แม่ที่มีความสุข ฉบับ “Happy Mommy Diary”

แม่ที่มีความสุข ฉบับ “Happy Mommy Diary”

แม่ที่มีความสุข ฉบับ “Happy Mommy Diary”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Highlight

  • การเป็นแม่ก็เหมือนกับขบวนรถไฟ ที่เมื่อขึ้นไปแล้ว มันลงไม่ได้ เมื่อเป็นแม่แล้ว ก็เลิกเป็นไม่ได้ 
  • การมี “สติ” คือเคล็ดลับของการเป็นแม่ที่มีความสุขของ “แม่น้ำหวาน” เจ้าของเพจ Happy Mommy Diary เช่นเดียวกับ “สามี” ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงลูก 
  • คนเป็นแม่ต้องอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข เพราะเมื่อไรก็ตามที่แม่ไม่มีความสุข ลูกจะสามารถสัมผัสได้ และลูกก็จะไม่มีความสุขตามไปด้วย 
  • อย่ากดดันกันเรื่องการเลี้ยงลูก แต่แม่ควร “ช่วยซัพพอร์ตจิตใจ” กันและกัน ไม่ใช้เส้นมาตรฐานการเลี้ยงลูกของตัวเองไปขีดเส้นความถูกต้องให้กับแม่คนอื่น เพราะไม่มีแม่คนไหนในโลกใบนี้ที่เหมือนกัน และไม่มีแม่คนไหนที่เป็นแม่ที่ดีที่สุด 

เพราะเติบโตขึ้นท่ามกลางครอบครัวที่มีความสุข จึงทำให้ “ภญ.ญาธิป พิริยะพงศ์ศักดิ์” หรือ “แม่น้ำหวาน” แห่งเพจ Happy Mommy Diary อยากส่งต่อความสุขให้กับลูก ๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้เติบโตขึ้นไปเป็นมนุษย์ที่มีความสุขในอนาคต ทว่า “ความเป็นแม่” ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความเข้าใจ ผ่านเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา กว่าจะตระหนักได้ว่าการจะส่งต่อความสุขให้ลูกได้ ไม่ใช่แค่การทุ่มเทแรงกายแรงใจเลี้ยงลูกเท่านั้น แต่แม่เองก็ต้องดูแลจิตใจของตัวเอง เพื่อเป็นแม่ที่มีความสุขด้วยเช่นกัน เนื่องในวันแม่ 2565 นี้ Sanook จึงชวนแม่น้ำหวานมาเผย “เคล็ดลับ” การเป็นแม่ที่มีความสุข เพื่อเป็นแนวทางให้คุณแม่ยุคใหม่ที่อาจจะกำลังเต็มที่กับการเลี้ยงลูก จนหลงลืมที่จะเติมความสุขให้กับตัวเอง  

“สติ” คือสิ่งสำคัญที่สุด 

เคล็ดลับการเป็นแม่ที่มีความสุขข้อแรกของแม่น้ำหวาน คือ “มีสติ” แม้จะเป็นคำสั้น ๆ ที่ฟังแล้วเหมือนจะทำได้ง่าย แต่แม่น้ำหวานก็ยืนยันว่าทำยาก และต้องใช้เวลาในการฝึกฝนพอสมควร เพราะเมื่อไรก็ตามที่แม่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และปล่อยให้อารมณ์เข้ามาเป็นใหญ่ในการเลี้ยงลูก มันจะส่งผลกระทบกับจิตใจของลูกทันที  

“เราจะทำความเข้าใจพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า “ราหุลได้เกิดขึ้นแล้ว บ่วงได้เกิดขึ้นแล้ว” มันคือเรื่องจริง มันคือการตรัสรู้ที่แท้จริง มันคือความทุกข์ มันคือความสุขที่มาด้วยกัน เพราะมันเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่เราเป็นห่วงเขาเหมือนเราห่วงตัวเราเอง เราห่วงเขามาก ๆ เหมือนใจเราที่ไปอยู่นอกตัวเรา แต่หวานว่ามันก็ต้องตั้งสติ หมายถึงว่าคนเป็นแม่ สิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือสติ” แม่น้ำหวานเริ่มต้นอธิบาย 

“ถ้าคนเป็นแม่เอาตัวเองไม่อยู่ ถ้าแม่แพ้แว้ไปแล้ว ลูกก็คือสติไม่อยู่ ซึ่งหวานรู้สึกว่าการที่เราควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น วันไหนเราหงุดหงิด ไม่ว่าจะด้วยเรื่องงาน เรื่องชีวิตประจำวัน ถ้าเราควบคุมอารมณ์ข้างในของเราไม่ได้ ลูกคือสะท้อนเลย ลูกก็จะเป็นแบบนั้นเลย” แม่น้ำหวานสะท้อน 

“สามี” คือคีย์เวิร์ด

สามีคือคีย์เวิร์ด คือนัมเบอร์วัน” แม่น้ำหวานชี้ 

เคล็ดลับข้อที่สองของแม่น้ำหวานคือ “สามี” ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แม่ กลายเป็นแม่ที่มีความสุข เพราะถ้าหากพ่อเข้าใจแม่มากที่สุด และพ่อแม่รักกันมากที่สุด ความรักของพ่อแม่ก็จะล้นไปถึงลูก และนั่นก็จะทำให้ทั้งครอบครัวมีความสุข แต่เมื่อไรก็ตามที่พ่อแม่ไม่ใส่ใจกันและกัน ก็จะส่งผลกระทบต่อลูกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 

“มันไม่ใช่แค่ทำเพื่อภรรยา มันคือการทำเพื่อครอบครัว ในวันที่หวานไม่ไหว หวานก็จะปลีกตัวออกไปนะ หวานก็บอกว่า “ปะป๊า วันนี้เราไม่ไหว ปะป๊าดู” หรือปะป๊าเอง เขาก็มีชีวิตของเขา เขาก็ขอไปเตะบอล เขาก็ขอใช้ชีวิตของเขา มันก็ควรมี มันไม่ใช่ว่า หนึ่ง สอง สาม เรามีลูกแล้ว ชีวิตทั้งหมดต้องไม่เหลือแล้ว หวานว่ามันต้องเข้าอกเข้าใจกัน และที่สำคัญคือต้องคุยกัน” แม่น้ำหวานระบุ

อนุญาตให้ตัวเองมีความสุข

เราต้องอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข หมายถึงว่า คนเป็นแม่ไม่จำเป็นต้องตรากตรำ เรามีความสุขได้ เราสามารถมีความสุขได้ เราสามารถหาทางมีความสุขได้ เราไม่จำเป็นอยู่กับลูก 24 ชั่วโมง อันนี้ก็บอกตัวเองนะ แต่บางทีก็จะติดลูกเหมือนกัน” แม่น้ำหวานบอก

แต่แม่น้ำหวานก็เผยว่า ด้วยความที่ลูก ๆ ของเธอโตในระดับหนึ่งแล้ว จึงทำให้เธอสามารถมีชีวิตเป็นของตัวเองมากขึ้น พร้อมแสดงความเข้าใจเหล่าคุณแม่ลูกเล็ก ที่อาจจะยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่กับลูก อย่างไรก็ตาม การหาเวลาให้กับตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่แม่ทุกคนควรทำ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็ตาม 

“หวานว่ามันอยู่ที่ว่า ณ เวลานั้นคุณต้องทำอะไร แล้วคุณทำเต็มที่ในเวลานั้นแล้วหรือยัง เหมือนการกลัดกระดุมถูกเม็ด มันก็จะเรียงไปของมันได้ ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน อย่าคิดว่าเป็นแม่แล้วต้องไม่มีเวลาขนาดนั้น มันต้องหาเวลาให้ตัวเองให้ได้ เพราะว่าถ้าคุณไม่มีความสุขเมื่อไร ลูกคุณสัมผัสได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณไม่มีความสุขเมื่อนั้น” แม่น้ำหวานกล่าว 

อย่า “กดดัน” กันเอง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคที่สามารถรับสื่อได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ข้อมูลการเลี้ยงลูกล้วนมีอยู่บนอินเตอร์เน็ตให้แม่ ๆ ได้เรียนรู้ แต่ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายคนเป็นแม่ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อ “ตัวอย่าง” ที่สามารถหาได้อย่างง่ายดายในโลกออนไลน์ ทำให้เกิด “การเปรียบเทียบ” ระหว่างคุณแม่ และกลายเป็นความรู้สึกไม่ดีพอ ไม่ถูกต้องพอ จนสุดท้ายก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจของแม่หลายคน ดังนั้น สำหรับแม่น้ำหวานแล้ว เคล็ดลับอีกข้อของการเป็นแม่ที่มีความสุข ก็คือ “การช่วยซัพพอร์ตจิตใจ” ของแม่ด้วยกันเอง การไม่ใช้เส้นมาตรฐานการเลี้ยงลูกของตัวเองไปขีดเส้นความถูกต้องให้กับแม่คนอื่น หรือชี้หน้าว่าแม่คนอื่น เมื่อพวกเขาไม่ทำตามสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะไม่มีแม่คนไหนในโลกใบนี้ที่เหมือนกัน และไม่มีแม่คนไหนที่เป็นแม่ที่ดีที่สุด

“อย่างตัวหวานเอง แม้จะอยู่ตรงนี้ แล้วก็ยิ่งได้มาเป็นแม่ ณ จุดนี้ หวานรู้สึกว่าเราเลือกที่จะไม่ตัดสินใครเลย หมายความว่าต่อให้คนที่ทำในทางที่ไม่เหมือนหวาน หวานก็ไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นแม่ที่ไม่ดี เขาเป็นแม่ที่ผิด คือมันก็จะมีคนถามมาเยอะ ในหลาย ๆ เรื่อง โน่นนี่นั่น หวานก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิด และมันไม่มีสิ่งที่ถูกเลย แล้วก็ไม่มีแม่คนไหนที่สมควรจะมั่นใจว่าฉันดี แล้วไปบอกว่าสิ่งที่คนอื่นทำคือสิ่งที่ไม่ดี” แม่น้ำหวานกล่าว 

ขบวนรถไฟชีวิตของแม่ 

“ใครที่กำลังสติแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า อยากให้นึกว่า เหมือนเราอยู่บนขบวนรถไฟที่มันยาวไกลมาก ๆ มันเดินทางไม่รู้กี่ปี แล้วตอนนี้เราอยู่ในช่วงเริ่มต้น ถ้าเราเก็บทุกเม็ดมาเป็นอารมณ์ เก็บทุกเม็ดมาสติแตก เก็บทุกเรื่องมาทนไม่ไหว เราจะอยู่บนรถไฟขบวนนี้ได้ 30 ปี 80 ปีเหรอ เพราะมันคือขบวนรถไฟที่เมื่อคุณขึ้นไปแล้ว มันลงไม่ได้ เพราะคุณเป็นแม่ครั้งหนึ่ง แล้วเลิกเป็นไม่ได้

แน่นอนว่าการเป็นแม่ไม่ง่าย ต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการเลี้ยงลูกคนหนึ่งให้เติบโตเป็นคนที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่แม่น้ำหวานก็หวังว่า ในระหว่างทางของการเติบโตของแม่ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับลูกนั้น แม่จะไม่ลืมที่จะหาความสุขให้กับตัวเอง เพราะการเป็นแม่ที่มีความสุข ก็จะทำให้ลูกกลายเป็นคนที่มีความสุขด้วยเช่นกัน 

“วันไหนเหนื่อยก็พัก วันไหนไม่ไหวก็หาคนมาช่วย ปล่อยให้ตัวเองได้มีความสุขบ้าง แล้วอนุญาตให้ตัวเองมีความได้ ไม่ผิด แล้วเวลาที่เราพลังเต็มเมื่อไร ค่อยกลับไปดูลูก หวานว่าแบบนั้นดีกว่าจะเอาซากตัวเองไปอยู่กับลูก ในวินาทีที่เราไม่พร้อม เพราะเขาก็สัมผัสได้ว่าเขาอยู่กับอะไร แล้วเด็กคือไวมาก เพราะฉะนั้นก็ทำตัวเองให้มีความสุขเต็มที่ เพื่อเราจะส่งความสุขให้ลูกต่อไปได้” แม่น้ำหวานทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook