Babybotte แบรนด์รองเท้าเด็ก เปิดตัวคอลเลกชั่น Happy Sunshine
เท้าคือพื้นฐานสำคัญของการเจริญเติบโตของเด็ก เพราะหลังจากที่เด็กเริ่มสังเกต ด้วยการมอง ด้วยการฟัง เด็กจะเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว ด้วยการเดินไปสัมผัส รองเท้าจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการเดินของเด็ก พร้อมป้องกันเท้าจากสิ่งสกปรก เชื้อโรคต่างๆ และปกป้องจากการบาดเจ็บได้ อรนิดา จุลเสน ผู้บริหารแบรนด์ “เบบี้บอท” (Babybotte) แบรนด์รองเท้าที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเดินสำหรับเด็ก ได้จัดงานเปิดตัวรองเท้าคอลเลกชั่นใหม่ที่ชื่อว่า “แฮปปี้ ซันไชน์” (Happy Sunshine) นำเสนอแรงบันดาลใจจากสีสันอันสดใสของธรรมชาติ โดยมี แพทย์หญิงขวัญเมือง ณ ตะกั่วทุ่ง กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และพัฒนาการเด็ก ร่วมเผยถึงเทคนิคการเลือกรองเท้าเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กในทุกย่างก้าวและป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการเดินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเหล่าเซเลบริตี้ครอบครัวอบอุ่น อาทิ อรชุมา ดุรงค์เดชและปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ พร้อมด้วยน้องโคลเอ้และน้องคอลิน, จริยดีและเจย์ สเปนเซอร์พร้อมด้วยน้องเจคและน้องจาญา, พัทธมน เตชะณรงค์พร้อมด้วยน้องโคโม่ และ โศภิดา จิระไตรธารพร้อมด้วยน้องเจมี่ มาแนะนำเคล็ดลับการเลือกรองเท้าเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านและความปลอดภัยให้กับลูกน้อย
"เบบี้บอท" แบรนด์รองเท้าที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเดินสำหรับเด็ก จากประเทศฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานกว่า 80 ปี โดยมีทีมนักวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการผลิตรองเท้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งโครงรองเท้าจะต้องสามารถช่วยพยุงข้อเท้าและรองรับส้นเท้า สำหรับเด็กในช่วงหัดเดินได้ ส่วนพื้นรองเท้ายังมีบุเสริมอุ้งเท้า เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างรูปเท้าให้มีส่วนโค้งเว้า และทำให้เท้าไม่แบน ผ่านกระบวนการผลิตกว่า 120 ขั้นตอน ด้วยการเลือกใช้หนังแท้จากอิตาลี (Italian Full Grain leather) ในการตัดเย็บทั้งบริเวณด้านนอกและด้านใน ทำให้มีน้ำหนักเบา และรู้สึกนิ่มสบายขณะสวมใส่
โดยรองเท้า Babybotte มีการออกแบบมาสำหรับเด็กแรกเกิด ไปจนถึงอายุ 15 ปี โดยแบ่งออกเป็น 4 รุ่น เริ่มจากรุ่นออล โฟร์ (All Fours) รองเท้าสำหรับเด็กแรกเกิด หรือช่วงกำลังคลาน โดยรองเท้าจะมีความยืดหยุ่นดี ทำให้เด็กรู้สึกคล่องตัว และคุ้นชินกับการใส่รองเท้า ถัดมาที่รุ่นท็อดเลอร์ (Toddler) เป็นรุ่นสำหรับเด็กเริ่มหัดเดิน-อายุ 2 ปี โดยรองเท้าจะช่วยเรื่องการทรงตัว รองรับการเดินได้ดี สามารถใส่เดินภายในบ้านได้ เพื่อช่วยให้เด็กฝึกการทรงตัว และเดินได้เร็วขึ้น ต่อมาที่รุ่นเฟิร์ส สเต็ป (First Step) รองเท้าสำหรับเด็กช่วงเริ่มเดิน และเริ่มวิ่ง ตั้งแต่อายุ 1-5 ปี โดยการออกแบบรองเท้าจะเน้นให้ผู้สวมใส่มีความคล่องตัวมากขึ้น และรุ่นอินเตอร์พิต (Intrepides) รองเท้าสำหรับเด็กอายุ 4-15 ปี ที่ดีไซน์ให้เหมาะสมกับการสวมใส่เพื่อทำกิจกรรมในแต่ละวัยมากขึ้น
อรนิดา จุลเสน กล่าวถึงจุดเด่นของแบรนด์ “เบบี้บอท” (Babybotte) ว่า “เบบี้บอทเป็นรองเท้าเด็กสำหรับเด็กแรกเกิด ไปจนถึงอายุ 15 ปี ที่แพทย์แนะนำว่ามีคุณสมบัติตรงตามคำแนะนำจากแพทย์ เพราะเป็นรองเท้าที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเดินสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตรองเท้าให้ได้มาตรฐานเพื่อช่วยลดปัญหาด้านการเดินของเด็ก รองเท้าที่ดีจะช่วยให้เด็กได้ฝึกการทรงตัวและเดินได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมบุคลิคภาพในระยะยาวได้อีกด้วย สำหรับในคอลเลกชั่นนี้ที่ชื่อว่าแฮปปี้ ซันไชน์ เป็นการนำสีสันของธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสีของท้องฟ้า ต้นไม้ ดอกไม้ รอบๆ ตัว มาแต่งแต้มลงบนรองเท้า ให้เด็กๆ ให้เลือกสีสัน ลวดลายที่ชื่นชอบ ถือเป็นการกระตุ้นให้เด็กๆ อยากสวมใส่รองเท้าเพื่อทำกิจกรรมที่ชื่นชอบในทุกๆ วัน”
ด้านแพทย์หญิงขวัญเมือง ณ ตะกั่วทุ่ง กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและพัฒนาการเด็ก ได้เผยถึงเทคนิคในการเลือกรองเท้าเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กในทุกก้าวเดิน ว่า “นอกจากการดูแลเท้าของเด็กให้แข็งแรงและถูกสุขลักษณะแล้ว สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องใส่ใจและให้ความสำคัญมากๆ นั่นคือการเลือกรองเท้าให้เหมาะกับลูก เพราะเด็กแต่ละช่วงวัยจะมีการพัฒนากระดูกเท้าที่แตกต่างกัน รวมถึงกิจกรรมที่ต้องใช้เท้าแต่ละช่วงอายุก็แตกต่างกันด้วย ซึ่งเท้าเด็กจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว พ่อแม่จึงควรตรวจเช็คความคับหรือหลวมของรองเท้าอยู่เสมอ บางครั้งอาจต้องเปลี่ยนรองเท้าถึง 3 ไซส์ ในช่วง 1 ปี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อท่าทางการเดินของเด็ก อาจจะทำให้เกิดภาวะเท้าแบนถาวร เท้าบิดเสียรูป ท่าทางการเดินที่ไม่สวย ดังนั้นการหารองเท้าที่เหมาะสมกับสรีระเท้าของลูกจึงมีความสำคัญ และมีประโยชน์มากต่อการเดินของลูก เพราะรองเท้าที่ดีจะเป็นตัวช่วยในการให้ลูกมีความมั่นใจในก้าวเดินแต่ละก้าว เปรียบเสมือนเป็นการลงทุนด้านบุคลิกภาพในระยะยาว
สำหรับเทคนิคในการเลือกซื้อรองเท้าเด็กนั้น ถ้าเป็นเด็กเล็กเด็กอาจจะไม่สามารถบอกเราได้ว่ารองเท้าที่ใส่ เริ่มคับไปแล้ว ไม่พอดีหรือหลวมไป จนกว่าจะเห็นแผลรองเท้ากัดหรือเจอผื่นแดงที่อาจเกิดจากการเสียดสี แต่หากเราหมั่นเช็ครองเท้าลูกเป็นประจำ เช่นมีจุดตรงไหนสึกหรอมากกว่าปกติ หรือสึกหรอตรงพื้นรองเท้าจุดใดจุดหนึ่งเร็วกว่าจุดอื่นๆ หรือหากเป็นเด็กเล็กมาก เด็กอาจมีอาการไม่อยากใส่รองเท้าเดิน นั่นถือเป็นสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่ได้แล้ว สำหรับช่วงเวลาในการซื้อรองเท้าเด็กนั้น ควรจะทำการซื้อในช่วงเที่ยงถึงเย็นเท่านั้น เพราะโดยมากแล้วช่วงนี้เท้าจะขยายตัวมากที่สุด เมื่อถึงร้านควรให้เด็กลองใส่รองเท้าทั้งสองข้าง เมื่อลองแล้วหัวแม่โป้งเท้าของเด็กควรห่างจากผนังปลายสุดประมาณครึ่งนิ้ว หรือ 1เซนติเมตร หากเป็นรองเท้าหุ้มส้นตรงหลังเท้าควรแค่แตะกับตัวรองเท้า แต่ไม่ควรให้รัดมากจนเกินไป และการเลือกรองเท้าไม่ควรเกิน 1 ไซส์ เช่น วัดได้ ไซส์ 5 ไม่ควรซื้อเกิน ไซส์ 6
การเลือกซื้อรองเท้าให้เด็กควรคำนึงถึงความใส่สบายเป็นหลัก ทำจากวัสดุที่ดีและมีคุณภาพ โดยรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่ดีจะสามารถระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่เกิดการอับชื้น อีกทั้งยังต้องมีน้ำหนักเบา พื้นรองเท้าควรเลือกแบบนิ่ม ไม่มีส้น พื้นรองเท้าต้องเสมอกัน และพื้นรองเท้าควรจะมีรอยหยักเพื่อป้องกันการลื่นล้มขณะเดินหรือวิ่ง นอกจากนี้อย่าลืมใส่ใจในความประณีตของการตัดเย็บ โดยด้านในต้องไม่มีรอยต่อตะเข็บ หรือขอบแข็ง เพราะจะไปเสียดสีกับเนื้ออ่อนๆ ทำให้เท้าเจ็บหรือเป็นแผลถลอกได้ นอกจากนี้การเลือกรองเท้าแบบผ้าใบหุ้มข้อจะช่วยประคองข้อเท้าของเด็กขณะเดินหรือวิ่งไม่ให้หกล้มได้ง่าย การเลือกรองเท้าที่ดีจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการที่สำคัญของเด็ก ทำให้การเดินมีความมั่นคง ปลอดภัย และยังช่วยดูแลปกป้องอวัยวะสำคัญอย่างเท้าอีกด้วย ด้านลวดลายและสีสันควรเลือกลาย รูปแบบ และสีที่เด็กๆโปรดปราน เพราะจะทำให้เด็กอยากสวมใส่รองเท้าและก้าวย่างได้อย่างมีความสุข”
สำหรับคอลเลกชั่น Happy Sunshine นี้ Babybotte ยังคงแนวคิดการผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ด้วยวัสดุที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรฐานระดับโลก พร้อมผสานงานดีไซน์ที่หลากหลายสำหรับเหล่าแฟชั่นนิสต้าตัวน้อย ด้วยแรงบันดาลใจจากสีสันอันสดใสจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้าจากท้องฟ้า, สีเขียวจากต้นไม้, สีแดง สีชมพู สีเหลือง สีส้ม สีช็อกโกแลต จากผลไม้ สีนู้ด, สีเบจ, สีเงิน, สีแพลตทินัม จากก้อนหินและดินธรรมชาติ โดยในคอลเลกชั่นนี้โดนเด่นด้วยรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อแบบสายผูกเชือกสีต่างๆ และแบบตีนตุ๊กแกเพื่อเพิ่มความสะดวกสะบายในการสวมใส่ นอกจากนี้ยังมีรองเท้าแตะหัวเปิด รองเท้าแตะหุ้มข้อ ที่มาพร้อมลวดลายต่างๆ ซึ่งเหมาะกับการออกไปทำกิจกรรมเรียนรู้ในทุกๆ วัน
ด้านเหล่าเซเลบริตี้คุณแม่คนสวยได้มาร่วมแนะนำเคล็ดลับการเลือกรองเท้าที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความปลดภัยแก่ลูกน้อย โดยเริ่มจากคุณแม่ลูกแฝด อรชุมา ดุรงค์เดช เผยว่า “ถึงแม้ว่าลูกน้อยทั้งสองจะเป็นฝาแฝดที่มีพัฒนาการและการเรียนรู้ที่ใกล้เคียงกัน แต่พวกเขาทั้งสองคนก็มีความชอบที่แตกต่างกัน รวมถึงลักษณะกายภาพ อย่างน้องคอลินที่ผ่านมาจะประสบกับปัญหาเท้าแบน (Flat Foot) โดยจะมีลักษณะของเท้าที่ไม่มีส่วนโค้งเว้าตรงกลางเท้า เมื่อลุกขึ้นยืนฝ่าเท้าจะราบแนบไปกับพื้น ปัญหาเท้าแบนจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเดินของลูก ทำให้เดินได้ไม่นาน ทรงตัวไม่ได้ ยืนแล้วล้มบ่อยๆ ทางคุณหมอก็ได้แนะนำให้เลือกสวมใส่รองเท้าที่ตัดเป็นพิเศษ รองเท้าที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างรูปเท้าให้มีส่วนโค้งเว้า ทำให้เด็กสามารถฝึกการทรงตัวและเดินได้เร็วขึ้น ส่วนโคลเอ้ไม่มีปัญหาเท้าแบนแต่เราก็เลือกรองเท้าที่เหมาะสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพราะรองเท้าที่ดีจะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพและช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในทุกก้าวเดิน”
ถัดมาที่คุณแม่ลูกสอง จริยดี สเปนเซอร์ กล่าวว่า “น้องเจคลูกชายคนโตปีนี้อายุแปดขวบแล้ว ค่อนข้างมีพัฒนาการที่ดีมากมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ส่วนน้องจาญาปีนี้อายุสามขวบเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเองสามารถบอกได้ว่าชอบสิ่งไหนไม่ชอบสิ่งไหน ที่ผ่านมาเราค่อนข้างดูแลลูกอย่างใกล้ชิดในทุกๆ การเติบโต อย่างน้องจาญาเคยประสบปัญหาเท้าแบนซึ่งส่งผลต่อการเดิน แต่ดีที่เราสังเกตุอาการและทราบถึงวิธีแก้ไขทำให้เราสามารถเลือกรองเท้าที่เหมาะสำหรับเด็กโดยเฉพาะได้อย่างทันถ่วงที เพราะถ้าหากเราไม่เลือกรองเท้าที่เหมาะสมเท้าจะบิดเสียรูป ท่าทางการเดินที่ไม่สวย โตขึ้นก็จะส่งผลให้บุคลิกภาพไม่ดี แต่พอได้รองเท้าที่เหมาะสม พัฒนาการด้านการเดินก็ดีขึ้น เดินได้นานขึ้น ทำกิจกรรมได้เยอะขึ้น นอกจากนี้ทั้งเจคและจาญาก็จะชอบเลือกรองเท้าที่จะใส่ด้วยตัวเอง เลือกสีสันที่ชอบ ซึ่งจะช่วยทำให้อยากใส่รองเท้ามากขึ้น”
ต่อมาที่คุณแม่นักกิจกรรม พัทธมน เตชะณรงค์ เล่าว่า “โคโม่เป็นเด็กที่ประสบปัญหาเท้าแบนตั้งแต่เด็ก พอถึงช่วงเริ่มตั้งไข่และหัดเดิน โคโม่จะล้มบ่อย ยืนและเดินได้ไม่นาน ทำให้ไม่กล้าทำกิจกรรม แต่ดีที่เราหมั่นสังเกตุอาการและใส่ใจลูกอยู่เสมอ จึงได้ศึกษาและหาวิธีแก้ไข โดยจะเลือกรองเท้าที่ตัดและออกแบบสำหรับเด็กโดยเพาะ ซึ่งโครงรองเท้าจะต้องสามารถช่วยพยุงข้อเท้าและรองรับส้นเท้า ส่วนพื้นรองเท้ายังมีบุเสริมอุ้งเท้า เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างรูปเท้าให้มีส่วนโค้งเว้า ทำให้เท้าไม่แบน สามารถเดินหรือวิ่งได้สะดวก ไม่หกล้มง่าย ช่วงนี้โคโม่อยู่ในวัยที่กำลังเติบโตการที่ได้ใส่รองเท้าที่เหมาะกับสรีระทำให้ทำกิจกรรมได้มากขึ้น ทำกิจกรรมได้นานขึ้น มีพัฒนาการด้านต่างๆ ดีขึ้นเหมาะสมกับวัย นอกจากนี้เราก็ต้องใส่ใจเปลี่ยนรองเท้าให้ลูกตลอด ให้พอดีกับเท้าและยังต้องเลือกรองเท้าให้เหมาะกับแต่ละกิจกรรมด้วย รองเท้าที่ดีจะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจในการทำกิจกรรม ช่วยให้บุคลิกภาพดีส่งผลดีในระยะยาว”
ปิดท้ายที่คุณแม่ยังสาว โศภิดา จิระไตรธาร เผยว่า “น้องเจมี่กำลังอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากเห็น อยากทำกิจกรรม เพราะพึ่งเริ่มไปโรงเรียน ได้มีเพื่อน ได้เจอคุณครู ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีกิจกรรมและการเรียนรู้แตกต่างกันไป ตั้งแต่เด็กพอเริ่มมีพัฒนาการด้านการเดินเจมี่จะชอบเดิน ชอบวิ่งมาก ชอบเดินด้วยเท้าเปล่า (Barefoot) วิ่งเล่นอยู่ภายในบริเวณบ้าน แต่พอต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกเราเคยสังเกตุเห็นว่าลูกไม่ชอบใส่รองเท้าซึ่งแท้จริงแล้วมีความหมายว่ารองเท้าไม่เหมาะกับลูก อาจใส่แล้วไม่สบาย เราจึงเลือกรองเท้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเท้าแบน แต่การเลือกรองเท้าที่เหมาะสำหรับเด็กจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเดินของเด็กได้เป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยป้องกันเท้าจากอันตรายและการบาดเจ็บต่างๆ แล้ว รองเท้าที่ดียังช่วยทำให้เด็กสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายมากขึ้น ช่วงนี้เจมี่ชอบกิจกรรมขับรถ ไถรถไถขา ซึ่งเราก็จะเลือกรองเท้าแบบผ้าใบหุ้มข้อเพราะจะช่วยประคองข้อเท้าของเด็กขณะเดินหรือวิ่งไม่ให้หกล้มได้ง่าย”
พบกับ Babybotte รองเท้าที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเดินสำหรับเด็กได้แล้ววันนี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 2 บริเวณด้านหน้าทางเข้าไอซ์สเก็ต, สยามพารากอน ชั้น 3 แผนกเด็ก, เซ็นทรัลชิดลม ชั้น 6 แผนกเด็ก, เอ็มโพเรียม ชั้น 3 แผนกเด็ก, ร้าน QD Little thing ทุกสาขา, ร้าน Minikids และโรงเรียนนานาชาติ Regent รวมถึงช่องทางออนไลน์ทาง www.babybotte-th.com, IG: babybotte_thailand, FB: babybotte Thailand และ Line@: @babybotte_thailand