เคล็ดลับบริหารชีวิตในแบบฉบับผู้หญิงสวย เก่ง และแกร่ง

ทุกวันนี้ผู้หญิงเราหลาย ๆ คนมีบุคลิกที่น่าชื่นชม ทั้งสวย เก่ง และแกร่ง สืบเนื่องมาจากการที่สังคมเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีสิทธิ์ มีเสียง และทำอะไรต่ออะไรได้หลากหลายมากกว่าเดิม ในแวดวงการทำงานก็มีผู้หญิงก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งผู้บริหาร หัวหน้ามากขึ้น หรือต่อให้ไม่ใช่ตำแหน่งสูง ๆ ผู้หญิงจำนวนก็มีความรู้ความสามารถ และศักยภาพในการทำงานชนิดที่ว่าสามารถหาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี เบื้องหลังความเก่งและแกร่งของผู้หญิงยุคใหม่นี้ก็ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ ไม่ เมื่อผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้น ทุกบทบาทย่อมตามมาด้วยความคาดหวัง ว่าผู้หญิงจะต้องสวมบทบาทเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบที่สุดถึงจะเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชม หากทำไม่ได้ก็อาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เช่น ต้องเป็นตัวของตัวเอง ต้องเป็นลูกสาวที่ดี ต้องเป็นพนักงานที่ดี เป็นผู้หญิงที่ดี หากผู้หญิงแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ต้องเป็นภรรยาที่ดี เป็นลูกสะใภ้ที่ดี เป็นแม่ที่ดีด้วย และอีกสารพัดสิ่งที่ถูกคาดหวังให้ต้องทำให้ดี เอาเข้าจริงแล้วเราจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเดินตามความคาดหวังของคนอื่น

ไม่จำเป็นเลยที่คุณต้องอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของใคร เพราะจริง ๆ แล้วผลลัพธ์ทั้งหมดมันคือตัวคุณเองต่างหาก หากคุณกลายเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย เก่ง และแกร่ง มันก็มีผลต่อความมั่นใจและความสุขในใจคุณ ดังนั้น หากคุณอยากลองปรับเปลี่ยนชีวิตให้เป็นผู้หญิงที่สตรองทั้งเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ การทำงาน และการใช้ชีวิต คุณต้องปรับไลฟ์สไตล์อย่างไรบ้าง

หาคุณค่าในตัวเองให้เจอ
จริง ๆ แล้วนี่คือคุณสมบัติข้อแรก ๆ ที่ผู้หญิงเก่งและแกร่งทุกคนมักจะมีเหมือนกัน เมื่อเราคิดอยากจะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม เราจำเป็นต้องหาข้อดี ศักยภาพ และคุณค่าในตัวเองให้เจอก่อน ทำความเข้าใจด้วยว่าเรื่องของคุณค่าในตัวเองมันเป็นปัจเจก แต่ละคนนั้นไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกัน เพราะพวกเราต่างก็มีความหลากหลาย เมื่อเราเห็นคุณค่าและยอมรับตัวตนความเป็นตัวเองได้ ก็จะนำไปสู่ความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธาในตัวเองว่า “ฉันทำอะไรได้บ้าง” อีกประการที่น่าชื่นชม คือพวกเธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร ผิดพลาดได้แต่ก็แก้ไขได้เหมือนกัน ทุกคนต่างมีข้อบกพร่องที่ต้องเรียนรู้และปรับปรุง ล้มเหลวก็แค่มูฟออนและจำเป็นบทเรียน ไม่เสียเวลาไปกับอดีตที่แก้ไขไม่ได้

ฝึกฝนให้อยู่ในโหมดดูแลตัวเองได้
การที่ผู้หญิงอย่างเรา ๆ สามารถทำอะไรคนเดียวได้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใครคบ มันก็แค่วิถีชีวิตของคนที่ทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร โดยอาจเริ่มฝึกจากสกิลพื้นฐานอย่างการกินข้าวคนเดียว เดินห้างคนเดียว ค่อย ๆ ขยับไปนั่งร้านบุฟเฟต์คนเดียว ดูหนังในโรงคนเดียว ร้องคาราโอเกะคนเดียว เล่นเกมตู้คนเดียว ถีบเรือเป็ดคนเดียว เที่ยวต่างประเทศคนเดียว แม้กระทั่งการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วพวกเธอจะไม่ค่อยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคนอื่นถ้าไม่หนักหนาสาหัสจริง ๆ เพราะพวกเธอไม่ต้องการให้ใครมามองว่าพวกเธออ่อนแอด้วยสายตาเอือมระอาระคนรำคาญ

ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
การมีชีวิตที่อิสระ ผู้หญิงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ครองตัวเป็นโสดเพื่อหลีกเลี่ยงพันธะผูกมัด ต่อให้แต่งงานมีลูกแล้วความอิสระก็ยังอยู่กับเราเสมอ เพราะความอิสระที่ว่าไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะต้องอยู่คนเดียวเพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระ (หรือถ้าชอบแบบนั้นก็ตามสะดวก) แต่มันคือการที่พวกเธอสามารถคิด พูด ทำ หรือเชื่อในสิ่งที่พิจารณาแล้วว่าดีสำหรับตัวเองและคนรอบข้าง โดยไม่ถูกชี้นำ ครอบงำ บังคับขู่เข็ญใด ๆ หรือเอาตัวเองไปผูกติดกับใครเพื่อที่จะบอกว่าตนเองมีความสุขดี พร้อมทั้งกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งเหล่านั้นอย่างแน่วแน่ เนื่องจากพวกเธอเข้าใจบทบาท หน้าที่ และสิทธิของตัวเองเป็นอย่างดี จึงสามารถปกป้องสิทธิของตัวเองและคนอื่น ๆ ได้ด้วย

เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
แม้จะเป็นคนที่มีตรรกะ มีหลักการ ใช้เหตุและผลในการดำเนินชีวิตแค่ไหน แต่ผู้หญิงเป็นเพศที่มีโอกาสถูกสภาวะทางอารมณ์ครอบงำได้ง่ายมาก หากพวกเธออยู่ว่าง ๆ นานเกินไป ความคิดเยอะ คิดฟุ้งซ่านจะตามมา รวมถึงภาวะเฉื่อยชาจากการทำอะไรเดิม ๆ ซ้ำ ๆ หมดไฟ ถ้าไม่อยากเผชิญกับอารมณ์ที่ควบคุมได้ยากนี้ จงหาอะไรที่มีประโยชน์ทำ เรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพราะการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในทุกวันจะนำมาซึ่งโอกาสที่ทำให้ตัวเองได้เติบโต จงเป็นน้ำพร่องแก้วที่สามารถเติมเต็มสิ่งใหม่เข้าไปได้ตลอดเวลา พรแสวงของคนเราไม่มีจุดสิ้นสุดหรอกหากเราไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ซึ่งเมื่อเราได้ทำสิ่งใหม่ที่ท้าทายได้สำเร็จ ก็จะช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย

ทำให้คนรอบตัวมีความสุข
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเราหรอกที่จะต้องไปหาทำนู่นนี่นั่นเพื่อให้ใครต่อใครเขารู้สึกดีมีความสุข เราไม่ต้องทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครบริการสังคมขนาดนั้นก็ได้ ทว่าสิ่งที่ตั้งใจจะสื่อก็คือการทำให้คนที่อยู่รอบตัวเรารู้สึกดีและมีความสุขจากการอยู่ใกล้ ๆ เราต่างหาก คนรอบข้างที่ว่าก็คือคนที่เราแคร์เขาและเขาก็แคร์เรา ให้ตัวเราเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อความรัก ความหวังดี และพลังบวกไปหาคนอื่น ๆ ซึ่งคนที่จะทำแบบนี้ได้ จะต้องเป็นคนที่ “รักตัวเองเป็น” รู้จักที่จะ “เริ่มต้นรักตัวเองก่อนที่จะไปรักคนอื่น” รู้จักการมอบสิ่งดี ๆ ให้ตัวเองเป็นถึงจะเผื่อแผ่ความรักไปให้คนอื่นได้ สร้างความสุขขึ้นมาเติมเต็มตัวเองได้อย่างไม่สิ้นสุด จึงมีความรักมากมายเหลือล้นที่จะมอบให้คนอื่นด้วย

มีแรงบันดาลใจจากไอดอลที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
“เพื่อนหญิงพลังหญิง” มีพลังในการขับเคลื่อนตัวเราไปสู่ความเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่เราคิด แนวคิดหลัก ๆ เลยก็คือการที่เรามีตัวอย่างบุคคลที่น่าชื่นชมเป็นไอดอลประจำตัว ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจและเติมเต็มพลังบวกให้กับเราได้แล้ว การถอดบทเรียนจากชีวิตของคนอื่น จากนั้นก็เรียนรู้จากประสบการณ์ของบุคคลเหล่านั้น ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว นับเป็นอีกวิธีดี ๆ ที่ทำให้เราอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นคนที่ดีขึ้น อยากจะเก่งและแกร่งให้ได้เหมือนพวกเธอเหล่านั้นบ้าง ซึ่งมันเป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ ฉะนั้น แค่ลองหาผู้หญิงเจ๋ง ๆ ที่เราชื่นชอบสักคน (หรือหลายคน) มาเป็นไอดอลในการดำเนินชีวิต แล้วหยิบยกเอาทัศนคติของพวกเธอมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเราเอง

Enjoy your life
เอาเข้าจริงหลาย ๆ คนมักจะมองว่าผู้หญิงที่ทั้งเก่งและแกร่งจะต้องเป็นพวกบ้าเรียน บ้างาน หรือไม่ก็หมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จมากจนเกินไป แต่เปล่าเลย ไม่ใช่แค่เรื่องพวกนั้นหรอก พวกเธอเต็มที่กับทุกเรื่องต่างหาก ผู้หญิงเหล่านี้มีวิถีชีวิตที่บาลานซ์ทุกอย่างได้อย่างน่าทึ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือพวกเธอเต็มที่กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ เรื่องเครียด ๆ ก็จริงจัง ในขณะเดียวกัน เรื่องเล่น ๆ พวกเธอก็จริงจังไม่ต่างกัน เรื่องกิน เรื่องเที่ยว ความสวยความงาม ตามกรี๊ดนักร้อง งานอดิเรกต่าง ๆ ไม่เคยขาดตกบกพร่อง พวกเธอบริหารเวลาและจัดสรรให้ทุกอย่างลงตัวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหนหน้าที่ไหนก็ตาม นั่นเป็นเพราะพวกเธอจะทำทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองมีความสุข