ตกงานคนเดียวเดือดร้อนทั้งบ้าน ต้องรับมืออย่างมีสติ

ตกงานคนเดียวเดือดร้อนทั้งบ้าน ต้องรับมืออย่างมีสติ

ตกงานคนเดียวเดือดร้อนทั้งบ้าน ต้องรับมืออย่างมีสติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับคนวัยทำงาน “การตกงาน” เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ เพราะจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ “เงิน” การที่เรามีงานทำ ยังหาเงินมาไว้ใช้กินใช้จ่ายได้อยู่ดี ๆ จู่ ๆ ก็ไม่มีรายได้ซะงั้น ในขณะที่ชีวิตของเราก็ยังคงต้องใช้เงินในการซื้อหาปัจจัยต่าง ๆ มาดำรงชีวิตทุกวัน แล้วเราจะอยู่อย่างไรดี หากเงินค่อย ๆ ร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ในสถานการณ์ที่ยังหางานใหม่ทำไม่ได้ด้วย

การตกงานส่งผลกระทบต่อแต่ละคนไม่เท่ากันด้วย ซึ่ง “ครอบครัว” เป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างทั้งความเครียดและความกดดันให้กับคนที่ตกงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการตกงานไม่มีเงินกินเงินใช้ กับคนที่มีครอบครัวแล้วล่ะก็ ตัวเราจะไม่ได้เดือดร้อนคนเดียวแน่นอน ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องรับแรงกระแทกนี้ไปด้วย จะมากจะน้อยก็อยู่ที่จะบริหารจัดการได้แค่ไหนและมีงานใหม่ได้เร็วแค่ไหน ยิ่งเงินจากคนทำงานไม่กี่คนต้องใช้เลี้ยงสมาชิกในครอบครัวจำนวนมากเท่าไร ความลำบากก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะเท่ากับว่าจะมีคนที่ท้องไม่อิ่มหลายคนทีเดียว ต่างจากคนโสดที่อยู่ตัวคนเดียวพอสมควร ปกติเคยหาเงินคนเดียว ใช้เงินคนเดียว พอไม่มีเงินเวลาอดก็อดคนเดียว ไม่เดือดร้อนใคร

ถ้าบรรดาเสาหลักของครอบครัวเกิดตกงานขึ้นมา จะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้างเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนเดือดร้อนน้อยที่สุด

บอกให้สมาชิกในบ้านได้รับรู้
ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนักหรอกที่ต้องบอกให้คนในบ้านรู้ว่าเวลานี้เรากำลังตกงาน บอกให้รู้เพื่อที่จะได้รู้สถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวว่าจะมาใช้จ่ายเงินแบบเดิมไม่ได้แล้ว สำหรับผู้ใหญ่เมื่อรู้แล้วจะได้ร่วมคิดหาวิธีแก้ปัญหา กับบรรดาลูก ๆ การตกงานก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเหนียมอาย ละอายใจจนไม่กล้าบอกลูก เพียงแต่อาจต้องเลือกบอกเด็กที่โตหน่อย พอจะรับผิดชอบนั่นนี่ได้ รู้ประสีประสา ถ้าไม่มีลูกคนไหนที่เป็นเด็กน้อย อาจจะเลือกบอกทุกคนก็ได้ เพื่อขอความร่วมมือและทำข้อตกลงร่วมกันในช่วงที่ไม่มีรายได้ อย่าปิดบัง อย่าหลบซ่อน ไม่เช่นนั้นสมาชิกคนอื่น ๆ จะไม่รู้สถานการณ์ทางการเงินแล้วใช้ชีวิตปกติ เรื่องจะบานปลาย เวลานี้ทุกคนต้องช่วยกัน อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด


เช็กสถานะทางการเงิน
สมาชิกทุกคนในบ้านจำเป็นต้องใช้เงิน เงินที่คุณเคยหาได้นั้นอาจต้องแบ่งมาดูแลบุพการี ค่าใช้จ่ายสารพัดของลูกที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนและเรียนหนังสือ รวมถึงค่ากินค่าอยู่ของตนเอง หากเสาหลักของบ้านตกงาน สถานะการเงินที่เคยดีย่อมไม่มั่นคงอย่างแน่นอน ก่อนที่จะวางแผนการเงินอื่น ๆ ต้องเช็กสถานะทางการเงินในปัจจุบันก่อนว่าเป็นอย่างไร เงินชดเชยที่ตนเองพึงได้จะได้เท่าไร ทรัพย์สิน หนี้สินมีจำนวนเท่าไร รายจ่ายประจำเดือนที่ต้องจ่ายอยู่ทุกเดือนมีมากน้อยแค่ไหน ภาระหนี้สินมีที่ไหนบ้างทำลิสต์ไว้เพื่อไปเจรจาประนอมหนี้ เงินสำรองฉุกเฉินที่มีมีอยู่เท่าไร เพียงพอให้สามารถใช้ชีวิตไปได้อีกกี่เดือน นี่คือเรื่องที่ต้องรู้ ไม่เช่นนั้นจะลำบากกว่าเดิม


ลดรายจ่าย
เงินที่เคยหามาเติมเต็มคนในบ้านได้ทุกเดือน เพื่อถึงจุดที่ตกงาน แผนทางการเงินที่เคยดี ๆ จะเสียสมดุล รายรับหายไปแต่รายจ่ายเท่าเดิม แบบนี้จะเดือดร้อนกันถ้วนหน้า เพราะฉะนั้น นี่คือเหตุผลหลักที่ว่าทำไมสมาชิกคนอื่น ๆ ควรจะได้รู้ว่าคนหาเงินหลักของบ้านกำลังตกงาน พูดคุย ขอความร่วมมือ หรือแม้กระทั่งทำข้อตกลงกับสมาชิกทุกคนว่าให้ช่วยกันลดรายจ่ายลงให้มากที่สุดในช่วงนี้ และให้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ของฟุ่มเฟือยทั้งหลายในเวลานี้ต้องคุมเข้มบัญชี อย่าเพิ่งซื้ออย่างเด็ดขาด เพราะเรายังไม่รู้อนาคตว่าจะสามารถหางานใหม่ได้เมื่อไร ค่อย ๆ พูดคุยสร้างความเข้าใจร่วมกัน แม้ว่าอาจจะทำให้ทุกคนต้องพลอยเครียดไปด้วย แต่การคุมรายจ่ายสมาชิกทุกคนก็ต้องทำจริง ๆ


รีบหารายได้เสริม
หากรู้สถานการณ์การเงินปัจจุบันของครอบครัวแล้ว บางทีการลดรายจ่ายแล้วกินเงินเก็บมันอาจจะไม่พอ ขายสินทรัพย์กินก็ไม่ยั่งยืน ยิ่งถ้าจำนวนคนครอบครัวมีหลายคน เงินจะหมดเร็วกว่าที่คาดการณ์ ดังนั้น ทางเดียวที่จะทำให้ทุกชีวิตในบ้านรอดไปตลอดรอดฝั่ง นั่นก็คือการรีบหารายได้เสริมอย่ารอเวลาที่จะได้งานใหม่ สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ไม่มีอะไรการันตีว่างานจะหาง่ายเหมือนแต่ก่อน เพราะธุรกิจต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย การหารายได้เสริมจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้มีเงินเข้ากระเป๋าอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่มากแต่ก็ประทังชีวิตได้ ไม่จำเป็นว่าคนที่ตกงานเท่านั้นที่ต้องออกไปหารายได้เสริม ถ้าลูก ๆ อายุทำงานพาร์ทไทม์ได้แล้วก็อาจช่วยแบ่งเบาได้เช่นกัน แล้วแต่คุยตกลงกัน


เป็นกำลังใจให้กัน
การที่สถานะทางการเงินของบ้านไม่มั่นคง จากที่เคยกินหรูอยู่สบาย ต้องลดเกรดความสบายลงมา แน่นอนว่ามันทำให้ทุกคนเครียดไปตาม ๆ กัน แต่สภาพจิตใจของคนที่ตกงานนั้นอาจจะต้องการการเยียวยามากที่สุด เพราะในใจอาจจะกำลังโทษตัวเองอยู่ว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำให้ทุกคนที่ตนเองรักต้องมาลำบากกันหมด ความคิด ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้สภาพจิตใจดิ่งลงได้ง่ายมาก เพราะฉะนั้น คนในบ้านจะต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของคนที่เป็นคนตกงานอยู่เสมอว่ายังปกติดีอยู่ พยายามอย่าปล่อยให้อยู่คนเดียวนาน ๆ เพราะอาจเกิดความคิดฟุ้งซ่าน คอยเป็นกำลังใจและอย่าสร้างภาระเพิ่ม อย่ากล่าวโทษ ไม่มีใครอยากตกงาน แต่การตกงานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ช่วงหนึ่งเท่านั้นที่ต้องอดทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook