4 เคล็ดลับดูแลช่องคลอด ลดกลิ่นอับ ให้สาว ๆ มั่นใจได้ตลอดวัน
กลิ่นที่เกิดขึ้นจากจุดซ่อนเร้นของสาว ๆ มักทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ แม้ว่าส่วนใหญ่จะพบเจอปัญหานี้กันแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับทั่วไป กลิ่นปลาเค็ม หรือกลิ่นอื่น ๆ ที่เกิดจากปัญหาสุขภาพ การดูแลอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นเราเลยหยิบเอาทั้งสาเหตุ และวิธีแก้ไขมาแนะนำ จะได้ดึงความมั่นใจของสาว ๆ ให้กลับมาอีกครั้ง
สาเหตุส่วนมากที่ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่น
สิ่งที่ทำให้ช่องคลอดมีปัญหาเรื่องกลิ่นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาที่ไม่ดี มีสิ่งสกปรกตกค้าง เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย การเผชิญกับโรคติดต่อที่มาจากเพศสัมพันธ์ ภาวะผิดปกติภายใน ไปจนถึงโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งช่องคลอด เป็นต้น ดังนั้นก่อนจะแก้ไข สาว ๆ จะต้องรู้ต้นตอก่อนว่าจริง ๆ แล้วมีเหตุมาจากอะไรกันแน่...
วิธีดูแลรักษาช่องคลอดเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
1.สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศ
ไม่ว่าจะเป็นกางเกงในหรือชุดที่สวมใส่อยู่ด้านนอก ควรเลือกเนื้อผ้าให้สามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยลดการเกิดความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งมักจะมาจากเหงื่อที่สะสม กลายเป็นความอับชื้น ไม่เพียงแค่ทำให้เกิดกลิ่นอับ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ยังเป็นแหล่งที่เสี่ยงจะเกิดการติดเชื้อได้
2.รักษาความสะอาดขนบริเวณจุดซ่อนเร้น
ขนที่อยู่บริเวณน้องสาว มีทั้งข้อดีและข้อเสียถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดี เพราะเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้ง่าย ก่อให้เกิดเป็นกลิ่นปลาเค็มตามมา ดังนั้นควรทำความสะอาด และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ จะช่วยลดการเกิดกลิ่นได้
3.ล้างจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอ
ใครที่ยังใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดกันอยู่ตอนนี้ควรหยุด! เพราะความรู้สึกที่ทำให้น้องสาวเหมือนจะสะอาด มีกลิ่นหอม แต่นี่คือดาบสองคมที่จะเข้าไปทำลายสมดุลของแบคทีเรียที่ดีในร่างกาย ยิ่งใช้ไปนานวันเข้า ยิ่งทำให้เกิดผลเสีย เกิดการตกขาว เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นอับ ดังนั้นการล้างด้วยน้ำเปล่าแค่ภายนอกก็เพียงพอแล้ว
4.เช็คอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่มาพร้อมกลิ่นอับ
บางครั้งกลิ่นอับอาจเป็นเหมือนสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นภายในช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็นภาวะตกขาวที่มีสีผิดแปลกไปจากเดิม อาการปวดท้องน้อย มีเลือดประจำเดือนกระปริดกระปรอยร่วมด้วย แบบนี้ทางที่ดีจะต้องเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด จะได้รักษาปัญหากลิ่นได้อย่างตรงจุด และถ้ามีอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ จะได้รักษาได้ทันท่วงทีไปด้วยกันเลย
เห็นแบบนี้แล้วสาว ๆ ลองกลับไปเช็คสุขภาพน้องสาวของตัวเองกันสักหน่อยนะคะว่า ต้นตอของกลิ่นอับน่าจะเกิดจากอะไร แล้วการดูแลที่ทำอยู่ทุกวันนี้ถูกต้องไหม จะได้ปรับเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ เพื่อให้น้องสาวสะอาด และช่วยให้สาว ๆ รู้สึกสบายตัวมากขึ้นอีกด้วยค่ะ