรัสถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน “ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมากกับการต้องสูญเสียชีวิตอันมีค่ามากมายในประเทศยูเครน” ก่อนรับสั่งปิดท้ายว่า “ข้าพเจ้าเชื่อมั่นอย่างยิ่งในสันติภาพ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook