แปลงโฉมห้องนอนสุดโทรม ด้วยแผ่น Stencil ทำเอง
บ้านใครที่อยู่อาศัยมานานๆ ก็คงมีความคิดอยากจะแปลงโฉมบ้าน หรือห้องส่วนตัวให้ออกมาสวยงามน่าอยู่ อย่างเช่นคุณช่าง(ฉันเถอะ) จากเว็บไซต์พันทิป ที่ลงมือปรับปรุงห้องนอนเก่าของตัวเองให้กลายเป็นห้องนอนในฝัน ออกมาสวยงาม ชวนฝันอย่างที่ใจต้องการจริงๆ
วันนี้ ช่าง(ฉันเถอะ) มีห้องนอนที่ปรุงแต่งจากซากห้องนอนเก่า ๆ โทรม ๆ ให้กลายเป็นห้องนอนในฝันที่อยากได้ ด้วยมือของเราเองไม่ต้องจ้างช่างให้เสียสตางค์ ทำให้เงินในกระเป๋ายังอยู่ สบายดีค่ะ ด้วยการเพ้นท์ด้วย สเตนซิล ที่เราก็ทำเองได้ด้วยวัสดุอุปกรณ์ใกล้ ๆ ตัว ด้วยงบประมาณไม่กี่พันบาทก็ได้ห้องนอนใหม่ที่เราต้องการนอนหลับฝันดี ด้วยค่ะ
งบประมาณที่ใช้ประมาณดังนี้ค่ะสินค้าซื้อที่ โฮมโปร (ไปเติมเอาเองนะคะ เดี๋ยวจะเป็นการโฆษณาให้เขาอิ อิ
1. สีรองพื้น 1 กระป๋อง. + สีน้ำ 2 กระป๋อง ประมาณ 2,000 บาท
2. ลูกกลิ้งเล็ก 1 ใหญ่ราคา 230 บาท
3. กระดาษกาวสำหรับปิดพื้นผิวเวลาทาสีไม่ให้เลอะ 4 อัน 100 บาท
4. แม่สีกระป๋องจิ๋ว 4 กระป๋อง 160 บาท
5. แผ่น stencil ทำเอง
6. ค่าแรงทาสี ไม่มี
7. กระเบื้องปูพื้น 2,000 บาท
8. ค่าแรงปูกระเบื้องห้องนอน (12 ตร.ม) 1,500 บาท ราคากันเอง
9. ผ้าม่าน เป็นผ้าหลุยส์มีลาย 2 ด้าน เมตรละ 50 บาทหน้ากว้าง 60 นิ้ว(ซื้อจากพาหุรัดถูกสุด ๆ) ราคา 150 บาท
10.ค่าแรงผ้าม่าน ไม่มี(ตัดเย็บเอง)
11. เตียง ทำจากชั้นวางหนังสือ 4 อันมาวางประกบกัน สั่งทำอันละ 350 บาท +ค่าขนส่ง 100 ราคา 1,500 บาท
12. เสื่อน้ำมันราคา 120 บาท
13. ปูนกาวสำหรับปูกระเบื้อง 2 ถุง ราคา 360 บาท
รวมทั้งสิ้น 8,060 บาท
ภาพที่ท่านกำลังจะได้ชมต่อไปนี้ ต้องขอบอกว่าการทาสีและเพ้นท์ลวดลายทั้งหมดมาจากตัวเองค่ะไม่ได้จ้าง อาจจะดูไม่เรียบร้อยเหมือนช่างมืออาชีพ ต้องขออภัยอย่าว่ากันนะคะ แบบว่าอยากได้ยังไงก็ทำอย่างงั้นอ่ะ เป็นสถาปนึกค่ะ นึกอะไรออกก็ทำ ทำด้วยใจรักค่ะ
ขั้นตอนแรกก็ทำความสะอาดพื้นผิวเดิมก่อน ถ้ามีสีร่อนก็เอาออกให้หมด แต่โชคดีเพราะว่าจากภาพที่เห็นใน before มันร่อนไปก่อนจนหมดเกลี้ยงแล้วเพียงแต่เราใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด แปรงขัดออกเบา ๆ ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนก็ ทาสีรองพื้นได้ค่ะ(คือว่า 20 ปีแล้ว ที่ไม่เคยปรับปรุงเลยน่ะ อิอิ)เลยไม่ต้องเหนื่อยมาก
ลงสีรองพื้นแล้วก็ทิ้งไว้ 1 วันให้แห้งดีก่อนค่อยลงสีจริง สีที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นสีรองพื้น สีจริง จะใช้สีที่อนุรักษ์ธรรมชาติทั้งหมดคือ เป็นสีน้ำที่ปลอดสารตะกั่วเนื่องจากไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวนเรา และเพื่อนบ้าน และเป็นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ แม้จะแพงกว่าสีทั่วไปแต่ก็คุ้มค่ากับสุขภาพของเราค่ะ เพราะว่าเคยมี ประสบการณ์ข้างบ้านทาสีห้องเหม็นมาถึงห้องเราเลยค่ะต้องย้ายที่นอนไปหลายวัน กว่าจะหายเหม็น เนื่องจากบ้านทาวน์เฮาส์ฝ้าเพดานมันติดกัน กลิ่นก็จะไปถึงกันหมดค่ะ
ลงสีจริงได้เลยหลังจากสีรองพื้นแห้งแล้ว แต่ระหว่างรอก็ไปทำแผ่น stencil กันค่ะ (ไปซื้อสำเร็จแผ่นละประมาณ 600 up แล้วแต่ลวดลาย )ทำเองดีกว่าไม่เสียสตางค์ งก..งก
เมื่อเราวาดลายหรือลอกลายลงบนกระดาษแล้วเอากาวทาให้ทั่วแล้วไปติดกับแผ่นพลาสติกเลยก็ได้ จะได้ตัดตามรูปทีเดียวไม่ต้องตัด 2 หน(คือทำจนเสร็จแล้วเพิ่งมานึกได้ว่า ไม่ต้องตัดกระดาษก่อนก็ได้ ไปตัดทีเดียวเลยตอนแปะพลาสติก (ทำหลายอย่างเลยคิดไม่ทัน เบรอ....เบรอ)
กาวที่ใช้ควรเป็นกาวแห้งดีกว่า แล้วควรรีดให้เรียบอย่าให้มีรอยย่นเดี๋ยวออกมาไม่สวย
แผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ตอนที่ตรวจสุขภาพ บังเอิญเก็บไว้เลยเอามาใช้ประโยชน์ซะเลย เนื่องจากเนื้อพลาสติกแข็งกำลังดีเลยค่ะไม่ต้องไปซื้อ เพราะว่าแผ่นพลาสติกแพงค่ะ และยิ่งเนื้อพลาสติกแข็งแบบนี้แพงมากๆ
หรือจะใช้แผ่นรองจานก็ได้ค่ะ ไม่แข็งไม่อ่อนจนเกินไป (ที่ขายในร้านทุกอย่าง 20 1 ชุดมี 12 แผ่นเฉลี่ยแผ่นละไม่ถึง 2 บาท)
ลวดลายวาดเอาเอง หรือไปหาจาก net ก็ได้ค่ะมีรูปดอกไม้สวย ๆ เยอะ
ขั้นแรกก็ลองเพ้นท์ที่ประตูก่อนค่ะ เผื่อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน
เวลาดึงกระดาษกาวออกต้องค่อย ๆ ค่ะ เพราะเดี๋ยวสีเดิมจะติดหลุดมาด้วย ควรใช้กระดาษกาวที่ไม่เหนียวมากนักเพราะจะได้รักษาสีเดิม
ลอกออกมาแล้วก็เป็นแบบนี้ ด้านบนที่เป็นสีฟ้ามีลวดลายผีเสื้อ และโบก็ทำเช่นเดียวกัน ทาสีฟ้าก่อน เมื่อแห้งแล้วก็ ค่อยเพ้นท์ลวดลาย ด้วย stencil (ใช้ลูกกลิ้งขนาดเล็กจะดีกว่า เวลาเพ้นท์ลาย จะได้ไม่เปรอะเนื้อที่ส่วนอื่น ๆ)
ชั้นวางของที่สั่งทำ 4 อัน เอามาทำเป็นเตียงค่ะ เพราะไม่อยากได้เตียงที่มีหัวเตียง เนื่องจากห้องนอนเนื้อที่น้อยหัวเตียงทำให้เปลืองเนื้อที่ อีกอย่างถูกกว่าเตียงจริง ๆ มากๆ และการใช้งานก็สะดวกเคลื่อนย้ายง่าย สามารถรับน้ำหนักได้พอกันค่ะ เพราะเวลาวางคว่ำหน้าแล้วแต่ละชั้นก็จะกลายเป็นคานรองรับได้ดีทีเดียว เผื่อวันข้างหน้าอยากได้เตียงใหม่ ก็เอาเตียงนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมเป็นชั้นวางของได้ค่ะ
วันนี้....เจ้าของห้องเขามาเดินตรวจตราอยู่หลายรอบค่ะ ต้องรีบทำให้เสร็จ อิอิ
จับวางคว่ำหน้าชนกัน 4 อัน ก็จะได้รูปทรงวางเตียงแล้วค่ะ
เอาเสื่อน้ำมันมาปูรองก่อนวางที่นอนนะคะ เพราะเวลาที่นอนเลื่อนไปเลื่อนมาจะได้ไม่ขูดกับผิวไม้ค่ะ
ทีนี้ก็เสร็จแล้ววางที่นอนได้ ส่วนหัวเตียงก็ใช้แผ่นสเตนซิลเพ้นท์เป็นช่อกุหลาบแทนค่ะ ด้านข้างหัวเตียง 2 ด้านเราก็ติดชั้นวางของเล็ก ๆ ไว้วางของเล็ก ๆ น้อย ๆ
อยากได้ห้องนอนแบบค่อนข้างโล่งค่ะ เลยไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมาย เวลาเพ้นท์ลายก็เอาแผ่น stencil วางลงไปที่ผนังแล้วติดกระดาษกาวกันเลื่อน แล้วใช้ลูกกลิ้งทาสีกลิ้งไปกลิ้งมาตามรอยที่ตัดไว้ค่ะ ปลายเตียงก็ติดทีวีไว้ดูเครื่องเดียวกับตู้เก็บของเล็ก ๆ วางเครื่องเสียงชุดเล็ก ๆ ไม่เปลืองเนื้อที่ (แหะ..แหะ..เสาอากาศทีวีอันละ 20 บาท เกี่ยวกับโครงฝ้าดูดิจิตัลทีวีก็ชัดแจ๋วเลยค่ะ)
ผ้าม่านนี่ก็ไปซื้อผ้ามาจากพาหุรัด โชคดีไปเจอผ้าหลุยส์ สำหรับตัดผ้าม่าน มีลาย 2 ด้าน หน้ากว้าง 60 นิ้วราคาแค่เมตรละ 50 บาทเอง เลยสอยมา 20 เมตร เปลี่ยนทั้งหลังเลย หมดค่าผ้าไป 1,000 บาท เย็บเองเลยไม่ต้องเสียค่าจ้างค่ะ
เอาลูกปัดมาห้อยติดที่ชายผ้าด้านบนก็สวยไปอีกแบบ และทางฮวงจุ้ยเคยอ่านมาบอกว่าผ้าม่านที่มีลูกปัดห้อยติดเรียง ๆ กันไป เป็นเหมือนกับผู้คอยดูแลปกป้องบ้านด้วย(หรือเป็นยามให้เราอะไรประมาณนั้น) อันนี้จริงไม่จริงแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ แต่ที่บ้านติดมาตั้งนานแล้วเพราะชอบอะไรที่มันฟรุ้งฟริ้ง ๆ กิ๊บเก๋ แต่พอดีมาอ่านเจอในเรื่องฮวงจุ้ยเลยตรงกับที่เราทำไว้เลย โชคดีไป ....
ส่วนผนังที่มีบานหน้าต่าง มีเนื้อที่นิดเดียวจะทำลายแนวตั้งเหมือนผนังด้านอื่นก็ไม่ได้เพราะความสูงจะ ไม่เท่ากัน จึงคิดไอเดียว่าทำเป็นสวนดอกไม้ดีกว่าเวลาตื่นมาจะได้มองเห็นลวดลาย ดอกไม้ทำให้สดชื่น แจ่มใส ทุกวัน เลยเพ้นท์ตามใจฉันอย่างที่เห็น ส่วนพื้นเดิมเป็นกระเบื้องยางเลยรื้อออก เพราะเก่ามากและร่อนหมดแล้ว เลยเลือกปูกระเบื้องจริงแทน อยากได้พื้นแบบไม้ชิ้นเล็ก ๆ สีโอ๊คดูเป็นธรรมชาติค่ะ ไม่อยากได้เป็นกระเบื้องลวดลายเพราะว่าผนังห้องก็ลายเต็มไปหมด กระเบื้องปูพื้นก็ลายกลัวจะเวียนหัว เลยใช้เป็นพื้นลายไม้เรียบ ๆ ดีกว่า อีกอย่างห้องนอนจะได้แสงเยอะมากโดยเฉพาะช่วงตั้งแต่บ่ายโมงไปแล้ว จะรับแดดเยอะมากเลยเบรกพื้นด้วยสีมืด ๆ นิดนึง ห้องจะได้ไม่สว่างจ้าจนเกินไป เสร็จซะทีจะได้นอนห้องใหม่แล้ว
ขอเล่าถึงแรงบันดาลใจที่ ปรับปรุงห้องนอน ค่ะ คือ เดิมเป็นห้องโทรม ๆ ที่นอนอันเล็กนิดเดียว แต่เราต้องนอนกับเจ้าเหมียวลูกรักอีก 2 ตัว เลยรู้สึกว่าเบียดกันจริง ๆ บางคืนนางนอนพลิกตัวตกเตียงค่ะ( อิ....อิ)เสียงดัง ปั้ก! ดิฉันตกใจตื่นขึ้นมาเห็น นางลงไปอยู่ที่พื้น นางเลยรีบกระโดดขึ้นมานอนใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (อึด..) ใจรู้สึกสงสารมากเลย (คงเจ็บ..น่ะ)คิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราควรจะขยายที่นอนให้ใหญ่กว่า เดิม(แหม...ทนมาได้ตั้งหลายปี) พอเสร็จแล้วยังไม่ทันไร เจ้าปุยฝ้ายเกิดป่วย อยู่ดี ๆ ก็ไม่กินข้าวกินปลา พาไปหาหมอหลายที่ จนที่สุดท้าย หมอก็เอาตัวไว้ที่โรงพยาบาล 1 คืนให้น้ำเกลือ ให้เลือด ออกซิเจน (ดูวุ่นวายไปหมด) วันรุ่งขึ้นหมอตรวจพบว่าเป็นไข้หัดแมว ดิฉันก็ ช็อค ไปเลยค่ะ ตอนบ่าย ๆ หมอโทรมาบอกว่าให้รีบไป รพ. ดิฉันใจเสียเลย พอไปถึง หมอบอกให้ทำใจ หมอช่วยเต็มที่แล้วนะ หมอบอกว่าที่จริงเขาน่าจะไปตั้งนานแล้ว แต่เหมือนเขารอแม่เขาอยู่ ดิฉันเข้าไปเห็นเขานอนอยู่บนเตียงสายตาจ้องมองมาที่ดิฉัน ก็เข้าไปอุ้มเขา ไว้ในอ้อมกอดแล้วบอกว่าแม่มาแล้วนะ จะมารับลูกกลับไปนอนบ้าน ห้องใหม่เสร็จแล้ว เราจะได้ไม่ต้องเบียดกันอีกแล้ว จากนั้นเขาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับในอ้อมแขนของคนที่เขารัก ดิฉันเลยพาร่างของเขากลับมาที่บ้านด้วยหัวใจที่สลาย อุ้มเขาไปนอนบนเตียงใหม่ในห้องนอน แล้วก็ขุดหลุมฝังร่างเขาไว้ในบริเวณบ้านที่อบอุ่น ที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับเรามา 13 ปี เขาจากไปได้เกือบปีแล้วแต่ทุกวันนี้เวลานอนยังร้องไห้คิดถึงเขาอยู่ เลย ขอยกคำชื่นชม และความดีทั้งหมดให้แก่เจ้าปุยฝ้ายของดิฉันเพื่อเป็นพลังให้เขาได้ไปเกิดใน ภพภูมิที่ดีและมีความสุขตลอดไป