"พลขับและช่างซ่อมรถ" อีกหน้าที่ของ "ควีนเอลิซาเบธที่ 2"
ข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สร้างความสนใจให้กับโลกนี้เป็นอย่างมาก เพราะด้วยพระชันษาที่สูงถึง 96 พรรษา ทำให้พระองค์พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงของโลกมาแล้วหลายรูปแบบ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษให้เหมาะสมตามยุคสมัยได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการไปปรากฏตัวในวีดีโอเปิดงานโอลิมปิกเมื่อปี 2012 กับสายลับ 007 หรือการทำคลิปวีดีโอขบจันร่วมกับตัวการ์ตูนหมีจากเรื่อง Paddington นอกจากนี้ ในฐานะประมุขของเครือจักรภพการสิ้นพระชนม์ของพระองค์จึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือได้ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกลำดับ 2 รองลงมาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส แต่อีกหนึ่งหน้าที่ที่อาจไม่คุ้นเคยกันก็คือตำแหน่ง “พลขับและช่างซ่อมรถ” ของพระองค์เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งขณะนั้นยังคงพระยศเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธอยู่
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติขึ้นพร้อมกับทวีความรุนแรงเรื่อยๆ ทำให้ผู้ชายในหลายประเทศต้องเข้าไปรับราชการทหาร แล้วงานหลายตำแหน่งที่เคยเป็นที่เฉพาะของผู้ชายก็ถูกแทนที่ด้วยผู้หญิง มีรายงานว่ามีผู้หญิงอเมริกันกว่า 3.5. แสนคนที่เข้ามาทำงานในสงคราม ทั้งทำหน้าที่เป็นกองหนุนคอยจัดหาเสบียง ซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมถึงทำหน้าที่แพทย์พยาบาลทั้งในภาคพื้นดินและฝั่งของทหารเรือ ส่วนฝั่งอังกฤษเองก็มีรายงานว่ามีผู้หญิงกว่า 6.4 แสนคนเข้ามาทำงานในช่วงสงคราม ในตำแหน่งและหน้าที่คล้ายคลึงกันกับฝั่งอเมริกันและหนึ่งในผู้หญิงอังกฤษที่เข้ามาร่วมรับใช้ชาติยามสงครามก็คือเจ้าหญิงเอลิซาเบธ
ในปี 1944 เจ้าหญิงเอลิซาเบธวัย 18 ปีได้เข้าร่วม Auxiliary Territorial Service (ATS) ซึ่งเป็นหน่วยย่อยสำหรับสตรีในกองทัพของสหราชอาณาจักร โดยผู้หญิงในหน่วยนี้มีหน้าที่ตั้งแต่ตรวจสอบความเรียบร้อยของหน่วย ทำอาหาร พลขับ ช่างซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ ไปจนถึงตรวจสอบกระสุน โดยหน้าที่ของเจ้าหญิงเอลิซาเบธก็คือการเป็นพลขับและช่างซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ และนั้นก็ทำให้พระองค์ได้กลายเป็นเชื้อพระวงศ์สตรีพระองค์แรกที่เคยเข้ารับใช้ชาติในกองทัพด้วย (และเป็นอีกเห็นผลที่เรายังเห็นพระองค์ทรงขับรถเองอยู่บ่อยครั้ง)