รู้จัก "มาดามลิซ่า" จากเด็กต่างจังหวัด ไม่ได้ไม่ร่ำรวย ก้าวสู่ CEO Ajintai
หลายคนท้อแท้ในชีวิต หมดกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อ วันนี้ Sanook Women พาไปเพิ่มแรงบันดาลใจ เพื่อให้ไฟติดขึ้น ด้วยการชวนไปคุยกับ มาดามลิซ่า-คุณภิญญาพัชร์ ธีรพิริยากรณ์ นักธุรกิจสาวเก่งที่พลิกชีวิตจากเด็กต่างจังหวัด ไม่ได้ไม่ร่ำรวย ก้าวสู่ CEO "Ajintai" 2 บริษัทบันเทิงชื่อดัง คร่ำหวอดในวงการธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม กว่า 20 ปี และเชี่ยวชาญสายงานด้านการตลาด เป็นเจ้าของและประธานกรรมการ ผู้บริหารสูงสุด ดูแลบริหารงานกลุ่มบริษัทอจินไตยกรุ๊ป และบริษัทในเครือกว่า 6 บริษัท
รู้จัก "มาดามลิซ่า ภิญญาพัชร์" CEO คนเก่งของบริษัท Ajintai Wellness Clinic & Spa และ Ajintai Entertainment
หากย้อนไปตั้งแต่แรกเริ่ม "มาดามลิซ่า" จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ ศาลเด็กเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครนายก มีภูมิลำเนาบ้านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด เติบโตในครอบครัวระดับปานกลางไม่ร่ำรวย ถือเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่ฝ่าฟัน ผ่านประสบการณ์ และอุปสรรคมานับไม่ถ้วน
ความเป็นผู้หญิงเก่งฉลาด มุ่งมั่น ขยันมีความเพียรและวิริยะเป็นเลิศ ทำให้ "มาดามลิซ่า" รายล้อมด้วยพันธมิตร ผู้ใหญ่ผู้มีชื่อเสียงทุกวงการให้การสนับสนุน และเป็นที่รัก ได้รับเกียรติ ได้รับการยอมรับจากทุกวงการ พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารที่นำพาองค์กรทะยานสู่ธุรกิจมูลค่ากว่าพันล้าน ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
จุดเริ่มต้นของธุรกิจความงามและธุรกิจบันเทิง
จุดเริ่มต้นมาจาก 20 ปีที่เรามีประสบการณ์จากธุรกิจความงามฟิตเนสและสปาและในวันที่เราต้องเลือก เราไม่ได้เลือกในสายฟิตเนสแต่หันมาจับงานสายความงามและสปาซึ่งธุรกิจนี้เราต้องยอมรับว่าเป็นตลาดที่อยู่ในความต้องการของผู้หญิงถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยแต่ก็จะแบบไม่รู้จบเป็นเรื่องของสุขภาพและความงาม
จริงๆ ลิซ่าเรียนจบสายนิติศาสตร์มา เรียนด้านกฎหมายมาเลย แต่ในตอนนั้นเรามองว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ จริงอยู่ที่ว่าเราเรียนมายาก อ่านประมวลกฎหมายมาก็เยอะ แต่ไลฟ์สไตล์จริงๆ ที่เราต้องการมันยังไม่ใช่แบบนี้ เราต้องการเติบโต ในงานสายนั้นเราก็เติบโตได้ แต่มันก็ต้องอาศัยระยะเวลาและความอดทน กว่าจะมาเป็นอัยการหรือผู้พิพากษา เลยเริ่มมองหางานที่เริ่มต้นจากเซลล์ธรรมดาก่อน ก็เลยมาเป็นเซลล์ฟิตเนส พออยู่ในสายฟิตเนสก็เริ่มรู้ว่านอกจากมันเป็นงานที่ได้เงินเยอะแล้วมันยังได้ความสุขด้วยเพราะเราต้องมาชวนคนออกกำลังกาย เห็นผู้คนมีความสุขในการออกกำลังกายเขามีความสุขเราก็มีความสุขด้วยแล้วจากคนที่เรามีสุขภาพดีจากการดูแลรูปร่างก็เลยข้ามไลน์ มายังธุรกิจความสวยความงาม
ความแตกต่างของธุรกิจสปาฟิตเนสกับธุรกิจความสวยความงามมันแตกต่างกันเลยเพราะธุรกิจความสวยความงามคนที่เข้ามาใช้บริการเราแทบไม่ต้องบิ้วเพราะความต้องการของลูกค้ามีอยู่แล้ว แต่ในไลน์ของสุขภาพ อย่างสปาหรือฟิตเนสเองเราก็ยังต้องดูในเรื่องของคนที่รักสุขภาพจริงๆ การที่เรามาเปิด Ajintai Wellness Clinic & Spa เรายังมองว่าการที่เราต้องการมีสุขภาพที่ดีก็ต้องสวยจากภายในและภายนอกด้วยเพราะการที่เรามีสุขภาพที่ดีแต่รูปร่างหรือหน้าตาเรายังไม่ดีเราก็จะไม่มีความมั่นใจทำให้อาจพลาดโอกาสในการทำงานหลายๆ อย่าง
ตัวของลิซ่าเป็นเด็กต่างจังหวัด รูปร่างหน้าตาไม่ได้ดีมาก ทำให้ตั้งแต่สมัยเรียนเราสูญเสียโอกาสหลายๆ อย่างไป ไม่กล้ายิ้มเพราะเราคิดว่าเราไม่สวย พอเรียนจบมหาลัยก็เริ่มต้นจากการทำจมูกหน้าตาเราก็เปลี่ยนไปมันสวยขึ้นทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นและกล้าแสดงออก โอกาสหลายๆ อย่างก็เข้ามาเพราะเรามั่นใจว่าเราสวยขึ้นทุกอย่างที่เราทำก็เกิดมาจากความมั่นใจ ทำให้เราเข้าใจจริงๆ เลยว่าคนที่เขามีโอกาสในการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอทั้งบุคลิกภาพและในด้านความสวยความงามมาทำให้เราได้โอกาสจริงๆ เราปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าสังคมเรายังมองกันที่หน้าตารูปร่างอยู่จริงๆ ลิซ่าเลยอยากทำให้พื้นที่ของ Ajintai ตรงนี้ ช่วยปรับเปลี่ยนหน้าตาบุคลิกภาพให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่มากกว่านั้นเราต้องการให้เค้าได้ออกไปแล้วรับโอกาสดีๆจากสังคม
ลิซ่าเดินทางในสายงานความสวยความงามมากว่า 11 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 11 ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่า EVA By LIZA และรีแบรนด์เปลี่ยนมาเป็น Ajintai Wellness ในระหว่างที่เราทำงานเราต้องมีการเรียนรู้ด้วย จากประสบการณ์ของเรา ต้องมีการทดลอง เรียนรู้ทุกศาสตร์ต่างๆ เพื่อที่เราจะมาทำการตลาด เราต้องรู้จริงกับเรื่องนั้นๆ บนพื้นฐานของการทำธุรกิจ นอกจากจะรักในงานที่ทำแล้วเราต้องพัฒนาตัวเองและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งธุรกิจเหล่านี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะพัฒนาตลอดเวลาเช่นกันแบบไม่จบไม่สิ้น เราก็ต้องพัฒนาศึกษาหาความรู้
และอีกด้านหนึ่งเราก็ต้องดูว่าความต้องการของลูกค้าคืออะไรเพราะผู้บริโภคในยุคนี้เก่งมากเขามีการศึกษาข้อมูลมาอย่างดีก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลือกใช้บริการเพราะฉะนั้นเราต้องตอบคำถามเขาให้ได้ว่าทำไมถึงต้องทำที่นี่ทำไมถึงต้องใช้ประเภทนี้ การทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่เราต้องมีความรู้จริงๆ รู้ลึกเกี่ยวกับเรื่องที่เราจะทำถึงจะตอบตัวเองและตอบลูกค้าได้
จุดเริ่มต้นธุรกิจ Entertainment เกิดจากลูกสาวที่รักการประกวด
พี่มีลูกสาว 1 คน เขาชอบการประกวดมาก เดินสายประกวดทุกเวที แล้วอยากจะหาโรงเรียนดีๆ ให้กับลูก ซึ่งโรงเรียนที่ลูกเราไปเรียน ครูเขาก็ชมลูกเราไปตามประสาเพื่อให้เราต่อคอร์สนั้นจนจบ ซึ่งเราเห็นอยู่กับตาว่าลูกเราไม่ได้เก่งจริงๆ เพอร์ฟอร์มยังสู้เขาไม่ได้เลย มันเหมือนกับเราส่งลูกไปออกสนามรบแต่ไม่ได้ให้เครื่องอาวุธเค้าติดตัวไปเลย เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการทำ Acadamy เพื่อให้เด็กไทยมีสถาบันดีๆ เพื่อให้ได้เรียนและมาคุยกันจริงๆ ว่าเด็กเหมาะกับอะไรและควรปรับปรุงตรงไหน
การเปิด Academy เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนเลยก็ว่าได้เพราะทำให้เราเห็นว่าเด็กที่มาอยู่กับเราเขามาเพราะความรักความชอบ และเด็กที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้เขาจะฉายแววออกมาเลยแบบ 100% แบบเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ส่วนลูกเราเป็นเด็กที่มีความอยากที่จะทำ จนทุกวันนี้เขารู้แล้วว่าทางนี้ไม่ใช่ทางของเขา แต่สิ่งที่เราลงมือทำไปแล้วก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เลยเริ่มต้นออดิชั่นเพื่อเป็นการต่อยอดให้กับเด็กๆ ให้ได้มีผลงาน เราถึงได้รู้เลยว่าเด็กไทยเองไม่ได้มีความสามารถในด้านนี้ด้อยไปกว่าใครเลย แต่สิ่งที่เค้าขาดคือโอกาส เลยเริ่มที่จะทำเป็นค่ายเพลงเล็กๆ มีซีรีส์ ทำค่ายหนัง เรียกว่าครบวงจรเลยก็ว่าได้ ทำให้ตอนนี้กลายเป็น Ajintai Entertainment
ความท้าทายใน 2 ธุรกิจ
ความจริงคือท้าทายทั้งคู่ ด้าน Entertainment เราต้องยอมรับว่าเป็นหัวใจในการทำการตลาดให้กับเราเพราะเรามีเด็กในสังกัด ความน่าสนใจจะค่อนข้างสูง และถ้าผลงานเราไม่ดีพอธุรกิจก็ไปไม่รอด ธุรกิจความงามก็เช่นกันต่อให้เราตกแต่งสถาบันความงามให้ดูหรูหราแค่ไหนถ้าผลออกมาแล้วไม่ตอบโจทย์เขามันก็เท่านั้น มันเป็นความท้าทายเหมือนกันทั้งคู่
แนวทางการดำเนินธุรกิจ มีหลักอะไรยึดถือบ้าง
หลักยึดในการทำธุรกิจของลิซ่าที่ให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือนอกจากจะทำธุรกิจเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องการผลกำไรอยู่แล้วแต่สิ่งที่สำคัญเรามองว่าเราได้คืนประโยชน์อะไรต่อสังคมได้บ้างเหมือนธุรกิจ Entertainment ถ้าเราไม่ได้ทำด้วยใจหรือไม่ได้ต้องการให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสของเยาวชนจริงๆ เราเลิกไปนานแล้ว เพราะธุรกิจมีช่วงขาขึ้นและขาลงเป็นปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราใช้ใจทำและคิดว่าเราจะทำสิ่งนี้เพื่อใคร เวลาที่เราจะให้เราจะรู้สึกยิ่งใหญ่เสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราอยากได้เราจะรู้สึกว่าตัวเล็กมาก เวลาที่เราให้ เราไม่ได้รู้สึกว่าเรากำลังทำธุรกิจเรารู้สึกว่าการให้ของเราจะถูก return กลับมาด้วยอะไรบางอย่างอาจจะไม่ใช่ผลกำไรแต่มันทำให้เรามีความสุขในการอยู่พื้นที่ตรงนั้น และคนที่รายล้อมเราเขาก็จะมีความสุขและกลับมาซัพพอร์ตเราเอง
ส่วนธุรกิจของความงามก็เหมือนกันถ้าเรามองว่าเราทำธุรกิจเพื่อผลกำไรอย่างเดียว เชื่อว่าธุรกิจก็คงไปได้ไม่นานเพราะเราจะมองแค่ผลกำไรเป็นหลัก ถ้าเรามองว่าเราทำขึ้นมาเพื่ออยากให้เขาสวยและดูดีขึ้น เพื่อให้เขาได้ออกไปใช้ชีวิตและได้โอกาสดีๆ กลับมา เราก็จะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาจริงๆแบบไม่ยัดเยียด
มองว่าประสบความสำเร็จหรือยัง
เรียกว่าประสบความสำเร็จในระดับที่เราโตขึ้นดีกว่า เพราะความสำเร็จของแต่ละคนมีตัวชี้วัดที่แตกต่างกันแต่สำหรับตัวลิซ่าเป้าหมายยังอีกไกล วันนี้เหมือนกันการเริ่มต้น แต่ทุกๆ การเริ่มต้นของเรามันถูกพรูฟว่าวันนี้เราดีกว่าเมื่อวาน ดีกว่าปีที่แล้ว เรามาไกลมากแล้วและประสบความสำเร็จในอีกจุดหนึ่งของเรา แต่เราก็ยังคงอยากเติบโตต่อไป ลิซ่าเชื่อว่าในวันที่เดินทางถึงเป้าหมายแล้ว เราก็ขยายเป้าหมายออกไปอีกเรื่อยๆ
คำแนะนำให้คนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจ
เด็กสมัยนี้เก่งมาก เก่งกว่าคนสมัยก่อนเยอะ เขารู้ลู่ทางในการประสบความสำเร็จและประสบความสำเร็จได้อย่างก้าวกระโดด การที่เราจะประสบความสำเร็จไปได้ไกลในสายงานธุรกิจคือการที่เรายืนหยัดอยู่กับสิ่งที่เราตัดสินใจแล้วยืนหยัดกับเป้าหมายที่เราเลือก เพราะทุกๆ วันนี้ใครก็เริ่มต้นที่จะทำธุรกิจได้แต่การที่คนเราประสบความสำเร็จได้คุณต้องอยู่กับสิ่งๆ นั้นได้ยาวนานพอ ไม่ว่าคุณจะเบื่อหรือเหนื่อย อดทนให้นานพอ ผ่านจุดที่มันไม่ได้สวยงามไปให้ได้
นิยามการทำงาน
บาลานซ์ในการเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ เรียกว่ารับได้ให้เป็น ทำตัวเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้วเสมอเก็บเกี่ยวเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็บาลานซ์ในการเป็นผู้ให้ เพราะถ้าเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วไม่รู้จักเทออกบ้างมันจะเท่าเดิม
แรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจของพี่ลิซ่าคือคนใกล้ตัวก็คือ "คุณแม่" พี่มีคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจ เขาเก่งมากในฐานะที่เขาเป็นคนธรรมดาที่สามารถทำงานส่งลูกเรียนจบทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดี และเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมากไม่เคยโกรธใครและมีแต่ให้จริงๆ เราไม่ได้ร่ำรวยแต่เขาเป็นคนที่สามารถให้คนได้ตลอดเลยจริงๆ พี่เลยได้ตรงนี้จากคุณแม่มา และอีกเรื่องที่คุณแม่สอนมาตั้งแต่เด็กๆ เลย เมื่อไหร่ที่เหนื่อย เมื่อไหร่ที่เครียดหรือไม่สบายใจให้กลับบ้านนอน พี่ลิซ่าเป็นคนแบบนั้น บางคนเครียดอาจจะชอบออกไปเที่ยวหรือไปช้อปปิ้ง แต่เราเครียดปุ๊บกลับบ้านก่อนละ ตื่นเช้ามาก็เป็นวันใหม่เริ่มกันใหม่