19 สัญญาณเตือน อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรก สังเกตุอย่างไร ดูแลตัวเองยังไง?
รู้หรือไม่ว่า "อาการคนท้อง" ในช่วงเดือนแรกนั้น มีสัญญาณเตือนหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ ผู้หญิงหลายคนอาจสับสนกับอาการก่อนมีประจำเดือน หรืออาการของโรคอื่นๆ บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย พาคุณไปรู้จัก 17 สัญญาณเตือน "อาการคนท้อง" 1-2 สัปดาห์แรก หรือ อาการท้องอ่อนๆ พร้อมวิธีสังเกตุและดูแลตัวเองเมื่อมีอาการ
วิธีสังเกต อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรก
- สังเกตุการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย เต้านมตึง อารมณ์แปรปรวน
- จดบันทึกอาการต่างๆ
- ตรวจสอบด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์
- ปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์
19 สัญญาณอาการคนท้อง ในช่วง 1-2 สัปดาห์
- ประจำเดือนขาด โดยปกติผู้หญิงจะมีประจำเดือนมาในระยะ 21-35 วัน และจะมาในเวลาใกล้เคียงกันในทุกๆ เดือน แต่ถ้าหากว่า มีอาการประจำเดือนขาด สำหรับคนที่ประจำเดือนมาปกติถ้าประจำเดือนที่เคยมาเป็นปกติขาดหายไป รอแล้วรอเล่าไม่มาสักที แสดงว่าคุณอาจจะกำลังมีการตั้งครรภ์ เพราะหลังจากการปฏิสนธิแล้ว ประจำเดือนจะขาดหายไป แนะนำให้ไปซื้อเครื่องตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ
- มีตกขาวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนจะเริ่มเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งครรภ์ จึงทำให้มีการหลั่งของพวกสารต่างๆ รวมทั้งมีตกขาวในช่องคลอดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นช่วงที่มีตกขาวเพิ่มมากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องหมั่นดูแลเรื่องความสะอาดให้ดี จะต้องล้างและซับให้แห้งสนิททุกครั้ง แต่ไม่ต้องใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะอาจไปฆ่าเชื้อดีๆ ที่ช่วยป้องกันเชื้อร้ายออกไปได้ และที่สำคัญห้ามสวนล้างช่องคลอดเด็ดขาด
- เหนื่อยง่ายหายใจถี่ เนื่องจากตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของคุณแม่นั้นมีความต้องการออกซิเจนจากคุณแม่ จึงทำให้คุณแม่หายใจถี่และรู้สึกเหนื่อยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งมีแรงกดดันต่อปอดและกระบังลมของคุณแม่ไปด้วย
- มีอาการเริ่มคัดเต้านม ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่อาจมีอาการคัดเต้านม ซึ่งจะมีความคล้ายกับตอนมีประจำเดือน และสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเต้านมจะมีขนาดใหญ่ รู้สึกหนัก รอบหัวนมจะมีสีคล้ำกว่าเดิม และบริเวณผิวหนังของเต้านมจะบางลงจนมองเห็นหลอดเลือดดำได้อย่างเด่นชัดมาก แต่อาการคัดเต้านมอาจลดน้อยลงหลังจากตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน
- รู้สึกเมื่อยล้าได้ง่าย การตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกจะทำให้คุณแม่รู้สึกเมื่อยล้าได้ง่าย พร้อมทั้งมีอาการอ่อนล้าและหมดแรง แต่อาการคนท้องลักษณะนี้จะดีขึ้นเมื่ออายุตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง
- เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือ แพ้ท้อง โดยปกติเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 คุณแม่ตั้งครรภ์จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาการนี้จะดีขึ้นเมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง แต่ในบางรายจะพบกับอาการคนท้องดังกล่าวตั้งแต่รอบเดือนหายไป
- ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากร่างกายที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์จะมีการสร้างของเหลวมากขึ้นกว่าเดิม และเลือดเกิดการไหลเวียนมากขึ้น นั่นจึงส่งผลให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย
- อาจจะปวดหัวได้เป็นบางเวลา อาการปวดหัวถือเป็นหนึ่งในอาการคนท้องที่ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์เลยก็ว่าได้ ซึ่งฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการใช้ยาคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
- เริ่มมีอาการปวดหลัง อาการปวดหลังคืออาการคนท้องที่เกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ เพราะน้ำหนักตัวของคุณแม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งศูนย์กลางของการทรงตัวของคุณแม่เปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้การยืน นั่ง หรือเดินเปลี่ยนแปลงไปด้วย
- ปวดเกร็งในช่องท้อง ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีอาการปวดเกร็งในช่องท้องคล้ายกับตอนปวดประจำเดือน และหากมีอาการปวดหน่วงๆ เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการขยายตัวของมดลูก
- เริ่มต้นช่วงแรกจะมีอาการอยากกินอาหารรสเปรี้ยว ความอยากอาหารของคุณแม่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ โดยส่วนใหญ่จะต้องการอาหารรสเปรี้ยว และมักจะมีอาการคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นปลา
- มีอาการท้องผูก ฮอร์โมน progesterone จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้อาหารย่อยได้ช้าและมีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการท้องผูกได้อีกด้วย
- อารมณ์เสียง่าย หงุดหงิดได้ง่าย คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงและมักจะอารมณ์เสียง่าย เนื่องจากระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งร่างกายพยายามปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่
- อุณหภูมิในร่างกายสูง ร่างกายของคุณแม่จะมีอุณหภูมิสูง และรู้สึกร้อนได้ง่าย เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและใช้พลังงานมากขึ้นนั่นเอง
- มีความไวต่อกลิ่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม การตั้งครรภ์จะส่งผลให้คุณแม่มีความไวต่อกลิ่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่ากลิ่นนั้นจะมีกลิ่นหอมหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็ตาม
- เกิดอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะได้ง่าย น้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิตจะลดลงในช่วงตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้คุณแม่มีอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะได้ง่าย แนะนำให้คุณแม่หมั่นดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ดี
- อาจจะมีเลือดออกกะปริดกะปรอย ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยโดยที่ไม่มีอาการปวดเกร็งท้องเลย คุณแม่ควรสังเกตอาการให้ดี หากมีเลือดออกไม่หยุดควรรีบพบแพทย์ทันที
- ไวต่อกลิ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนมีอาการไวต่อกลิ่นมากขึ้น อาจรู้สึกเหม็นอาหารบางชนิด หรือรู้สึกเหม็นกลิ่นที่เคยชอบได้ นอกจากนี้ อาการเวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียนก็อาจเกิดขึ้นได้เมื่อได้กลิ่นที่ระคายเคือง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
- ปวดหลัง อาการปวดหลังเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีระที่เกิดขึ้นในร่างกายเพื่อรองรับการเติบโตของทารกในครรภ์
วิธีดูแลตัวเองเมื่อมี "อาการแพ้ท้อง"
เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์และการคลอด โดยควรปฏิบัติดังนี้
- ทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นทานผักผลไม้ ธัญพืช โปรตีน และไขมันดี
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 แก้ว เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: เลือกออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ส่งผลต่อทารกในครรภ์
- ปรึกษาแพทย์: ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับคำแนะนำเพิ่มเติม
สรุป
"อาการคนท้อง" 1-2 สัปดาห์แรก นั้น มีสัญญาณเตือนหลายอย่าง ผู้หญิงควรสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จดบันทึกอาการต่างๆ และตรวจสอบด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์ หากมี อาการเหล่านี้ควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง ทานอาหาร ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่า พักผ่อน ออกกำลังกาย และปรึกษาสูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ