"ถุงใต้ตา" มายังไง?! ทำไมบางคนมี บางคนไม่มี แถมบางทีแต่งหน้าแล้วดูสวยหวานไปอีก

"ถุงใต้ตา" มายังไง?! ทำไมบางคนมี บางคนไม่มี แถมบางทีแต่งหน้าแล้วดูสวยหวานไปอีก

"ถุงใต้ตา" มายังไง?! ทำไมบางคนมี บางคนไม่มี แถมบางทีแต่งหน้าแล้วดูสวยหวานไปอีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฮายค่ะซิส~ ไหนลองเช็กดูหน่อยสิว่าเวลาส่องกระจกแล้วเจอกับ ‘"ถุงใต้ตา" ที่มันดูบวมๆ ตุ่ยๆ จนมองเห็นได้อย่างชัดเจนบ้างรึเปล่า? โดยถุงใต้ตาไม่ได้เป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นกับคนวัยผู้ใหญ่เท่านั้นหรอกนะคะ เพราะสาวๆ วัยรุ่นวัยใสอย่างเราก็มีโอกาสเจอกับถุงใต้ตาที่มันดูบวมตุ่ยได้เหมือนกัน ซึ่งบางคนอาจมองว่าถุงใต้ตามันทำให้ใบหน้าดูหวานๆ แบ๊วๆ สไตล์สาวเกาหลี แต่ถ้าใต้ตาบวมฉึ่งมากๆ แถมยังหมองคล้ำ ก็อาจทำให้ดวงตาดูเศร้าหมองไม่สดใส เหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วงแทนได้นะตัวเธอ


แล้วสำหรับคนที่กำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ว่า "ถุงใต้ตา" มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ทำไมบางคนมีแต่บางคนไม่มี? วันนี้ทางเราก็ได้ไปหาคำตอบมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แถมยังหยิบ วิธีลดถุงใต้ตาและทริคเมคอัพ ที่จะช่วยกลบจุดด้อยและเสริมให้ดวงตาดูหวานกรุบมาฝากกันด้วยนะ เอาละ! รีบตามไปดูพร้อมกันเลย


"ถุงใต้ตา" คืออะไร?
 


เริ่มต้นด้วยการไขข้อสงสัยของคำถามยอดฮิตที่ว่า ‘ ถุงใต้ตา ’ คืออะไร? ก่อนเลยดีกว่าค่ะ ถุงใต้ตาที่ดูบวมๆ ตุ่ยๆ ก็คือ การที่เนื้อเยื่อรอบดวงตาและกล้ามเนื้อบางส่วนอ่อนแอลง ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไขมันและของเหลวมารวมตัวกันบริเวณใต้ตา จนสังเกตเห็นถุงใต้ตาบวมๆ ได้อย่างชัดเจนนั่นเองค่ะ

แล้วยิ่งผิวร่วงโรยตามวัยก็จะทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ แล้วยิ่งทำให้ถุงใต้ตาทั้งบวมและดำคล้ำมากขึ้น จนกลายเป็นปัญหาผิวที่ทำให้หลายคนกังวลใจ เพราะผิวใต้ตาบวมๆ ช้ำๆ จะส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สดใส แถมยังทำให้การแต่งหน้าเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
   

"ถุงใต้ตา" เกิดจากอะไร? 

หลังจากที่ได้รู้คำตอบแล้วว่าถุงใต้ตาคืออะไรและมีลักษณะเป็นยังไง คำถามข้อต่อมาที่สาวซิสหลายคนสงสัยหนักมากไม่แพ้กันก็คงหนีไม่ ‘ ถุงใต้ตา ’ เกิดจากอะไร? ใช่มั้ยละคะ เพราะผิวใต้ตาของบางคนดูเรียบเนียนสนิทเวอร์ๆ ไม่บวม ไม่เหี่ยว ไม่คล้ำ ในขณะที่บางคนก็มีถุงใต้ตาบวมเป่งแบบสุดๆ นั่นก็เพราะสาเหตุที่กระตุ้นให้ถุงใต้ตาดูป่องๆ นูนๆ มันมีอยู่หลายอย่าง ดังนี้


1. กรรมพันธุ์
ปัญหาถุงใต้ตาจากกรรมพันธุ์เกิดจากการที่ ระบบต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ฮอร์โมนที่ควบคุมการไหลเวียนของเหลวในร่างกายไม่ปกติตามไปด้วย ทำให้ไขมันและของเหลวต่างๆ มารวมตัวกันที่บริเวณใต้ตาจนกลายเป็นถุงใต้ตาที่มองเห็นได้ชัด ถุงใต้ตาที่เกิดจากกรรมพันธุ์มักจะเกิดขึ้นในระยะยาว และสังเกตเห็นได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ ค่ะ


2. ภูมิแพ้
ใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อากาศ แพ้อาหาร หรือแพ้อะไรก็ตาม ก็มีโอกาสจะเจอปัญหาถุงใต้ตาได้ง่ายค่ะ เพราะ อาการของภูมิแพ้จะทำให้เกิดการคันและระคายเคืองรอบดวงตา รวมทั้งเส้นเลือดดำบริเวณรอบดวงตาขยายตัวใหญ่ขึ้น จนทำให้ผิวบริเวณใต้ตาบวมขึ้นและปรากฏเป็นรอยคล้ำใต้ตาด้วยค่ะ

3. อายุที่มากขึ้น
อย่างที่เราแอบเกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่าอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ค่ะ เพราะ ยิ่งอายุมากขึ้นกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาก็เริ่มหย่อนคล้อยและอ่อนแอลง ทำให้ไขมันและของเหลวเคลื่อนตัวลงมารวมกันที่บริเวณใต้ตา จนกลายเป็นถุงใต้ตาบวมๆ หย่อนๆ นั่นเอง
  

เช็กพฤติกรรมที่ทำให้ ‘ ถุงใต้ตา ’ ดูบวมตุ่ยมีอะไรบ้าง?
แม้ว่าสาเหตุของถุงใต้ตามันจะเกิดจากกรรมพันธุ์ โรคภูมิแพ้ หรือผิวร่วงโรยตามวัยเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณสาวๆ ก็อย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมบางอย่างที่เราทำจนชิน คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มันอาจเป็นตัวการกระตุ้นให้ถุงใต้ตาบวมเป่ง ใต้ตาดำ หรือผิวรอบดวงตาดูอิดโรยได้เหมือนกันนะ ว่าแล้วก็รีบตามไปเช็ก พฤติกรรมที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา ด่วนๆ เลยค่ะ



   ✕ ไม่เช็ดเครื่องสำอางก่อนนอน
หลายคนพอกลับถึงบ้านมาเหนื่อยๆ นอกจากจะไม่อาบน้ำแล้วก็ยังขี้เกียจล้างหน้า นอนหลับไปพร้อมกับเมคอัพตลอดคืน ซึ่ง การไม่เช็ดเครื่องสำอางก่อนนอนอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้ผิวทั้งแดง คัน และบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เปิดทางให้สารพัดปัญหาผิวตามมา ทั้งสิว ผิวเหี่ยวย่น ถุงใต้ตา ฯลฯ


   ✕ กินอาหารรสเค็มจัด
ใครที่ติดนิสัยชอบกินอาหารรสเค็ม นี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ค่ะ เพราะในอาหารรสเค็มมีปริมาณโซเดียมสูง แล้ว โซเดียมจะกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำเอาไว้มากขึ้น พอกินอาหารรสเค็มเข้าไปในปริมาณมากๆ จึงส่งผลให้ตัวบวม หน้าบวม และถุงใต้ตาบวมง่ายขึ้น นั่นเองค่ะ


   ✕ นอนดึก / พักผ่อนไม่เพียงพอ
หากคุณสาวๆ ชอบนอนดึกหรือโต้รุ่งเป็นประจำแทบทุกวันจนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย อารมณ์ รวมไปถึงผิวพรรณด้วยนะคะ เพราะ การนอนน้อยอาจทำให้ผิวแห้ง เลือดสูบฉีดได้ไม่ดี ใต้ตาคล้ำ และเห็นถุงใต้ตาบวมๆ ชัดเจนขึ้น ถือเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวจนอ่อนแอลงเยอะเลยค่ะ


   ✕ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สายปาร์ตี้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หรือดื่มเป็นประจำทุกวัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นตัวการทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ค่ะ เพราะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและถุงใต้ตาดูบวมขึ้น ด้วยค่ะ


   ✕ สูบบุหรี่
อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่ทำลายสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรง แถมการสูบบุหรี่ยังทำร้ายผิวด้วยเหมือนกันนะคะ โดย การสูบบุหรี่จะส่งผลให้วิตามินซีในร่างกายลดลง แล้ววิตามินซีถือเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว พอปริมาณวิตามินซีลดลงก็จะทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยผิวเหี่ยวย่น และเกิดปัญหาผิวรอบดวงตาอย่างใต้ตาดำและถุงใต้ตาด้วยค่ะ
   

รวมวิธี ‘ ลดถุงใต้ตา ’ ทำตามง่ายและได้ผล

สาวซิสที่รู้สึกว่าถุงใต้ตาของตัวเองมันไม่คิ้วท์ๆ น่าเอ็นดูเหมือนดอลลี่อายของสาวเกาหลี แล้วอยากจะลดอาการบวมของถุงใต้ตาด้วยตัวเองที่บ้าน ทางเราก็ไม่พลาดที่จะรวบรวม 5 วิธี ‘ ลดถุงใต้ตา ’ ที่ทั้งทำตามง่ายและได้ผลมาฝากกันค่ะ ตามไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าว่าจะมีวิธีไหนน่าลองทำตามบ้าง…



   ✓ ประคบเย็น
วิธีลดอาการบวมของถุงใต้ตาที่ง่ายที่สุดแบบไม่ต้องพึ่งครีมราคาแพงก็คือการประคบเย็นค่ะ เพียงแค่นำช้อน แตงกวา หรือผ้าชุบน้ำไปแช่เย็น แล้วนำออกมาพันด้วยผ้าบางๆ เพื่อปกป้องผิวจากความเย็นจัด ก่อนประคบผิวบริเวณรอบดวงตา การประคบเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรวดเร็วและลดบวม ได้ค่ะ


   ✓ ประคบด้วยถุงชา
สาวๆ ที่ชอบดื่มชาเป็นประจำก็เลือกใช้วิธีประคบด้วยถุงชา เพื่อลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้นะคะ เพราะ ในชามีคาเฟอีนที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณมาก ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงผิวหนังส่วนต่างๆ ได้ดีขึ้น ลดรอยหมองคล้ำและถุงใต้ตาอย่างมีประสิทธิภาพ แค่นำถุงชาแช่น้ำนาน 3 - 5 นาที แล้วนำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นก็บีบน้ำออกจากถุงชา แล้วประคบถุงชาใต้ตาประมาณ 15 - 30 นาที เท่านี้ก็ช่วยลดบวมได้ง่ายสุดๆ ไปเลยค่ะ


   ✓ ทาครีมบำรุงที่มีเรตินอล
เวลาที่เกิดปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตา วิธีแก้ที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการใช้อายครีมนั่นเองค่ะ สำหรับคนที่ถุงใต้ตาบวมตุ่ยก็แนะนำให้เลือกใช้อายครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล เพราะ เรตินอลจะเข้าไปช่วยเติมคอลลาเจนให้ผิว ลดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและถุงใต้ตา ด้วยค่ะ


   ✓ นอนหนุนหมอนสูง
ขณะนอนหลับฝันหวานในช่วงเวลากลางคืน ก็สามารถใช้เทคนิคการนอนหมอนสูงเพื่อลดถุงใต้ตาได้นะคะ โดย การนอนหนุนหมองสูงขึ้นจะช่วยป้องกันไม่ให้ของเหลวไหลมาสะสมบริเวณผิวใต้ตา จึงช่วยลดปัญหาตาบวมหลังตื่นนอนไปได้นั่นเอง


   ✓ กินอาหารที่มีวิตามินซีสูง
แค่เลือกกินให้เป็นก็แก้ปัญหาถุงใต้ตาได้นะคะ คุณสาวๆ ควรหันมากินอาหารที่มีวิตามินซีสูงให้มากขึ้น เช่น ส้ม บรอกโคลี สตรอว์เบอร์รี ฯลฯ เพราะ วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย ผิวดูสดใส แล้วยังช่วยลดถุงใต้ตาด้วยค่ะ
  

แชร์ทริคเมคอัพกลบถุงใต้ตาบวมตุ่ย แต่งลุคให้ดวงตาดูสวยหวาน


คราวนี้ขอเอาใจสาวๆ ที่อยากจะใช้พลังของเมคอัพ เพื่อช่วยกลบจุดด้อยและเสริมจุดเด่นบ้างค่ะ เพราะเรามี ทริคเมคอัพแต่งตาแบบง่ายๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนถุงใต้ตาที่ดูบวมตุ่ย ให้กลายเป็นลุคดวงตาสวยหวานน่ามองมากขึ้นกว่าเดิม โดยขั้นตอนแรกแนะนำให้ใช้ ‘ เบสสีแดง ’ กลบรอยคล้ำบริเวณใต้ตาก่อน แล้วตามด้วยการใช้ ‘ คอนซีลเลอร์ ’ ที่สว่างกว่าสีผิว 2 เฉดทาบริเวณใต้ตา เพื่อปรับผิวให้ดูสดใสและเนียนกริบขึ้น

แล้วถ้าอยากจะแต่งตาให้ดูหวานๆ แบ๊วๆ สไตล์เกาหลี ก็แนะนำให้เลือกใช้ "อายแชโดว์" โทนสีสว่างทาเปลือกตา แล้วอย่าลืมทาอายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์วิ้งค์ๆ บริเวณหัวตาและถุงใต้ตา เพื่อเสริมลุคให้ดวงตาดูสวยเป็นประกาย และปิดท้ายด้วยการปัด ‘ มาสคาร่า ’ ให้ขนตางอนเด้ง เพราะขนตางอนๆ ยาวๆ จะช่วยเพิ่มความสวยสะกด แล้วยังดึงดูดให้คนโฟกัสที่ขนตามากกว่าถุงใต้ตาบวมๆ ด้วยค่ะ
   


หูยย จัดเต็มความรู้มาให้แบบจุกๆ ขนาดนี้แล้ว ถ้าใครยังข้องใจเรื่อง "ถุงใต้ตา" อยู่ก็มีเคืองแน่ๆ ค่ะ >< โดยถุงใต้ตาถือเป็นปัญหาผิวที่พบเจอได้กับคนทุกเพศทุกวัย แถมยังเกิดได้จากหลายสาเหตุอีกด้วยนะ ทั้งกรรมพันธุ์ โรคภูมิแพ้ อายุที่มากขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

แบบนี้หากสาวซิสรู้ตัวว่าปัญหาถุงใต้ตาของตัวเองมันเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง ก็ต้องรีบหยุดพฤติกรรมนั้นๆ แล้วหันมาใส่ใจดูแลผิวให้ถูกวิธี ทั้งการประคบเย็น เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสม และกินอาหารบำรุงผิวจากภายใน หรืออาจลองทำตามทริคเมคอัพที่เราหยิบมาแชร์กัน เพื่อเปลี่ยนถุงใต้ตาที่เคยเป็นจุดด้อยและทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ให้กลายเป็นดวงตาที่ดูสวยหวานและมีความน่ารักขึ้นก็ได้นะค้าา 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook