"หยาดพิรุณ - โบ" เปิดหมดเปลือก ความรัก และความเท่าเทียมทางเพศ
ปิดท้ายเดือนแห่งความเท่าเทียมทางเพศ กับอีกหนึ่งคู่รัก LGBTQ+ "หยาดพิรุณ ปู่หลุน" และ "โบ อสิดากาญจน์" คู่รักผู้หญิงและทรานส์แมน ทั้งคู่ดูแลความรักกันมานานกว่า 2 ปี เรียนรู้ทำความเข้าในใจความต่าง หลากหลายมิติ ซึ่งเขาจะรักกันได้อย่างไร ดูแลความรักกันแบบไหน วางแผนอนาคต การแต่งงานมีลูกไว้อย่างไร วันนี้ Sanook Women ขอพาทุกคนมาค้นคำตอบกัน
เมื่อหวานใจเป็นทรานส์เจนเดอร์
หยาด : ตอนที่มีแฟนคนแรกเราก็สับสนนะว่า เอ๊ะ เราชอบเพศอะไรวะ มันก็มีความสับสนในใจเล็กๆ เหมือนกัน แต่พอมาเป็นคนนี้ มันทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้นไปอีกว่า อ๋อ เออ เราน่าจะชอบคนประมาณนี้แหละ อะไรอย่างนี้ค่ะ คือด้วยความเป็นทรานส์เขาจะมีความเป็นผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย จริงๆ ตั้งแต่เด็กไม่กล้าเล่นกับผู้ชาย เพราะรู้สึกว่าผู้ชายมันแมนไปนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยชอบเล่นกับผู้หญิงอีก เพราะรู้สึกว่าผู้หญิงมันมุ้งมิ้งไปนิดหนึ่ง หยาดก็จะมีเพื่อนเป็นเกย์เป็นกะเทยเป็นเลดี้บอยอะไรอย่างนี้ พอมาเจอคนนี้รู้สึกว่ามันพอดีกับเรา เราก็มีจริตจะก้านที่มันเกินผู้หญิงไปนิดหนึ่ง เขาก็มีความเป็นผู้ชาย ในความอบอุ่น ในความเป็นสุภาพบุรุษ แต่เขาก็จะมีความละเมียดละไมความเป็นผู้หญิง คือมันเหมือนมันมิกซ์กันแล้วมันพอดี ก็เลยทำให้การใช้ชีวิตมันไม่ค่อยมีปัญหา เนอะ เขาก็จะเข้าใจเวลาเราแต่งตัวนาน เราทำนั่นทำนี่นาน มีความเป็นผู้หญิง เขาก็จะเข้าใจเพราะเขาก็เคยผ่านมา
ความประทับใจที่มีต่อกัน
โบ : เขามีความเป็นผู้ชายด้วย เขาเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ขี้งอน ไม่จุกจิกจนเกินไป ทำให้โบรู้สึกว่าเวลาอยู่ด้วยได้เป็นตัวเองเต็มที่ แล้วก็ไม่ว่าโบจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม เขาไม่เคยห้ามโบ ที่โบจะสามารถตัดสินใจตามใจตัวเองได้ จนถึงวันนี้เขาก็ไม่ห้าม มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ คนที่ผ่านๆ มาหรือว่าปกติทั่วไป อย่าทำอย่างนั้นเลย ไม่เอา ฉันหวงอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คนนี้จะไม่มี อาจจะเป็นเพราะเขาอายุมากกว่าเราด้วย ก็แฮปปี้ครับ
หยาด : คือเขาน่ะอายุน้อยกว่าเราก็จริง แต่ความคิดเขาคือมันไปไกลมากแล้ว เขามีความเป็นผู้ใหญ่เยอะมากในตัว เลยทำให้เราไม่รู้สึกว่าเขาเด็ก เขามีความรู้ มีความสามารถ มีการจัดระบบความคิด คือเขาดูแลเราได้ จัดการชีวิตตัวเองได้ จัดการชีวิตเราได้ด้วย แล้วเขาเป็นคนขยันทำมาหากิน เป็นคนขยันหาความรู้ แล้วเขาเป็นคนสนุกสนาน เพื่อนเราทุกคนเวลาพาเขาไปเจอ ทุกคนก็จะรักก็จะเอ็นดูเขา ด้วยความสามารถแล้วก็ด้วยความเป็นกันเองของเขา
ปรับตัวเข้าหากัน เมื่อคบกัน
โบ: ต้องปรับครับ โบเชื่อว่าทุกคนแล้วก็ทุกคู่แหละต้องปรับตัวเข้าหากัน ไม่มีใครที่จะเข้าใจคนอื่นไปทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก มันจะต้องมีบางส่วนสักนิดหนึ่งที่เราจะต้องทำความรู้ รู้จักกันใหม่ เวลาที่เรามาอยู่ด้วยกัน ในหลายๆ เรื่องนะ เอาจริงๆ แต่สำหรับตัวโบเอง โบรู้สึกว่าพอโบคิดแบบนี้ว่าทุกคนต้องปรับเหมือนกันน่ะ มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่โบจะปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างเพื่อให้เราใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข
หยาด : มีแค่เรื่องนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ เราน่ะอยู่บ้านเยอะ ชอบอยู่บ้านกัน ทำงานที่บ้าน ถ้าวันไหนไม่มีงานออกไปข้างนอกก็จะอยู่ที่บ้าน เพราะฉะนั้น เรื่องมันก็จะจุกจิกกันอยู่ที่บ้าน มีคนชอบถามว่าทำงานด้วยกันไม่ทะเลาะกันเหรอ คือเราอยู่ด้วยกันแบบ 24 ชั่วโมง 24 ชั่วโมงจริงๆ เลย มันก็มีทะเลาะบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่มันไม่ถึงขั้นที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เลย
โบ : แต่พอเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนด้วยความเขาเป็นผู้ใหญ่และด้วยความที่อาจจะโบใจเย็นด้วย เวลามีเรื่องใหญ่จริงๆ ที่เข้ามาแล้วเป็นปัญหา เราจะคุยกันว่า ทำไมเราต้องเลือกวิธีการนี้ หรือว่าทำไมเราต้องเลือกวิธีการนี้ คุยกันด้วยเหตุผลตรรกะมากกว่า แต่ว่าเรื่องที่ใช้อารมณ์อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ อันนี้กินไม่หมด อันนี้หวานเกิน หรือว่าอันนี้เค็มไป
การคบกับผู้หญิงทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นหรือไม่
โบ: โบว่าถ้าให้โบหาแฟนเป็นผู้หญิงกับหาแฟนเป็นผู้ชายน่ะ โบว่าโบมีโอกาสหาแฟนเป็นผู้หญิงได้ง่ายกว่าหาแฟนเป็นผู้ชาย เพราะว่าโบเข้าใจความเป็นผู้หญิงมากกว่าความเป็นผู้ชาย ถ้าแบบ ผู้หญิงเป็นประจำเดือน ประจำเดือนมา เราจะแบบ เธอ ฉันเข้าใจ กินยาอันนี้เลย ผ้าอนามัยอันนี้ กินยาอันนี้ นอนตอนนี้ นอนท่านี้ดี แต่ถ้าเป็นผู้ชาย ดูแลยากแล้วทีนี้ อาจจะเป็นข้อได้เปรียบครับ แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าผู้ชายปกติที่ชอบผู้หญิงน่ะจะไม่สามารถเข้าใจแบบโบได้ มันแล้วแต่คนมากกว่า
ครอบครัวกับความรัก
โบ: เป็นคนแรกที่ครอบครัวโอเค พูดจริงๆ คือคนนี้เป็นแฟนคนที่ 7 (หัวเราะ) แต่คือคนที่โบเปิดน่ะ คือโบนไม่เคยเปิดกับที่บ้าน เพราะว่าที่บ้านแบบว่าค่อนข้างเป็นบ้านที่ Conservative หน่อยๆ จะมีความหัวโบราณนิดๆ ก็เลยไม่เปิด แต่พาคนนี้ไปเปิด เขาเข้าหาผู้ใหญ่เก่งมาก ที่บ้านแฮปปี้มาก แม่เรียกว่าลูกสาว
หยาด: ครอบครัวเขาน่ารักมากนะคะ ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงมีจิตใจที่ดี โบเป็นคนจิตใจดีมาก แต่ว่าบางคำพูดเขาอาจจะมีความกระด้างนิดหนึ่ง แต่ว่าจริงๆ เขาเป็นคนจริงใจ พอได้ไปเจอครอบครัวเขาเลยไม่แปลกใจเลย ป๊ากับม้าเขาเป็นคนน่ารัก น่ารักมากๆ เป็นผู้ใหญ่มาก แต่ฝั่งของหยาดคือ โชคดีเหมือนกันค่ะ พ่อกับแม่ก็เป็นครอบครัวที่ลูกรักใครก็รักด้วย ขอแค่คนนั้นเป็นคนดี
วิธีดูแลความรัก
โบ: สำหรับโบ โบไม่ค่อย โบเป็นคนตรงแล้วก็ไม่ค่อยเก็บรายละเอียดกับวันพิเศษ จะมีความไม่เหมือนผู้หญิงตรงนี้ ที่ไม่อยากเก็บรายละเอียดวันนี้วันนั้นอะไรอย่างนี้ แต่ว่าจะให้ความสำคัญกับทุกวัน เขาป่วยก็จะดูแล หรือว่าอยากกินอะไรก็จะพาไปกิน ทะเลาะกันก็จะง้อ อย่างนี้มากกว่า โบไม่เชื่อเรื่องของการที่แบบ สมมติทำไม่ดีมา 3 เดือนแล้ววันนี้วันพิเศษวันเดียวแล้วมันจะทำให้ความสัมพันธ์นั้นเป็นไปได้ด้วยดีไปตลอดครับ โบเชื่อมากกว่า ถ้าสมมติว่าเราทำให้มันดีในทุกๆ วัน ความสัมพันธ์นี้มันจะดีต่อไปเรื่อยๆ
หยาด: อันนี้เรื่องจริง เขาเป็นคนที่ทำให้ทุกวันเหมือนวันพิเศษทุกวัน เขาจะมีมุมน่ารัก ขอกอดขอหอมเรา มันเป็นเล็กๆ แต่เรารู้สึกว่า ถ้าเขาไม่ใช่เป็นคนแบบนี้มันจะทำให้ความรักของเราค่อนข้างกระด้างมากๆ เลย แต่พอมันมีมุมนี้มันทำให้มันละมุน มันดูน่ารักขึ้นมา
โบ: (หัวเราะ) เพราะเวลาไปขอกอดขอหอมปุ๊บ คนนี้ก็จะรำคาญๆ
หยาด: เราก็จะเป็นคนแบบ ไปๆ คือเขาเป็นคนหวานมาก เขาหวานมากๆ เขาจะขอกอดหน่อย ขอหอมหน่อย แล้วถ้าเราคล้อยตามน่ะ เพื่อนรอบข้างมันจะเลี่ยน เพื่อนเขาจะหมั่นไส้ เราก็จะแบบ พอแล้วๆ รำคาญ เราก็จะปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่ว่ามันก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ความรักมันอยู่ได้ยืดยาวจริงๆ แต่สำหรับหยาด หยาดก็จะดูแลเขาเล็กๆ น้อยๆ รู้ว่าเขาชอบอันนี้ ชอบนวด ก็จะไปส่ง เราสองคนทำงานค่อนข้างหนัก แล้วก็ไม่เป็นเวลา พักผ่อนน้อย เพราะฉะนั้นการได้กินของอร่อย การได้ทำอะไรที่อยากทำ ไปเที่ยวบ้าง เขาชอบเที่ยว ชอบถ่ายรูป โอเค พาเขาไปทำในสิ่งที่เขาชอบ แค่นี้มันก็เหมือนเติมเต็มในแต่ละวันให้มันผ่านไปเรื่อยๆ
อยากมีลูกแต่ต้องคิดเยอะ
โบ: ตอนแรกอยากมีลูกมาก อยากมีลูกคือลูกของหยาดคนหนึ่ง ลูกของโบคนหนึ่ง สลับกันท้อง อันนี้คือแพลนแรกปุ๊บ เมื่อปีที่ผ่านมาพี่สาวเขามาจากสวีเดน เอาหลานมาให้เลี้ยง ก็เลยลองเลี้ยงหลานดู 1 สัปดาห์ อุ้ม นู่นนี่นั่นเลี้ยงๆ พอหลานบินกลับสวีเดนแล้วก็หันมาถามกันว่า ยังอยากมีลูกอยู่ไหม ตอบพร้อมกันว่า "ไม่"
หยาด : โอเค งั้นเลี้ยงหมาแทนไหม เลี้ยงน้องหมา ตอนนี้ไม่อยากเลี้ยงอะไรแล้ว ก็เลยน่าจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่ว่าในอนาคตก็ไม่แน่เนอะ ยังไม่รู้เหมือนกัน
โบ: แต่ด้วยความที่ตอนนี้เขาอายุ 31 แล้ว โบก็บอกว่าถ้าสมมติว่าเรายังตัดสินใจไม่ได้หรือว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อมน่ะ ยูไปฟรีซไข่ก่อนไหม เพื่อให้คุณภาพของไข่มันยังใช้ได้อยู่ แล้วตอนถึงเวลานั้นไอสามารถท้องให้ได้เพราะว่าตอนนี้ก็ยังเก็บมดลูกไว้อยู่ เพราะว่าตอนนั้นถ้าสมมติว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเขาอายุประมาณ 36 ซึ่งโบน่ะไม่อยากให้เขาท้องเกินสัก 35 เพราะว่ากลัวว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับครรภ์
หยาด: พอมันเป็นเมืองไทย เราเป็นห่วงลูกในหลายๆ ด้าน อันนี้เราต้องยอมรับก่อนเนอะ ตั้งแต่เรื่องการศึกษา ความเป็นอยู่ ชีวิตของเขาอะไรอย่างนี้ เราก็เลยแอบคิดเยอะขึ้นนิดหนึ่ง
โบ: นโยบายของรัฐบาลมีผลเรื่องการตัดสินใจการมีลูกได้เลยนะครับ อันนี้คือเรื่องจริง โบน่ะจบเศรษฐศาสตร์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ จริงๆ ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจยังไม่มีลูกก็เพราะเรื่องนี้ด้วย
หยาด: คือเราไม่ได้อยากมีลูกแค่เติมเต็มความสุขของเราเนอะ เราอยากให้เขาเติบโตมาเขามีความสุข
โบ: ให้เขาได้เติมเต็มความสุขตัวเองด้วย
หยาด: ใช่ แล้วก็ไม่ได้เป็นภาระของสังคม ไม่อยากให้เขาโตมาแล้วต้องดิ้นรนอะไรอย่างนี้มากมาย ไม่อย่างนั้นคือเราอยู่กันแค่นี้ก็แฮปปี้ดีอยู่แล้วค่ะ
รับมืออย่างไร กับคนที่ไม่ยอมรับความรักแบบเพศทางเลือก
หยาด: ของหยาดนี่แทบไม่เจอเลย เพราะว่าด้วยความที่โตมาตั้งแต่เด็ก หยาดมีเพื่อนเป็นกะเทยตั้งแต่อนุบาล เราก็จะมีเพื่อนในสังคม ถ้าจะมีก็จะมีแค่ครอบครัวตัวเองนิดหนึ่งตอนแรกๆ ตั้งแต่ช่วง จำได้ช่วงประมาณประถมเกือบ ม.ต้น ปลาย ๆ เขาเคยห้ามเหมือนกันนะ เขาเคยแบบว่า จริตเรามันเกินผู้หญิงไปนิดหนึ่ง ไม่ค่อยอยากให้เล่นกับเพื่อนกะเทยเท่าไร เขารู้สึกว่า คือคนแก่น่ะเนอะ คนต่างจังหวัด เขาก็อยากให้เราเป็นเหมือนผ้าพับไว้ เป็นผู้หญิงก็ต้องเรียบร้อย แต่เราก็พยายามบอกเขาว่าไม่ ไม่เลย คือคำว่าเพศที่ 3 หรือเพศไหนก็ตาม มันไม่ได้มีอะไรที่แย่เลย คือเขาเป็นสนุกสนานนั่นคือสีสัน นั่นคือเวย์ของเขา หยาดก็พยายามจะพาเพื่อนไปบ้านบ่อยๆ แล้วก็ทำให้พ่อแม่เห็นว่า เพื่อนหยาดที่เป็นเพศต่างๆ ดูสิเขาน่ารักมากเลยนะ จนเขายอมรับได้ จนมีแฟนก็เป็นเพศหลากหลายอีก เขาก็เลย เหมือนพอเขาเริ่มซึมซับค่ะ ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้แล้วตอนนี้
โบ: ของโบก็จะมีบ้างครับ คือด้วยความเรา ถ้าบอกว่าเป็นทอม เจ้าฮะ หมั่นไส้นะ มันน่าหมั่นไส้นะสำหรับผู้ชายบางคน เขาจะรู้สึกว่ามันน่าหมั่นไส้จังเลย ทำไมเป็นผู้หญิงดีๆ ไม่ถักเปียไม่อะไร ทำไมต้องมาทำตัวเป็นผู้ชายด้วย ก็มี มีคนที่เขาหมั่นไส้แล้วพูดจาแบบไม่ดีใส่ก็มี แต่โบเลือกที่จะวางเฉยมากกว่าครับ หมายถึงว่าก็พูดมาเราก็ (ลอยหน้าลอยตา) ยังไงนะ หืม ทำเป็นไม่ได้ยินไปเลย เพราะว่าหนึ่งคือ เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้ แต่สิ่งที่เราเปลี่ยนได้คือ เปลี่ยนตัวเอง ก็ไม่ต้องฟัง เพราะเรา ขอแค่ว่าสิ่งที่พ่อโบสอนก็คือ ถ้าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนน่ะ เราทำไปเถอะ ทำในสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข โบมั่นใจว่าสิ่งที่โบทำในวันนี้มันไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นโบไม่จำเป็นที่จะต้องไปฟังคำที่ทำให้ตัวเองน่ะรู้สึกไม่ดี มองผ่านไปเลยดีกว่า
แผนแต่งงานในอนาคต
โบ: ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ ฉันต้องออกมาทำงานหาเงินด้วยแล้วเพื่อจะให้เราอยู่ด้วยกันได้ คือแพลนมันก็ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ แต่หลักๆ แล้วแพลนของทั้งคู่เลยก็คือ ขอให้ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็กินอะไรอร่อยๆ ด้วยกันก็พอแล้ว
หยาด: ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แพลนแต่งงานคือตอนแรกเป็นคนที่อินเรื่องแต่งงานมาก ชอบ อยากเป็นเจ้าสาว เกิดมาครั้งหนึ่งอยากมีงานแต่งงานที่หวานๆ น่ารักๆ ครอบครัวได้มารวมกัน คิดแบบนั้นตอนเด็กๆ แต่พอโตขึ้นมาเรารู้ว่าความเป็นจริงน่ะมันไม่จำเป็นต้องอย่างนั้นก็ได้ แล้วยิ่งมาเป็นโบอีก รู้สึกว่า หนึ่งครอบครัวเราน่ารักทั้งคู่เลย อาจจะเป็นแค่งานเล็กๆ ที่ได้มาเจอกันก็พอ ซึ่งน่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้อีก
สมรสเท่าเทียม
โบ: เรื่องการแต่งงานสำหรับโบไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตครับ ที่ใหญ่ในชีวิตเกี่ยวกับการแต่งงานคือเรื่องกฎหมายมากกว่า ถ้าพูดตรงๆ งานแต่งงานเป็นเรื่องของสังคม แต่กฎหมายนี่มันเป็นเรื่องที่มีผลกับชีวิตของเรามากกว่า คือค่อนข้างมีผลกับความเป็นอยู่มากกว่า แต่งงานกันแล้ว บ้านทำยังไง แต่งงานกันแล้ว รถชื่อใคร หรือว่าแต่งงานกันแล้วคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป อีกคนหนึ่งมีสิทธิ์รับมรดกไหม อันนี้จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะใหญ่กว่าสำหรับโบ
หยาด: สวัสดิการพื้นฐานค่ะ
โบ: ใช่ครับ ถ้าเขาเข้าโรงพยาบาล โบมีสิทธิ์เซ็นให้เขาเข้าไปผ่าตัดได้ไหม ในฐานะ พ.ร.บ. คู่ชีวิตตัวใหม่ สามารถทำได้ไหม หรือว่าในอนาคตรองรับมากแค่ไหน ต้องรอหรือเปล่า อันนี้ค่อนข้างสำคัญมากกว่างานแต่งงาน สำหรับตัวโบเองนะ ไม่ได้ดูถูกการแต่งงานนะ แต่ว่า อาจจะไม่ได้ซีเรียสกับมันมาก
หยาด: เราคุยกันเรื่องนี้ตลอดเลยว่า เราก็เป็นอีกคู่หนึ่ง เป็นอีกคนหนึ่งเนอะ ถึงแม้ว่ามันยังไม่ได้กระทบโดยตรง ณ วันนี้หรอก แต่ว่าในอนาคตหรืออะไรก็ตาม มันจะกระทบอยู่อ้อมๆ ก็อยากให้มันได้เกิดขึ้นแล้วก็ให้เราได้มีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนอื่นๆ ก็น่าจะดีเหมือนกัน
คนที่มีรสนิยมทางเพศและรูปแบบความรักที่แตกต่าง
โบ: เปิดใจดีกว่าครับ เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ครอบครัวก็จะเป็นที่ที่เราหันหลังไปก็จะเจอเขาอยู่ดี เปิดใจค่อยๆ บอก ส่วนตัวโบเชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่ของทุกคนอยากให้ลูกมีความสุข ไม่มีใครอยากให้ลูกทุกข์ เพราะฉะนั้นพ่อแม่บางคนอาจจะใช้เวลาไม่เท่ากัน ให้เวลาท่านหน่อย เดี๋ยวท่านก็จะเข้าใจเอง
หยาด: จริงๆ ค่ะจริงๆ คือเราสองคนน่ะเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า คือพอพ่อกับแม่เราเข้าใจ มันทำให้การใช้ชีวิตของเรามันง่ายขึ้น
โบ: ทั้งสองคนนี่ไม่ใช่ว่าพ่อแม่โอเคตั้งแต่เริ่มนะ นี่คือเรื่องจริง พ่อแม่โบนี่คือ Conservative แบบสุด
หยาด: เขาก็อาจจะมีคำถามเล็กๆ เหมือนกันเนอะว่า แล้วแฟนเราเป็นใคร เขาทำอาชีพอะไร เขาดูแลเราได้ไหม เขาเป็นยังไง
โบ: แล้วจะมีลูกไหม ลูกจะดูแลได้ไหม ใครจะช่วย
หยาด: มันก็จะเกิด คือตามประสาครอบครัว ตามประสาพ่อแม่เขาเป็นห่วงอยู่แล้ว เราในฐานะของลูก หรือสมาชิกครอบครัว เราก็ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า การคบกันของเรา ความรักของเรา จริงๆ มันเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ส่งเสริมกันด้วยซ้ำ อย่างแม่อย่างนี้ หยาดก็จะบอกว่า แม่ ถ้าไม่มีโบนะหยาดทำงานไม่ได้เลยนะ เพราะโบต้องช่วยจัดการดูแลด้านนี้ เขาก็จะเข้าใจ คือกับผู้ใหญ่น่ะเราเองต้องพยายามใจเย็นค่อยๆ คุย เพราะว่า Gen มันห่างกันมาก ถ้าเราพูดแรงพูดตรงเกินไป เขาอาจจะเหมือนต่างคนต่างจะยิ่งถอยห่างกันไปใหญ่ หยาดน่ะโชคดีที่พ่อกับแม่ค่อนข้างรับฟัง แล้วเราเองก็เข้าใจเขาด้วย ก็จะค่อยๆ คุย ค่อยๆ อธิบายให้ฟัง ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหากับครอบครัวเลยแล้วก็เรื่องความรักเลย เริ่มแรกต้องเปิดใจแล้วค่อยๆ อธิบาย ค่อยๆ คุยกัน แค่นั้นเลยค่ะ
"โบ อสิดากาญจน์" กล่าวปิดท้ายว่า "ขอให้ทุกคนเลยนะครับที่เป็น LGBT นะครับ มีความสุข ใช้ชีวิตให้มีสีสันเหมือนกับธงของ LGBT เลยในปีนี้ครับผม" ด้าน "หยาดพิรุณ ปู่หลุน" เสริมว่า "มีความสุขมากๆ นะคะ แล้วก็เป็นตัวเองนะคะ มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งที่ตัวเองเป็น แล้วก็ให้ความสุขนั้นออกไปให้กับคนรอบข้างให้ได้เยอะที่สุดนะคะ ขอบคุณค่ะ"
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ : Mil Toast House เซ็นทรัลลาดพร้าว
อัลบั้มภาพ 34 ภาพ