รวม 7 "ความเชื่อ" เดิมๆ ที่ควรเปลี่ยนเกี่ยวกับ "เครื่องสำอาง" และการแต่งหน้า

รวม 7 "ความเชื่อ" เดิมๆ ที่ควรเปลี่ยนเกี่ยวกับ "เครื่องสำอาง" และการแต่งหน้า

รวม 7 "ความเชื่อ" เดิมๆ ที่ควรเปลี่ยนเกี่ยวกับ "เครื่องสำอาง" และการแต่งหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีค่าทุกคนนนนน วันนี้ขอเปิดมาด้วยคำถามสักหน่อย คือเคยไหมคะ? ที่แบบอยากจะลองซื้อเครื่องสำอางแต่มันก็ดันมีความคิดหรือความเชื่ออะไรบางอย่างที่ฝังหัวมาตลอด เช่น ถ้าใช้รองพื้นแต่งหน้า หน้าจะดูหนา แถมไม่สบายผิว อะไรแบบนี้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีความคิดที่มันฝังหัวอะไรแบบอยู่บ้างแน่นอนเลย แล้วก็เลยทำให้ไม่ค่อยกล้าที่จะได้ลองเครื่องสำอางใหม่ ๆ วันนี้เราก็เลยขอมัดรวม 7 ความคิด/ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเครื่องสำอางและการแต่งหน้ามาฝากทุกคนกันไปเลยจ้า มาเช็คกันเลยว่าเรามีความคิด/ความเชื่อพวกนี้บ้างรึเปล่า ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเล้ยยย
 

รวม 7 ความเชื่อผิด ๆ เรื่องเครื่องสำอางที่หลายคนไม่กล้าใช้ 
 
 
ไพรเมอร์ทำให้ผิวอุดตันจนสิวบุก
 

เริ่มต้นการแต่งหน้าด้วยเรื่องของไพรเมอร์ ( Primer ) กันเลยค่า อย่างที่ทุกคนน่าจะพอทราบกันบ้างว่าไพรเมอร์มีส่วนผสมของซิลิโคนที่จะช่วยในการไปปกปิดรูขุมขนแบบช่วยคราว ก็คือพูดง่ายว่าจะไม่ทำให้ใบหน้าเราผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมารบกวนเมคอัพแบบชั่วคราวนั่นเองค่ะ แล้วด้วยความที่ซิลิโคนมันเป็นส่วนผสมที่ไม่สามารถล้างให้สะอาดได้ด้วยแค่คลีนเซอร์ ( เคลนเซอร์ ) หรือโฟมล้างหน้า มันจะต้องใช้คลีนซิ่ง ( เคลนซิ่ง ) ในการเช็ดทำความสะอาดเสมอ คือถามว่ามันทำให้สิวบุกได้ไหมมันก็มีส่วนทำได้ค่ะ แต่นั่นคือในกรณีที่เราทำความสะอาดผิวไม่สะอาดหรือไม่ดีพอเอง ถ้ารู้แบบนี้แล้วใครที่อยากลองใช้ก็ไปซื้อมาตำกันโลดเลยจ้า รับรองมีติดใจ
 
 
รองพื้นใช้แล้วหนักหนา ผิวดูหนาเตอะ
 

ตอนนี้ต้องบอกเลยว่านวัตกรรมบนโลกคือพัฒนากันไปไกลเหลือเกินค่ะ ไกลจนรองพื้นที่เคยหนาเตอะเหมือนเอาปูนมาฉาบหน้า กลายเป็นรองพื้นที่บางเบาสบายผิว จนบางครั้งก็แอบรู้สึกสงสัยว่าเอ๊ะนี่เราแต่งหน้าแล้วเหรอ คือหลาย ๆ ตัวทำออกมาบางเบามากจริง ๆ ค่ะ แถมยังให้ความปกปิดที่ดีด้วย กลิ่นน้ำหอมก็ไม่มีปะปนมาแล้ว บางแบรนด์เขาก็เคลมมาเลยว่ารองพื้นแบรนด์เขาหายใจได้ คือทาแล้วความร้อนที่อยู่ในผิวสามารถระบายออกมาได้ ไม่ทำให้ผิวอึดอัด ดังนั้นเนี่ยใครที่กลัวหรือกังวลว่าใช้รองพื้นแล้วจะหนักผิว จะไม่สบายผิว ตอนนี้อยากให้ลองเปลี่ยนใจไปลองหลาย ๆ ตัวเลยน้า คือเดี๋ยวนี้มีแบบบางเบาสบายผิวเยอะมาก ราคาก็ย่อมเยาว์ด้วย ใครเริ่มสนใจก็ไปส่องกันได้นะจ๊ะ
 
 
คอนซีลเลอร์ใต้ตาต้องสว่างกว่าผิวเท่านั้น
 

คือบางคนเขาก็จะไม่ค่อยชอบการลงรองพื้นเพราะเขาไม่ชอบแต่งหน้าจัดเต็มอะไรขนาดนั้น แต่พวกรอยคล้ำใต้ตาหรือรอยสิวต่าง ๆ มันก็ยังมี เพื่อให้งานผิวเรียบกริ๊บก็ต้องเบิกตัว 'คอนซีลเลอร์' ออกมาปกปิดในส่วนต่าง ๆ กัน แต่ความเชื่อผิด ๆ อย่างนึงก็คือคอนซีลเลอร์ต้องขาวกว่าผิว 1 เฉดเท่านั้น คือเราสามารถใช้แบบที่ขาวกว่าผิว 1 เฉดได้นะคะ เพียงแต่ว่าถ้าไม่ใช้รองพื้นมันจะทำให้ค่อนข้างโดดออกจากผิวมาก ๆ หรือใครที่ใช้รองพื้นแล้วไม่ได้ชอบให้งานใต้ตาสว่าง ก็อยากแนะนำให้ได้ลองคอนซีลเลอร์แบบสีใกล้เคียงผิวดูนะคะ เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบเลยแหละค่ะเพราะทาแล้วมันกลืนไปกับผิว ไม่ได้ขับให้ส่วนไหนเด่นออกมา แต่ถ้าใครชอบก็สามารถใช้ได้น้า เพียงแต่ว่าอยากบอกให้ทุกคนเข้าใจว่าคอนซีลเลอร์ไม่ต้องขาวกว่าผิวเสมอไปเท่านั้นเองค่า
 
 
โบกแป้งฝุ่นโปร่งแสงแบบไม่ยั้ง
 

ก็เคลมมาแล้วหนึ่งว่าแป้งฝุ่นโปร่งแสง โบกยังไงก็ผิวสวย สีไม่เพี้ยน บางคนก็คือจัดหนักจัดเต็มมากเวอร์ แต่จริง ๆ แล้วเนี่ยแป้งฝุ่นโปร่งแสงไม่จำเป็นต้องโบกให้หนาก็ได้นะคะ เพียงแค่ตอนเรากดแป้งออกมาจากตลับให้ตบ ๆ พัฟไปที่หลังมือก่อน เป็นการทำให้แป้งที่เรากดลงมาเข้าไปในพัฟ แล้วเมื่อเราเอามากด ๆ บนผิวหน้า มันก็จะเข้าถึงซอกหรือร่องต่าง ๆ บนหน้าได้ดีกว่า แถมเนื้อแป้งที่กด ๆ ทา ๆ ไปก็ให้ความละเอียดกว่าการจุ่มกระปุกแล้วทาหน้าเลยด้วย แถมยังทำให้ผิวดูไม่แห้ง ไม่แมตต์เกินไปด้วย มีมิติแบบธรรมชาติสุด ๆ ใครติดโบกหนา ๆ อยากให้ลองค่อย ๆ กด ๆ ไปบนผิวดูน้า อาจจะติดใจกว่าก็ได้เน้อ
 
 
ผมสีอ่อนแต่ไม่ยอมเปลี่ยนสีคิ้ว

 
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าถ้าใครผมสีสว่างแต่อยากเขียนคิ้วเข้มก็ไม่ได้ผิดนะคะ เพียงแต่ว่าพยายามเลือกสีที่มันให้ความเป็นธรรมชาติหน่อย ๆ เน้นเป็นโทนน้ำตาลอมเทา จะใช้แบบดินสอหรือฝุ่นก็ได้ทั้งหมดนะคะ แค่นี้ก็ดูสวยเป๊ะไม่เอ๊ะอ๋อแล้วจ้า ส่วนใครที่ทำผมสีอ่อนแต่ไม่เปลี่ยนสีที่เขียนคิ้วจากอันเก่าเนี่ย... อยากบอกว่าเปลี่ยนเถอะค่ะ คือสีผมก่อนที่เราจะทำมันอาจจะเหมาะกับที่เขียนคิ้วอันนี้ แต่พอเราทำสีใหม่แล้วเนี่ยมันไม่เข้ากัน ดังนั้นก็ควรจะต้องเปลี่ยนให้สีอ่อนลงไปใกล้เคียงกับสีผม หรือไม่ก็เพิ่มการปัดมาสคาร่าคิ้วให้สีอ่อนลงก็ได้นะคะ ที่แนะนำแบบนี้เพราะบางคนสีผมก่อนทำเป็นน้ำตาลแดง ที่เขียนคิ้วก็น้ำตาลแดง แต่พอกัดสีผมให้ขาวนวล ๆ แต่ดันใช้ที่เขียนคิ้วเดิมมันจะดูงง ๆ หน่อย เลยอยากให้ใส่ใจตรงนี้เพิ่มสักหน่อย คิ้วเราจะได้ปังเป๊ะด้วยนะจ๊ะ
 
 
จะเฉดดิ้งต้องดูดปากให้แก้มตอบ
 

อีกหนึ่งเรื่องคอนทัวร์ ไม่ใช่แค่วิธีการดูดปากให้แก้มตอบแล้วปัดนะเธอ แต่บางคนมีความชอบเฉดดิ้งมาก แต่เลือกเฉดดิ้งด้วยสีติดส้ม ผลที่ออกมาก็คือดูเป็นกรอบหน้าหรือเงาที่ลอยสุด ๆ คือสีคอนทัวร์ที่ควรเลือกควรจะเป็นน้ำตาลอมเทา ๆ หน่อย คือเงาบนหน้าเรา ๆ มันควรจะออกโทนหม่น ๆ ใช่ม้า ถ้าเราปัดสีส้มก็จะดูแปลก ๆ ไปหน่อย ส่วนวิธีการดูดปากให้แก้มตอบแล้วก็ปัด มันจะดูเป็นเส้นตรงและไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย คือถ้าใครโครงหน้าชัดเขาอาจจะใช้วิธีนี้ได้นะคะ แต่วิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุดคือการเฉดดิ้งตรงแถว ๆ จอนผมใกล้ ๆ หู ปัดเป็นเลข 3 แบบอารบิกหรือตัว L ตามกรอบหน้านั่นเอง มันก็จะทำให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นด้วย ใครฝึกเฉดดิ้งก็ลองเอาวิธีนี้ไปทำตามกันได้นะคะ
 
 
ลิปแมตต์ใช้แล้วตกร่อง
 

ก็จริงอยู่ว่าลิปแมตต์เนื้อไม่ดีพอ หรือถ้าริมฝีปากของเราไม่เรียบเนียนพอก็จะทำให้ลิปสติกตกร่องปากได้ แต่วิธีการง่าย ๆ เพื่อให้ทาลิปแมตต์สวยก็คือทาลิปบำรุงก่อนจะทาลิปแมตต์นั่นเอง หรือจะสครับปากก่อนก็ได้เหมือนกันนะคะ พวกเซลล์หนังปากที่ตายแล้วจะได้หลุดลอกออกไป แถมตอนนี้ลิปก็มีเนื้อหลากหลายมาก ๆ ถ้าใครยังกลัวว่าจะตกร่องก็อาจจะลองไปใช้เนื้อกำมะหยี่ก็ดีนะคะ ปากจะได้ไม่แห้งเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้ลิปตกร่องหนักที่สุดก็คือการไม่ดูแลริมฝีปากอยู่ดีนั่นเองค่ะ ใครที่ประสบปัญหานี้แนะนำให้สครับ ทาลิปมาสก์ก่อนนอน ส่วนก่อนแต่งหน้าก็ทาลิปมันไว้ก่อน พอแต่งทั้งหมดเสร็จเหลือขั้นตอนทาลิปก็ให้ทาทับลงไปเลยหรือจะซับออกหน่อย ๆ แค่นี้ก็ทำให้ปากของเราเวลาทาลิปแมตต์ไม่ตกร่องแล้ว
 
 
ครบทั้ง 7 ข้อแล้วค่า เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย เคยมีความคิดหรือทำวิธีแบบที่เราพูดกันบ้างไหมน้อ ถ้าใครเคยทำก็อยากให้ลองเปิดใจหรือปรับตัวดูนะคะ เราจะได้ลอง ได้เจอกับเครื่องสำอางใหม่ ๆ เยอะขึ้นมากเลย คือสมัยนี้เครื่องสำอางมีเยอะมาก ๆ ออกมาแบบแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าได้ดีงามสุด ๆ แถมยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่แก้ไขปัญหาเก่า ๆ ในเครื่องสำอางได้แล้วด้วย ยังไงก็อยากให้ทุก ๆ คนลองเปิดใจให้กับเครื่องสำอางบางตัวหน่อยน้า อย่าไปคิดหรือเชื่อในอะไรเดิม ๆ ทั้งหมดเลยเน้อ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ของพวกนี้ก็เปลี่ยนไปแล้วเหมือนกัน เทคนิคบางอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เอาล่ะ! ได้เปลี่ยนความคิดกันไปบ้างละ ตอนนี้เราก็คงต้องขอตัวลาไปก่อน

แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook