25 วิธีเด็ด ตรวจเช็คบ้านก่อนโอน จะได้ไม่โดนหลอก
Sanook! Home มีเพื่อนที่เพิ่งเซ็นโอนบ้านไป แต่ผลปรากฏว่าโอนไปตั้งแต่ต้นปี ผ่านไปจนเกือบครึ่งปียังไม่ได้เข้าอยู่ เพราะบ้านมีความเสียหายที่ต้องซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เพื่อนเลยนั่งกุมขมับ เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนว่าก่อนเซ็นโอนบ้านกับหมู่บ้านใดก็ตาม เราต้องตรวจบ้านอย่างละเอียด ด้วยความเป็นห่วง จึงนำวิธีตรวจรับบ้านมาให้ลูกบ้านสนุก โฮมเก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่ะ
เรื่องน้ำ
1.เปิดก๊อกน้ำทุกจุด ทุกตัวในบ้าน ดูว่าน้ำรั่วหรือไม่ หรือเมื่อปิดก๊อกน้ำแล้ว มิเตอร์ยังวิ่งอยู่แสดงว่ามีจุดที่น้ำรั่ว
2.เทน้ำลงบนทุกจุดที่มีทางระบายน้ำเพื่อดูการทำงานของท่อระบายน้ำ
3.เปิดน้ำแล้วดูการทำงานของปั๊มน้ำว่าทำงานปกติไหม และน้ำแรงแค่ไหน
4.ในห้องน้ำต้องมีของให้ครบทั้งอ่างล้างหน้า ก๊อกน้ำ ชักโครก สายชำระ ที่ใส่กระดาษทิชชู ที่แขวนผ้าเช็ดตัว ก๊อกน้ำและฝักบัว ฝาปิดท่อน้ำแบบกันกลิ่น
เรื่องไฟฟ้า
5.เปิด-ปิดไฟทุกดวงในบ้านว่าดวงไหนติด ดวงไหนไม่ติด หากไม่ติดให้รีบแจ้งทันที หรืออยากจะย้ายไฟดวงไหนให้แจ้ง และจดเอาไว้
6.ใช้ไขควงวัดไฟจิ้มไปที่น็อตของปลั๊กไฟ เพื่อตรวจสอบว่าไฟรั่วหรือเปล่า จากนั้นเปิดปลั๊กไฟเพื่อดูการเดินสายไฟว่ามี 3 เส้นหรือไม่ ต้องมีสายดินด้วย แล้วเอาไดร์ทเป่าผมลองเสียบแล้วดูว่ามีปลั๊กไฟอันไหนบ้างที่ใช้ไม่ได้
7.ในห้องน้ำต้องมีการเดินสายไฟสำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ หรือถ้าจะติดเครื่องทำน้ำร้อนที่อ่างอาบน้ำต้องให้ช่างเดินไฟไว้ให้เรียบร้อย แล้วก็ให้เดินเหมือนเดินไฟในบ้านคือมีสายดินด้วย และต้องมีเบรกเกอร์ติดแยกไว้ต่างหาก
8.ปีนหลังคาขึ้นไปดูใต้ฝ้าว่ามีการร้อยสายไฟใส่ท่อไว้ให้เรียบร้อยหรือเปล่า ก่อนขึ้นไปเปิดใต้ฝ้าต้องปิด Main Breaker ก่อน เหตุที่ใต้ฝ้าต้องร้อยสายไฟใส่ท่อเพราะเผื่อเวลาฝนตก หลังคารั่ว น้ำโดนสายไฟแล้วจะเป็นอันตรายกับบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้
9.ปิดไฟทุกดวงในบ้าน แล้วดูว่ามิเตอร์ไฟวิ่งไหม ถ้ามิเตอร์วิ่งแสดงว่าไฟรั่ว ต้องตรวจหาและแก้ไขทันที
10.สายดินของ Main Breaker ต้องฝังลึกประมาณ 2 เมตร ลองเช็คดูแล้วให้เขาฝังให้ใหม่ หรือเสียเงินฝังเองก็ได้
11.ให้เปลี่ยนหลอดไฟทุกดวงในบ้านเป็นหลอดประหยัดไฟแทน เพราะจะประหยัดเงินของเราลงได้เยอะ
12.ปลั๊กไฟนอกอาคารต้องมีตัวกั้นน้ำเพราะถ้าฝนตกจะได้ไม่เป็นอันตราย
13.กระดิ่งหน้าบ้านต้องเดินสายไฟ 3 เส้นเหมือนกัน ควรมียางกันน้ำ หรือมีกล่องครอบกันน้ำ
14.ควรติดไฟไว้รอบๆ บ้าน และเลือกติดเป็นสวิทซ์เปิดไฟ
งานพื้น
15.เดินลากเท้าเปล่าไปกับพื้นดูว่าปูพื้นเรียบร้อยไหม จากนั้นใส่ถุงเท้าเดินอีกรอบจะได้รู้ว่ามีรอยหรือเปล่า และตามร่องที่ปูสะอาดไหม
16.ใช้เหรียญบ้านเคาะที่พื้นดูว่ามีเสียงพื้นโป่งหรือเปล่า หากมีให้เอากระดาษกาวแปะทำเครื่องหมายไว้
17.ให้เอาลูกแก้ววางบนพื้น และห่างกันประมาณ 10 ซม.แล้วดูว่าลูกแก้วไหลไปทางไหน ถ้าไหลไปรวมกันแสดงว่าพื้นเป็นหลุม แต่หากจุดไหนไม่มีลูกแก้วอยู่แสดงว่าพื้นปูด
งานกำแพง
18.เช็คดูว่ากำแพงสะอาดไหม วอลเปเปอร์ที่ติดไว้เรียบเสมอกันหรือเปล่า ทำโดยใช้หน้าแนบติดกับกำแพง และดูว่ามีจุดไหนโป่งหรือเปล่า
19.ตรวจความตรงของขอบบัวติดผนังโดยใช้ไม้บรรทัดวางกับพื้นแล้วเลื่อนไปเรื่อยๆ หากมีช่วงที่โป่งหรือเว้าตัวของขอบบัว เราจะเห็นช่องระหว่างไม้บรรทัด
20.เช็คสีนอกอาคาร ดูว่ามีรอยรั่ว หรือร้าวไหม ถ้ามีให้แก้ไขด่วน
21.ประตู หน้าต่าง ต้องลองเปิดดูว่ามีการทรุดตัวไหม ลองปิดประตูแล้วเอาไฟฉายส่องดูว่ามีแสงลอดไหม รวมทั้งเมื่อล็อคประตูแล้วให้เอากุญแจลองไขดูทุกดอก
22.ประตูรั้วหน้าบ้านลงล็อคดีหรือเปล่า ใช้งานได้จริงไหม ใส่แม่กุญแจได้หรือเปล่า
งานใต้หลังคา
23.ควรตรวจในช่วงหน้าฝนเพื่อดูการรั่วซึม โดยขึ้นไปให้เหยียบที่โครงเหล็กของหลังคาแทนเหยียบบนฝ้า เพราะอาจเกิดอันตรายได้ จากนั้นใช้ไฟฉายส่อง ถ้ามีแสงลอดออกมาจากด้านนอกแสดงว่าหลังคารั่ว ต้องให้ทางโครงการมาซ่อมให้ทันที
24.ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาหากฉีกขาดต้องให้ทางโครงการมาซ่อมให้
25.สายไฟต้องร้อยอยู่ใต้โครงเหล็กหลังคา ไม่ใช่ร้อยอยู่เหนือโครงเหล็ก เพราะหากเกิดไฟช็ออตในขณะที่เราปีนขึ้นไป จะเกิดอันตรายได้
เห็นไหมคะ การตรวจเช็คก่อนเซ็นโอนบ้านมีหลายข้อที่คนซื้อบ้านควรรู้ และที่สำคัญเมื่อพบความชำรุด ความเสียหายต่างๆ แล้วต้องรีบแจ้งให้ทางโครงการแก้ไข โดยมีการลงรายละเอียด เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรและวันที่ เพียงเท่านี้ลูกบ้าน Sanook! Home ก็จะได้เป็นเจ้าของบ้านแบบมีความสุขกันถ้วนหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก www.pantip.com
ภาพจาก www.istockphoto.com