จิตแพทย์ญี่ปุ่นแนะนำ! เลี้ยงลูกชายอย่างไรให้เติบใหญ่อย่างมุ่งมั่นและเข้มแข็ง

จิตแพทย์ญี่ปุ่นแนะนำ! เลี้ยงลูกชายอย่างไรให้เติบใหญ่อย่างมุ่งมั่นและเข้มแข็ง

จิตแพทย์ญี่ปุ่นแนะนำ! เลี้ยงลูกชายอย่างไรให้เติบใหญ่อย่างมุ่งมั่นและเข้มแข็ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัจจุบันนี้พ่อแม่จำนวนไม่น้อยพบปัญหาว่าลูกชายเป็นเด็กเอื่อยเฉื่อย ไม่กระตือรือร้น ไม่ชอบการแข่งขัน และไม่มีความพยายาม ปัญหาเหล่านี้อาจเป็นปัญหาที่น่ากังวลเมื่อลูกชายต้องเติบโตเข้าสู่สังคมที่มีการแข่งขันสูง มารู้วิธีการที่จิตแพทย์ญี่ปุ่นแนะนำว่าสำคัญมากในการเลี้ยงลูกชายก่อนอายุ 10 ขวบให้มีความมุ่งมั่นพยายามและมีจิตใจที่เข้มแข็งเพื่อรับมือกับสังคมในอนาคตที่มีอัตราการแข่งขันสูงกันค่ะ

ทำไมถึงกลายเป็นเด็กเอื่อยเฉื่อยและไม่ชอบการแข่งขัน?
ดร. ฮิเดกิ วาดะ (Hideki Wada) จิตแพทย์ชาวญี่ปุ่นคิดว่าสาเหตุหลักที่ทำให้คนยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะกระตือรือร้นน้อยลง ไม่มีความพยายามและไม่ชอบแข่งขัน คือระบบการศึกษาในปัจจุบันที่เน้นให้เด็กทุกคนมีคุณภาพเท่าเทียมกัน และไม่ผลักดันให้เกิดการแข่งขัน ผลกระทบเมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่คือ พวกเขาอาจจะไม่มีความสุขและไม่ประสบความสำเร็จในสังคมที่มีอัตราการแข่งขันสูง เพื่อให้ลูกชายเติบโตและมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขในอนาคต ดร. วาดะ แนะนำว่าควรสอนลูกให้รู้ถึงความเข้มงวดในสังคมเมื่อต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การศึกษาสูงๆ ได้เลื่อนขั้นในที่ทำงานและความร่ำรวยไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ทั้งนี้ต้องสอนอย่างเหมาะสมเพื่อให้เด็กชายเติบโตและรู้จักไขว่คว้าหาความสำเร็จ

วิธีสอนลูกชายให้มีจิตใจเข้มแข็งและมีความมุ่งมั่น

1. ให้ลูกสร้างจุดแข็งของตัวเอง
คนทุกคนจะมีความมั่นใจขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตนเองมีจุดแข็งหรือมีอะไรเด่น การส่งเสริมให้ลูกชายหาจุดแข็งของตัวเอง เช่น เล่นกีฬาต่างๆ เล่นดนตรี งานศิลปะ หรือเรียนหนังสือให้เก่ง เป็นการสร้างโอกาสให้ลูกได้แข่งขัน ยิ่งแข่งขันก็จะยิ่งเสริมสร้างการเรียนรู้และประสบการณ์ในชีวิต เมื่อเขามีประสบการณ์ในการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจและทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งขึ้น

2. สร้างความกดดันให้ลูกบ้างพอประมาณ
การที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกแบบเรื่อยๆ ไม่คาดหวังอะไร ก็อาจจะส่งผลให้ลูกชายโตขึ้นแบบเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อและไม่มีความพยายามอะไร ในทางตรงข้ามการเลี้ยงที่คาดหวังและกดดันลูกมากเกินไปก็จะส่งผลเสียด้านสุขภาพจิตในอนาคต ดังนั้นควรใช้ทางสายกลางที่สร้างความกดดันพอประมาณเพื่อให้ลูกสามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้สำเร็จ โดยมีพ่อแม่ดูแลอย่างใกล้ชิดและให้กำลังใจว่าเขาสามารถทำได้ วิธีการนี้จะทำให้ลูกโตขึ้น และมีความมั่นใจในเชิงบวกที่จะทำสิ่งที่ท้าทาย

3. สอนการสื่อสารที่จริงจังและถูกกาลเทศะ
การสื่อสารพูดจากันทุกเรื่องระหว่างพ่อแม่ลูกเป็นเรื่องดี เพราะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว แต่เมื่อลูกเข้าสังคม พ่อแม่ไม่ควรสนับสนุนให้ลูกพูดทุกอย่างที่คิด ควรสอนให้เขาพูดให้ถูกกาลเทศะ พูดในสิ่งที่ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ และพูดจากทัศนคติที่ดี การฝึกฝนการสื่อสารที่จริงจังจะทำให้เด็กสามารถควบคุมสิ่งที่เขาคิดไว้ในใจได้ และจะส่งผลให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง

ทัศนคติที่พ่อแม่ควรมีในการเลี้ยงลูกชายให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง

  • ตระหนักว่าเด็กชายโตช้าและมีพัฒนาการหลายอย่างช้ากว่าเด็กผู้หญิง ดังนั้นพ่อแม่ต้องรอพัฒนาการการเรียนรู้ด้วยความอดทน
  • สอนให้ลูกแยกแยะสิ่งถูกและผิดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงสอนในสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ
  • ดูแลสังเกตลูกอย่างใกล้ชิดและชมเชยในความพยายามที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จของเขา

ในยุคปัจจุบันการเลี้ยงลูกชายให้เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นและมีจิตใจที่เข้มแข็งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พ่อแม่ทุกคนมีจุดยืนเป็นของตนเองเพื่อเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในสังคมที่มีการแข่งขันกันสูง แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือ ทางสายกลาง ควรปล่อยให้ลูกมีความสุขตามวัยไปพร้อมกับค่อยๆ เสริมสร้างความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่อายุก่อน 10 ขวบค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook