70 ปี Elizabethan Era: มนต์ขลังแห่งรัชสมัยที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจเกิดซ้ำได้อีก

70 ปี Elizabethan Era: มนต์ขลังแห่งรัชสมัยที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจเกิดซ้ำได้อีก

70 ปี Elizabethan Era: มนต์ขลังแห่งรัชสมัยที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจเกิดซ้ำได้อีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การสวรรคตของกษัตริย์ในโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นวาระระดับนานาชาตินอกเหนือจากการสวรรคตในพระชนมพรรษา 96 พรรษาของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซเบธในวันที่ 8 สิงหาคม 2022 แล้ว การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ก็น่าจะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งนับเป็นจุดสิ้นสุดแห่งรัชสมัยอันยาวนานและเป็นการเปลี่ยนผ่านสำคัญของประเทศไทยที่คนทั่วโลกจับตามอง


 
เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้สมเด็จพระราชินีนาถอลิซเบธกลายเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานของโลกสมัยใหม่คือ “ระยะเวลาการครองราชย์” ที่นานถึง 70 ปี อันเป็นผลจากการที่พระราชบิดาของพระองค์คือพระเจ้าจอร์จที่ 6 (George VI) จากไปก่อนวัยอันควร ทำให้เจ้าหญิงอลิซเบธต้องขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์อังกฤษรวมถึงดินแดนในเครือจักรภพในวัยเพียง 25 พรรษา

รัชสมัยที่ยืนนานกว่า 70 ปีทำให้โลกร่วมสมัยมีโอกาสได้เป็นประจักษ์พยานบทบาทการเป็นกษัตริย์ที่มั่นคงหนักแน่น ดำรงตนอย่างสง่างามตามโบราณราชประเพณีและบริบทสังคมโลกสมัยใหม่ ผ่านร้อนผ่านหนาวและวิกฤตการณ์มากมายทั้งในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก ตั้งแต่ทรงเป็นกษัตริย์สาววัยรุ่นตราบจนพระเกศาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดอกเลาจวบจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพที่ออกรับนาง Liz Truss นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ 

กล่าวได้ว่าความยิ่งใหญ่หรือความเป็นตำนานของควีนอลิซเบธเกิดจากรัชสมัยที่คิดเป็นเศษ 3 ใน 4 ของ 1 ศตวรรษซึ่งอธิบายได้ด้วยคำว่า “eventful” คือเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายและสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นก็เป็นบททดสอบที่เผยให้เห็น “ความเป็นมืออาชีพ” ของควีนอลิซเบธในฐานะกษัตริย์ ซึ่งองค์รวมแล้ว เรื่องราวของพระองค์เป็นเรื่องเล่าแสนกระทบใจ - “เจ้าหญิงที่ขึ้นเป็นกษัตริย์ในวัยสาวโดยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน แต่เมื่อได้ทำหน้าที่นั้นแล้วก็ได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อทำสิ่งนั้นอย่างไร้ที่ติ” 


 
อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นรัชสมัยยิ่งใหญ่สุดท้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกสมัยใหม่ เพราะความเป็นไปได้ที่จะมีเหตุการณ์ซึ่งทำให้กษัตริย์ในประเทศต่างๆ ขึ้นครองราชย์ในวัยหนุ่มสาวจนสามารถสร้างรัชสมัยที่ยาวนานได้เหมือนควีนอลิซเบธหรือรัชกาลที่ 9 นั้นแทบไม่มีอยู่เลยอันเนื่องมาจากปัจจัยเรื่องประชากร ความก้าวหน้าของการแพทย์-สาธารณสุข ช่วงอายุขัยที่เพิ่มมากขึ้นของประชากรโลก

เจ้าชายชาร์ลส์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อพระชนมพรรษา 73 หากพระองค์ไม่สละราชสมบัติ เจ้าชายวิลเลียมก็อาจได้เป็นกษัตริย์อังกฤษตอนอายุประมาณ 60 มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์กปัจจุบันอายุ 54 พรรษา และสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์กซึ่งพระชนมพรรษา 82 แล้วก็ไม่มีท่าทีว่าพระพลานามัยจะเสื่อมถอยแต่อย่างใด เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็ทรงไปนั่งรถไฟเหาะเล่นที่สวนสนุกอย่างรื่นรมย์

เงื่อนไขด้านช่วงอายุขัยซึ่งทำให้กษัตริย์ในโลกสมัยใหม่จะขึ้นครองราชย์ได้เมื่อผ่านวัยกลางคนไปแล้วนั้นจึงทำให้กลายเป็นเรื่องยากที่โลกจะมีตำนานบทใหม่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีอลิซเบธหรือ Elizabethan Era 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook