ไอเดียทำอะไรดี ๆ เพื่อครอบครัว ในช่วงครึ่งปีหลัง
อีก 6 เดือนเท่านั้น เราก็จะผ่านปี 2565 ไปอีกหนึ่งปี ถึงจะพูดว่า 6 เดือน แต่จริง ๆ มันก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ มีอะไรที่เราวางแผนคิด ๆ อยู่ในหัวว่าอยากจะทำแต่ยังไม่ได้ทำบ้างหรือไม่ หรือที่เริ่มลงมือทำไปแล้วนั้น มันคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเวลาดี ๆ เดินทางมาถึง เราก็มักจะตั้งปณิธานไว้ว่าอยากจะทำนู่นทำนี่ ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อคนที่เรารัก และทำเพื่อคนที่รักเรา ก็ถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่น่าทำอยู่แล้ว
ครอบครัว ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ผ่านมาเราต่างก็หมดเวลาไปกับการทำงานหาเงินเพื่อครอบครัวนี่แหละ ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้บางคนต้องทำงานหนักกว่าเดิมชนิดว่าบ้านช่องแทบไม่ได้กลับ หรือกลับก็แทบไม่เคยอยู่ วันหยุดไม่เคยเห็นหน้า แทบไม่เคยร่วมโต๊ะกินข้าวกันคนที่บ้าน เงินสำคัญสำหรับการเลี้ยงครอบครัวก็จริง แต่ตัวคุณก็สำคัญสำหรับครอบครัวเหมือนกัน ไม่ใช่ในแง่ของการเป็นเสาหลักในการหาเงิน แต่คุณเป็นคนบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัว แม้ว่าอาจจะไม่เคยแสดงออกต่อกันเลยว่ารักและปรารถนาดีต่อกัน
ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ลองมาตั้งปณิธานทำอะไรดี ๆ เพื่อครอบครัวกันบ้างดีไหม Tonkit360 มีไอเดียดี ๆ มาแนะนำว่าคุณจะตั้งเป้าหมายทำอะไรเซอร์ไพรส์คนที่บ้านได้บ้าง
หาเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น
แม้ว่า “การมีเวลา” ให้กับครอบครัวจะไม่เคยเป็นเรื่องง่ายมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะในสังคมยุคใหม่ หลาย ๆ บ้านพ่อแม่ทำงานนอกบ้านด้วยกันทั้งคู่ ส่วนเด็ก ๆ ก็ไปโรงเรียน ทุกคนล้วนมีหน้าที่และกิจกรรมส่วนตัวที่ต้องทำ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากให้สมาชิกแต่ละบ้านพยายามหาเวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้นกว่าที่เคย เพราะ “การใช้เวลากับครอบครัว” เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น ต่อการสร้างสายสัมพันธ์อันดีในครอบครัว และที่สำคัญชีวิตของคนเรานั้นมักมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ใช้โอกาสที่ยังจับต้องได้นี้ทำในสิ่งที่อยากทำซะ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้นานขึ้น พูดคุยกันดี ๆ นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน ทำกิจกรรมสนุก ๆ อย่าให้ความสูญเสียที่มาแบบไม่บอกไม่กล่าวพรากโอกาสในมือไป
เลิกบอกรักในใจ
รักกันน่ะดีจะตาย แต่ทำไมเราถึงไม่ยอมบอกรักคนที่เรารักล่ะ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวเนี่ย หลาย ๆ บ้านชอบทำซีน รักนะแต่ไม่แสดงออก รักแหละแต่ไม่พูด สังเกตจากการกระทำเอาสิ คือบางทีก็ไม่เห็นจะต้องทำให้เรื่องมันยากเลย อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งโตขึ้น เราจะยิ่งเข้าใจคำว่า “เพิ่งเห็นกันอยู่หลัด ๆ” มากขึ้น ในเมื่อชีวิตคนเราสั้นกว่าที่คิด ก็จงทำดีต่อกันให้มากในตอนที่ยังทำได้ รักพ่อ รักแม่ รักลูก หรือรักใคร ๆ ในบ้าน ก็เลิกกระมิดกระเมี้ยน อมพะนำคำพูดนั้นไว้ในใจได้แล้ว หยุดบอกรักในใจ พูดมันออกมาให้พวกเขาได้รู้ ไม่มีใครเขามีเวลาเยอะแยะมานั่งคาดเดาพฤติกรรมหรอกว่าทำแบบนี้น่ะแปลว่ารัก แค่พูดให้เขาได้ยิน แค่นั้นก็ชื่นใจแล้ว
พูดให้น้อยลง ฟังให้มากขึ้น หลักสำคัญในการเข้าใจกัน
ปัญหาคลาสสิกของความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกที่เป็นกันแทบทุกบ้าน คือ ช่องว่างระหว่างวัย ช่วงวัยที่ต่างกันทำให้คน 2 รุ่นไม่ค่อยจะเข้าใจความคิดของกันและกันสักเท่าไร ส่วนใหญ่คุยกันดี ๆ ได้ไม่เกิน 5 นาทีก็วงแตกแล้ว เวลาคนเด็กกว่าจะพูดผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยจะฟัง หลายบ้านพ่อแม่ชอบตั้งแง่กับลูกก่อนที่เขาจะอ้าปากพูด ไม่ใจเย็นพอที่จะฟังลูกพูดให้จบ ชอบสวนขัดจังหวะ จับผิด ด่วนตัดสิน ฟังแบบตัดรอน เทศนาแทรก มันทำให้พวกเขาไม่อยากจะคุยหรือปรึกษาอะไรกับพ่อแม่อีก หรือเวลาที่ผู้ใหญ่พูดคนเด็กกว่าก็รำคาญ พูดอยู่ได้เรื่องน่าเบื่อ กว่าจะเจรจากันได้แต่ละครั้งยากยิ่งกว่าอะไร ทั้งที่ถ้าแต่ละฝ่ายลองพูดให้น้อยลง ระงับปาก และฟังด้วยใจโดยปราศจากอคติ เราจะเข้าใจกันขึ้นเยอะเลย
ลด ละ เลิก อบายมุข
คำว่า “อบายมุข” เนี่ย ความหมายง่าย ๆ ของมันตามพจนานุกรมคือ “เหตุแห่งความฉิบหาย” นั่นแหละ ถ้าเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขต่าง ๆ ชีวิตเราอาจจะพบกับจุดจบที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ในทางพระพุทธศาสนาแบ่งอบายมุขออกเป็น 2 หมวด คือ อบายมุข 4 ได้แก่ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงเล่นการพนัน และคบคนชั่วเป็นมิตร กับอบายมุข 6 ได้แก่ ดื่มนํ้าเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านทำการงาน แต่ละอย่างดูแล้วมิอาจนำพาความเจริญมาสู่ครอบครัวได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้ารักตนเอง รักครอบครัว อยากทำอะไรดี ๆ ให้คนที่บ้านได้ภูมิใจ ลองเริ่มจาก ลด ละ เลิก อบายมุขดู แล้วมาดูว่าชีวิตครอบครัวมีความสุขขึ้นไหม
เก็บเงินก้อนหนึ่งไปเที่ยวช่วงสิ้นปี
จุดประสงค์ของการไปเที่ยว ส่วนใหญ่จะเป็นความต้องการทางจิตใจเป็นหลัก ต้องการไปพักผ่อน พักใจ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า เปิดรับประสบการณ์ชีวิตใหม่ ๆ หาแรงบันดาลใจ หาความสุข หาความทรงจำที่ล้ำค่า หามิตรภาพ หรือบางคนก็ออกเดินทางเพราะอยากจะหลบเลี่ยงหรือหนีหายจากอะไรสักอย่างไปตั้งหลัก อย่างไรก็ดี การไปเที่ยวก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวได้ “ใช้เวลาร่วมกัน” ดังนั้น 6 เดือนต่อจากนี้ลองวางแผนทริปเที่ยวช่วงสิ้นปีกับครอบครัวดูก็ไม่เลว ได้สถานที่แล้วก็คุยกันว่าเรื่องงบจะเอายังไง จะใจป้ำจ่ายคนเดียวหรือจะหาตัวช่วยหยอดกระปุกรวมแล้วค่อยแคะ พิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยว่าคุณให้ความสำคัญกับครอบครัวมากแค่ไหน