8 วิธีชาเลนจ์ เก็บเงินผ่านเกมสนุกๆ ท้าทายได้เงินเก็บเพิ่ม
ออมเงินไม่อยู่ เก็บเงินยังไงก็เก็บไม่ได้ เหมือนกับกระเป๋ามันมีรูรั่วอยู่ข้างใน อาการแบบนี้ไม่ว่าใครก็เคยเป็นกันทั้งนั้น จะให้ทำอย่างไร คนมันต้องกินต้องใช้ ได้เงินมาจะใช้ให้หมดไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย อย่าปลอบใจตัวเองอีกต่อไป มันมีวิธีเก็บเงิน แค่เราทำไม่ได้แค่นั่นเอง หรือคุณอาจจะเก็บเงินไม่ถูกวิธี ใคร ๆ ก็อยากมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น แต่เผลอแป๊บเดียวรู้ตัวอีกทีก็เผลอใช้เงินไปจนเกือบหมด
เราลองมาคิดวิธีเก็บเงินให้เป็นเกมสนุก ๆ กันไหม เช่น การชาเลนจ์ตัวเอง นั่นก็คือเปลี่ยนการออมเงินให้เป็นเกมสุดท้าทาย ด้วยการปรับพฤติกรรมการเงิน โดยการทำภารกิจ 8 ด่านนี้ ใครที่อยากมีเงินออมเพิ่มขึ้น ต้องลองวิธีนี้เลย
ชาเลนจ์ที่ 1 “งดซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง”
สำหรับใครที่ชอบวิ่งหาของใหม่ และมองไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่แล้ว (ซึ่งจริง ๆ มันก็ใช้ได้นี่นา) คนยุคเรายังมีของ “ใช้แล้วทิ้ง” อยู่ในชีวิตเยอะไปหมด จนเราไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับสิ่งของที่เราซื้ออีกต่อไป เมื่อไรที่ของบางสิ่งเสียหรือพัง เราก็พร้อมที่จะหาซื้อสิ่งอื่นมาทดแทนได้ทันที ก็แหม ของมันถูกจะตายไป หรือแค่คำว่า “ของมันต้องมี”
การชาเลนจ์ตัวเองด้วยไอเดีย Anti-Haul ถ้าเรามองแง่ลบก็เหมือนมันกำลังต่อต้านการซื้อของหรือชอปปิงของเรา แต่จริง ๆ แล้วมันคือการสนับสนุนให้เราใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วให้คุ้มค่าที่สุดเสียก่อน มีวิจารณญาณให้มากขึ้นกับการซื้อของแต่ละอย่าง และไม่กดดันให้ตัวเองต้องซื้อของเพิ่ม ถ้าเราไม่ได้ต้องการมันจริง ๆ วิธีนี้ก็แค่เลิกซื้อ เลิกอวด เลิกแกะกล่อง ถ้าทำได้ใน 1 เดือน เชื่อเลยว่าคุณต้องมีเงินเก็บเพิ่มไม่ต่ำกว่าหลักพันแน่นอน
ชาเลนจ์ที่ 2 “งดขนมและของหวาน”
ชีวิตขาดหวานไม่ได้ นอกจากจะสูบเงินในกระเป๋าคุณแล้ว คุณยังได้น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นกำไรแถมมาให้ด้วย เพราะวัน ๆ หนึ่งคนทำงานต้องกินต้องใช้ กาแฟ ชา ขนม นม เนย ของขบเคี้ยวแก้ง่วง ถ้าซื้อบ่อย ซื้อประจำ ก็เปลืองเงินไปแบบไม่รู้ตัว อะไรที่ลดได้ก็ลดดีกว่า ถือซะว่าเป็นการลดน้ำหนักไปในตัวด้วยเลย
วิธีลดแบบไม่ทรมานตัวเองก็แค่ปรับพฤติกรรมง่าย ๆ ลดการซื้อชา กาแฟ เปลี่ยนมาซื้อชาเป็นกล่อง กาแฟผงชงเอง ลดปริมาณขนมขบเคี้ยวที่รับประทานประจำวัน วางแผนอาหารการกินของตัวเอง กรณีหักดิบตัวเองแบบเลิกกินไปเลยลองคำนวณเล่น ๆ ดูกว่าถ้าเราซื้อกาแฟโบราณไม่ต้องแพงมากราคาแก้วละ 35 บาทเป็นประจำทุกวันเราไปทำงานเฉลี่ย 20-25 วัน ต่อ 1 เดือน (35X25 = 875 บาท) ถ้าเราประหยัดแบบนี้เป็นเวลา 12 เดือน เราจะเหลือเงินเก็บ เพิ่มขึ้นอีก 10,500 บาท ต่อปีเลยทีเดียว
ชาเลนจ์ที่ 3 “พกเงินสด ลดความเพลินตอนรูดบัตรเครดิต”
เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตอย่างยิ่ง ซึ่งก็มักมาจากพฤติกรรมการรูดเพลิน พอรู้ตัวอีกทีบิลก็กองท่วมหัวแล้ว มีปัญหาทางการเงิน ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด วิธีง่าย ๆ ก็คือให้กดเงินสดสำหรับใช้จ่ายใน 1 เดือน แล้วบริหารเงินส่วนนี้ให้เพียงพอ และห้ามใช้บัตรเครดิตเป็นเด็ดขาด ให้ย้อนไปถึงวัยเรียนตอนที่เราโดนจำกัดเงินค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์ เราก็ยังสามารถใช้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร แต่พอสามารถหาเงินใช้ได้เองมีเท่าไรกลับไม่พอใช้ซะนี่ เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริง
ชาเลนจ์ที่ 4 “หยอดกระปุกตามวันในปฏิทิน”
สิ้นปีทีไรพนักงานเงินเดือนอย่างเรา ๆ คงหวังเงินโบนัสจากบริษัทแน่ ๆ แล้วไม่อยากได้โบนัสส่วนตัวของตัวเองบ้างเหรอ เปรียบเหมือนรางวัลชีวิตว่านี่แหละที่ฉันทนเหนื่อยมาทั้งปี เปลี่ยนจากมีเสื้อผ้ากองโต เป็นเงินก้อนโตที่เราเก็บเอง หาฤกษ์งามยามดีตามปฏิทินแล้วเริ่มหยอดกระปุก วันที่ 1 เริ่มหยอด 1 บาท/ วันที่ 2 เก็บเพิ่ม 2 บาท/ วันที่ 30 เก็บเพิ่ม 30 บาท ทริกคือเก็บเพิ่มวันละ 1 บาท ไปจนครบ 365 วัน สิ้นปีจะมีเงินเก็บ 66,795 วันไหนเก็บเงินไปแล้วก็ใช้วิธีขีดตัวเลขออก แต่วันไหนสามารถเปย์ตัวเองหนักได้ก็จัดเลย รับรองเลยว่าภายใน 1 ปีมีเงินแสนให้คุณได้เชยชมเป็นโบนัสสิ้นปีให้ตัวเองแน่นอน
ชาเลนจ์ที่ 5 “เก็บเงินทอนทุกครั้ง”
ทุกครั้งที่ได้รับเงินทอนจากร้านค้า ไม่ว่าจะจำนวนเท่าไรก็ตามให้ปัดเศษเป็นตัวเลขกลม ๆ เช่น ได้เงินทอนมา 18 บาท ให้ปัดเศษเป็น 20 บาท หักไว้ใช้ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งนำไปหยอดกระปุก ระยะเวลาสำหรับชาเลนจ์นี้เราก็สามารถกำหนดได้เลยว่าเราจะใช้เวลานานเท่าไร เช่น 1 ปี เราก็อาจจะได้เห็นเงินก้อนจากเงินทอนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกทางหนึ่ง
ชาเลนจ์ที่ 6 “ขายของที่ใช้แล้ว”
Sale ป้ายที่เสมือนมีเวทมนต์หยุดสายตานักช้อปและดึงดูดให้เข้าไปซื้อทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ ด้วยอารมณ์ “ของมันต้องมี” ที่บังตา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าของทั้งหมดที่ซื้อมากลับต้องโดนดองอยู่ในตู้ งั้นลองมาเปลี่ยนสินทรัพย์ให้เป็นเงินออมกันดีกว่า คัดของที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์ นำมาถ่ายภาพสวย ๆ บวกไอเดียแต่งภาพให้ดูน่าสนใจเล็กน้อย นำไปโพสต์ขายในโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์สำหรับขายของมือสองฟรีซึ่งก็มีหลายเว็บน่าสนใจ และนำเงินที่ขายได้เป็นเงินออมทั้งหมด หรือจะหักแบบ 70-30 ก็ได้
ชาเลนจ์ที่ 7 “ห้ามทิ้งใบเสร็จส่วนลด”
ในห้างมักจะมีป้ายลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ทำให้เราใจบางอยู่บ่อย ๆ ทุกครั้งที่จ่ายเงินแล้วให้สังเกตในท้ายใบเสร็จทุกครั้ง เช่น ซื้อสินค้าได้ส่วนลด 50 บาท ก็นำเงิน 50 บาทมาหยอดกระปุก หรือนำใบเสร็จส่วนลดไว้ใช้ การใช้คูปองส่วนลด ดีลพิเศษต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ประหยัดเงินในกระเป๋าของเราแล้ว ยังเป็นความสนุกอย่างหนึ่งด้วย
ถือเป็นการเอาชนะรูปแบบหนึ่ง เสมือนเล่นเกมที่ยิ่งได้ส่วนลดมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นความสุขในการซื้อของมากขึ้น ดังนั้น อย่าคิดว่าการใช้คูปองส่วนลดเป็นเรื่องที่น่าอาย เพราะคนรวยเขาก็ทำเหมือนกัน
ชาเลนจ์ที่ 8 “ติดดินบ้างก็ได้ ไม่ต้องหรูหรา”
คนรวยบางคนก็ไม่ได้ทำตัวหรูหราเสมอไป ออกจะทำตัวติดดินด้วยซ้ำ เลิกสนใจคำพูดของคนอื่น ๆ ที่คิดว่าการประหยัดเงินเป็นเรื่องของคนงก เพราะมีแต่คนที่ใช้เงินเป็น เท่านั้นที่จะรวยขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน ดังนั้น เทคนิคการใช้เงินอาจแตกต่างกันไปตามบุคคล ซึ่งเราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น ๆ ได้ เพื่อจะช่วยให้เรามีแนวทางประหยัดเงินมากขึ้น
สุดท้ายนี้ การออมเงินไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นเรื่องของการวางแผน ตั้งใจ หักห้ามใจ และมีวินัยในตนเอง รับรองได้เลยว่า ถ้าทำตามทั้ง 8 วิธีที่กล่าวมานี้ ยังไงก็มีเงินเก็บแน่นอน