รู้หรือไม่...ทำไมจึงต้องเหงา
คลายปมความเหงาให้กับตัวคุณ...ไม่ว่าจะเหงาเพราะอะไรก็ตาม ทำไมความเหงาต้องมาเกิดกับเรา ถ้าจะแก้ความเหงาอย่างถาวร...เราควรแก้จากอะไร
มีโอกาสไปเจอบทความหนึ่งในแฟนเพจของคุณพศิน อินทรวงค์ นักเขียนเจ้าของผลงาน หลวงปู่มั่นจอมทัพธรรม, อำนาจพลังจิต ฯลฯ เลยอยากจะเอามาเผื่อแผ่ให้สาวๆ ได้อ่านกันถ้วนหน้าค่ะ
1.ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ทุกคนเกือบทั้งโลกล้วนเป็นคนขี้เหงา เพราะความเหงาไม่เกี่ยวกับฐานะ หรือหน้าตาทางสังคม ไม่เกี่ยวกับความสวยหล่อ ไม่เกี่ยวกับการมีคู่หรือไม่มี ต่อให้คนที่มีพร้อมทุกอย่างที่พูดมาทั้งหมด ก็ฟันธงได้ว่า เขาเหล่านั้นก็เคยเหงา ไม่ต่างจากคนธรรมดาอย่างเราๆ
2.ความเหงานั้นเป็นสิ่งชั่วคราว ไม่ใช่สิ่งถาวร บางคนก็มาบ่อยหน่อย บางคนก็มานานๆ ครั้ง แต่คนเกือบทั้งโลก ก็ยังมีความเหงาอยู่นั่นเอง
3.ความเหงานั้นมีสาเหตุหลักๆ อยู่ 5 มิติ (1) เหงาเพราะกลัว เช่น กลัวตาย กลัวสูญเสีย กลัวทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิม (2) เหงาเพราะขาด เช่นรู้สึกขาดความรัก ขาดความเข้าใจ ขาดอ้อมกอด ขาดความอบอุ่น ขาดความมั่นคงในชีวิต (3) เหงาเพราะคิดอนาคต เช่น กังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น คิดไปเองล่วงหน้า วิตกจริต (4) เหงาเพราะคิดอดีต เช่นอาลัยกับสิ่งที่เสียไปแล้ว อยากให้สิ่งที่รัก คนที่รักกลับคืนมา คิดถึงวันที่เคยมีพร้อมทุกอย่าง คิดถึงวันที่เคยมีความสุขเป็นต้น (5) เหงาเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร ในข้อนี้คนเกือบทั้งโลกก็เป็นกันอยู่ และเป็นข้อที่แก้ยากที่สุด เพราะไม่ว่า คุณจะรอดไปจากสาเหตุความเหงาในข้ออื่น คุณก็จะมาติดอยู่ในความเหงาข้อนี้นั่นเอง ในข้อนี้ก็จะแปรรูปออกมาเป็นความเบื่อชนิดต่างๆ เช่น เบื่อฐานะตัวเอง เบื่อครอบครัว เบื่อคนรัก เบื่อนิสัยตัวเอง เบื่อสังคม และอีกสารพัดจะเบื่อได้
4.เห็นได้ว่า เมื่อมองเหตุปัจจัยที่ทำให้คนเรารู้สึกเหงา ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะรอดจากความเหงา เพราะทุกคน ถ้าเราจะมาสำรวจตัวเองกันจริงๆ เราก็ต้องเข้าข่าย ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง
5.เมื่อเรามาสังเกตดูดีๆ เราจะเห็นได้ว่า แม้ตัวเชื้อที่จะทำให้เราเกิดความเหงาได้มีอยู่หลายสาเหตุ แต่ทุกช่องทางก็มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน นั่นคือ "ความคิด" จึงกล่าวได้ว่า ที่เราเหงา เพราะเราคิด
6.เมื่อเรารู้แล้วว่า ความคิดก่อให้เกิดความเหงา (รวมถึงความรู้สึกต่างๆ ทั้งหมด) การจะจัดการกับความเหงาได้ จึงเป็นสิ่งเดียวกับการจัดการความคิด หรือควบคุมความคิด ตราบที่เราจัดการความคิดไม่ได้ เราก็ไม่มีวันจัดการความเหงาได้
7.การจัดการความคิดมีอยู่หลายวิธี มีทั้งทางอ้อม และทางตรง มีทั้งที่ได้ผลชั่วคราว และได้ผลถาวร
8.การจัดการความคิดแบบชั่วคราว เช่น เบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเหงาก็ไปดูโทรทัศน์ คุยกับเพื่อน เที่ยวเล่น อื่นๆ แต่เราจะพบว่า วิธีนี้มักใช้ไม่ได้ผล ใช้หนีความเหงาได้ชั่วคราว ไม่นานก็จะเหงากลับขึ้นมาอีก
9.การจัดการความเหงาแบบเปลี่ยนภาพรวมของชีวิต วิธีนี้ก็มีคนใช้กันมาก เช่น การสร้างฐานะให้ร่ำรวย และคิดว่าความรวยจะช่วยทุกอย่างได้ การหาคู่ครอง และคิดว่ามีคู่ครองแล้วจะเติมเต็มทุกอย่างได้ การมีบุตร แล้วคิดว่าการมีบุตรจะเติมเต็มทุกอย่างได้ วิธีนี้ อาจช่วยให้ความถี่ของความเหงามาน้อยลง แต่ต้องยอมรับว่า ถึงยังไงก็ไม่ได้ผลที่แท้จริงอยู่นั่นเอง
10.จัดการความเหงา ด้วยวิธีฝึกจิตให้เกิดปัญญา วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลเร็ว และยั่งยืนที่สุด เพราะเมื่อความเหงามาจากความคิดและการที่เราจะควบคุมความเหงาได้ เราก็ต้องควบคุมความคิดของตนเองให้ได้เสียก่อน
11.การฝึกจิตนั้นมีด้วยกันสองวิธี หนึ่ง การทำสมาธิ สอง การทำวิปัสสนา
12.การทำสมาธิคือการจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อจิตของเราจอจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว ช่องว่างที่ความคิดจะแทรกเข้ามาทำให้เกิดความเหงาได้ ก็จะน้อยลงไปด้วย และเมื่อฝึกจิตด้วยวิธีนี้บ่อยๆ จะพบว่า ความฟุ้งซ่านในหัวของผู้ฝึกจะน้อยลงตามไป ด้วยเหตุเพราะ จิตเข้าไปอยู่ในความนิ่ง แทนที่จะไปไล่ตะคลุบอารมณ์เหมือนปกติ ตรงนี้จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ปกติคนเราจะคิดประมาณ 5 หมื่นเรื่องต่อวัน แต่ผู้ฝึกจิตจะลดลงครึ่งหนึ่ง และจะลดลงเรื่อยๆ ตามระดับของสมาธิที่ตนเองมีอยู่
13.วิปัสสนา การทำวิปัสสนาคือการ กำหนดรู้ตามจริง จนเห็นว่าทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ในที่นี้ ถ้านำมาใช้กับการกำจัดความเหงาก็ย่อมใช้ได้ไม่ยาก และค่อนข้างได้ผล สังเกตได้ว่า คนเราเมื่อรู้ตัวว่า โกรธ ก็จะโกรธน้อยลงแล้ว เมื่อรู้ตัวว่า เศร้า ก็จะเศร้าน้อยลงแล้ว เช่นกัน เมื่อใช้วิปัสสนาจนมองเห็นความเหงา ความเหงาก็ย่อมลดลงด้วย
14.อย่างไรก็ตาม ความเหงา หรือความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไร้รูปแบบ การแก้ปัญหาของเรา จึงต้องใช้ทุกเรื่องมือที่มีไปพร้อมกัน การแก้ไขปัญหาชั่วคราวคือเบี่ยงเบนความสนใจก็ต้องทำ การปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้นก็ต้องทำ ขณะที่การฝึกจิตก็ต้องทำไปด้วยอย่าให้ขาด
15.บุคคลที่จะหมดสิ้นซึ่งความเหงา ก็จะต้องเป็นบุคคลที่บรรลุธรรมในขั้นพระอานาคามีไปแล้ว จึงตัดความเหงาได้เด็ดขาด
16.ในจิตของปุถุชน การเกิดความเหงานั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทำอย่างไรเราจึงเกิดให้น้อยที่สุด ซึ่งก็ต้องทำไปตามวิธีที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะความเหงานั้น เป็นเรื่องบั่นทอนความสุข หากมีบ่อยเกินไป หรือมากเกินไป ก็จะพัฒนาไปสู่ปัญหาโรคซึมเศร้าสร้างความทุกข์ให้ชีวิตอย่างมากมายมหาศาล
17.มนุษย์ไม่ได้เกิดมายอมแพ้ต่อสิ่งใดๆ และมนุษย์ทุกคนมีโอกาสพัฒนาตนเองไปจนถึงจุดที่ไร้ซึ่งความทุกข์ การเกิดมาเป็นชาวพุทธนั้นถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐสุด และควรใช้วิชาของพระพุทธเจ้าที่ท่านให้ไว้จัดการกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตของตนให้เต็มศักยภาพองค์ความรู้ของท่าน
วิชาของพระพุทธเจ้านั้น ทำคนให้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ เพียงนำวิชาของท่านไปประดับไว้ในใจ ความเหงาใดๆ ก็ไม่อาจกล้ำกรายเข้าสู่ชีวิตของเราได้อีกเลย