ละเอียดยิบ รีวิว "ครัว" ในฝัน ตั้งแต่ออกแบบยันติดตั้ง สวยเริด
ครัวในฝันสำหรับใครก็ต่างสไตล์กันไป สำหรับคุณ candyme จากเว็บไซต์พันทิป เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจเรื่องการออกแบบตกแต่งห้องครัว รวมถึงงานออกแบบเกี่ยวกับบ้าน และวันนี้เธอมาแนะนำการออกแบบตกแต่งห้องครัวในฝันที่แสนสวยหรู และทำออกมาอย่างละเอียด Sanook!Home จึงคิดว่าหลายๆ คนน่าจะชื่นชอบ และอยากยึดเป็นไอเดีย
บอกก่อนนะคะว่าไม่ใช่ครัวที่บ้านตัวเอง แต่เป็นห้องครัวของเพื่อนค่ะ พอดีคุณป้าของเพื่อนคนนี้เค้าซื้อบ้านข้างๆ ที่อยู่ติดกัน แล้วอยากทำเป็นห้องครัว เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับหลานที่เพิ่งเรียนจบทันตแพทย์มา จะได้จัดปาร์ตี้กันได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งตัวชิ้งเองก็เคยมีประสบการณ์ทำครัวที่บ้านตัวเองมาเมื่อปลายปีก่อน เห็นว่าประสบการณ์ตรงนี้น่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆ ที่กำลังคิดอยากทำ ห้องครัวเหมือนกัน หรือจะอ่านเพลินๆ ดเพื่อเก็บเป็นข้อมูลไว้ก่อนก็ได้ค่ะ เลยนำประสบการณ์ครั้งนี้มาแชร์อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามประสา blogger ที่ต้องคอยหา topic ดีๆมาเขียนอ่ะเน๊าะ อิอิ
ให้กำลังใจชิ้งได้นะคะ ด้วยการกดโหวตแนะนำกระทู้นี้ ขอบคุณค่ะ
วิธีการเตรียมตัวก่อนไปพบดีไซน์เนอร์
1 วัดพื้นที่จริงอย่างละเอียด ตรงนี้สำคัญมาก ตรงไหนมีเสา มีปลั๊กไฟตรงไหน หน้าต่างมีไหม ความสูงจากพื้นไปเพดานเท่าไหร่ ต้องวัดมาให้เป๊ะเลยค่ะ ถ้าสามารถ อยากให้มองหาช่องที่จะวางท่อดูดควันไว้ด้วยเลยค่ะ
2 รู้สไตล์ที่ตัวเองชอบคร่าวๆ ว่าชอบแนว Contemporary เน้นไม้ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น, Classic ดูได้ตลอดกาล หรือ แนว Modern ที่เน้นความเรียบหรู สะอาดสะอ้านสายตา หรือ Luxury หรูหราตระการตาดาวล้านดวง
3 ตั้งงบไว้ในใจ ตัดสินใจให้ดีนะคะ แล้วทำใจแข็งๆไว้
4 รู้ฟังก์ชั่นการใช้งานในครัว เช่น ใช้ครัวบ่อยแค่ไหน ทำอาหารแนวไทยแท้? ตะวันตก? หรือทำเบเกอรี่? มีเครื่องครัวให้เก็บเยอะรึเปล่า ชอบซื้อของมาตุนไหม หรือเน้นไปซื้อทีละนิดแต่บ่อยๆ ฯลฯ
5 ถ้าต้องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น ตู้เย็น เตาอบ ไมโครเวฟ ชุดเตาแก๊ส ให้วัดขนาดไปด้วยนะคะ
6 ต้องการใช้ครัวเร็วแค่ไหน แต่ละแบรนด์ใช้เวลาเตรียมของก่อนเข้ามาติดตั้งไม่เท่ากันค่ะ มีตั้งแต่ 10 วันไปจนถึง 90 วันเลย ระยะเวลาติดตั้งก็ไม่เท่ากันอีกค่า ชิ้งเคยนะคะ นั่งคุยกับดีไซน์เนอร์เจ้าหนึ่งอยู่ตั้งนานหลายชั่วโมง หลายวัน กว่าจะได้แบบออกมา พอถามเท่านั้นแหล่ะว่าจะมาติดตั้งได้เมื่อไหร่ อีก 90 วันค่ะ
เมื่อเราทำการบ้านมาดี การคุยกับดีไซน์เนอร์จะง่ายมากๆ เลยค่ะ เริ่มจาก
1 เลือก Shape ห้องครัวที่เหมาะกับขนาดพื้นที่ ซึ่ง Shape ที่นิยมๆ กันก็จะมี I L U G ฯลฯ ทางดีไซน์เนอร์จะใช้ความชำนาญแนะนำให้ตามขนาดพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้งาน ของลูกค้าค่ะ
แบบรูปตัว I: เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด สามารถใช้ครัวเป็นทั้งห้องอาหารและห้องนั่งเล่นได้ และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะอุปกรณ์และตู้เก็บของจะมีขอบเขต ที่แน่นอน และเป็นสัดส่วน อยู่บนแนวผนังเดียวกันทั้งหมด
U Shape: เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่เยอะ มักจะจัดให้เตาอยู่ผนังด้านนึง ตู้เย็นอยู่อีกด้าน และอ่างล้างจานแยกอยู่อีกด้านไปเลย คนที่มีของให้เก็บเยอะ ครัวรูปทรงนี้น่าจะเป็นคำตอบค่ะ
แบบรูปตัว G: คล้ายครัวรูปตัวยูทุกอย่าง แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือเพนนินซูล่า เป็นเคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงกลางห้องเพื่อให้เป็นส่วนรับประทานอาหารเล็ก ๆ คล้ายมินิบาร์ สำหรับ 2 - 4 ที่นั่ง พื้นที่บริเวณเพนนินซูล่านี้ อาจไม่เพียงพอต่อการรับประทานอาหาร มื้อใหญ่อย่างมื้อเย็น ที่มีสมาชิกมาก แต่เหมาะสำหรับเป็นที่รับประทานอาหารเช้า หรือพื้นที่เตรียมเสิร์ฟอาหารหากมีงานเลี้ยงภายในบ้าน
2. เลือกรุ่นที่เราชอบ ซึ่งดูตามแคตตาล็อกได้เลยค่ะ แต่ถ้าไปดูที่โชว์รูมได้จะดีมาก จะได้เห็นคุณภาพงานครัวด้วย เมื่อเราเลือกรุ่นที่ชอบได้ ไม่จำเป็นต้องมีขนาดตามรูปในแคตตาล็อกเป๊ะนะคะ ดีไซน์เนอร์เขาจะปรับไซส์ตู้ ให้พอดีกับพื้นที่ห้องครัวของเรา นอกจากนี้วัสดุหน้าบาน ด้ามจับ ตัวท๊อป สามารถเปลี่ยนได้เท่าที่แต่ละแบรนด์มีให้เลือกตามรุ่นนั้นๆ ขั้นตอนนี้อยากให้รู้ราคาประเมินคร่าวๆ เลยค่ะ แล้วให้ทางดีไซน์เนอร์แนะนำวัสดุที่จะช่วยปรับให้อยู่ในงบที่ตั้งไว้ในใจ เช่นเลือกหน้าบานเป็นพาร์ติเคิลบอร์ดแทน MDF เพราะถูกกว่า เบากว่า หรือเปลี่ยนตัวท็อปไหม เพราะตรงนี้เป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ของราคาครัวโดยรวมค่ะ
• หินแกรนิตและหินธรรมชาติ มีราคาย่อมเยาสุด มีลวดลายให้เลือก แต่เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย แนะนำให้ใช้น้ำผสมผงซักฟอกทำความสะอาด ห้ามใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดอย่างเด็ดขาด
• หินควอท คือ หินธรรมชาติไปบดรวมกับสารเคมี เนื้อจึงมีความละเอียดมาก มีราคาแพง แต่มีความทน ไม่เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
• หินสังเคราะห์ คุณภาพดีกว่าหินแกรนิต หินอ่อนธรรมชาติ และหินอะคริลิค ไม่มีรูพรุน สามารถป้องกันการดูดซึมน้ำได้ดีมาก จึงไม่เป็นแหล่งเชื้อโรค ทนการขีดข่วน ความร้อน และกรดด่างสารเคมีได้ดี ราคาสูงกว่าหินธรรมชาติ
• หินอะคริลิค มีส่วนผสมของอะคริลิกและโพลีเอสเตอร์ โดดเด่นในเรื่องความสวยงาม สามารถป้องกันรังสียูวีได้ ความแข็งแรงคงทนใกล้เคียงกับพื้นผิววัสดุที่ผลิตขึ้นจากธรรมชาติ แต่ทนความร้อนได้ไม่มากนัก ราคาสูง
• หินเรซิล มีหลายลวดลาย เหมาะกับงานครัว L Shape เพราะสามารถขัดเจียหน้าได้ เมื่อประกบกันแล้วจะไม่มีรอยต่อ เวลาเป็นรอยก็สามารถขัดได้
3 ให้การบ้านดีไซน์เนอร์ (บางแบรนด์อย่างที่บ้านคุณเพื่อนเลือกใช้จะส่งช่างมาดูหน้างานเพื่อความชัวร์ก่อนออกแบบค่ะ) จากนั้นก็รอแบบทั้ง AutoCAD และ 3D จ้า ซึ่งหลังจากเห็นแบบ ก็มักจะมีการปรับเล็กๆ น้อยๆ 2-3 ครั้งก็น่าจะได้แบบแล้วค่ะ
ถือว่าเป็นห้องครัวที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ค่ะ พื้นที่ยาวแต่แคบ คือยาว 6 เมตร กว้าง 3 เมตร ครัวชุดนี้ชื่อรุ่นว่า Bianco เลือกวัสดุหน้าบานเป็น MDF ปิดผิวฟอยล์สีขาวเงา ตัวท็อปเป็นหินแกรนิตแอฟฟริกา L-Shape แต่เพิ่ม island ตรงกลาง เวลามีปาร์ตี้กับเพื่อนๆ จะได้นั่งทานกันในครัวได้เลย โจทย์อีกอย่างคือเน้นเก็บเครื่องครัวได้เยอะ เลยต้องมีตู้เยอะๆ ค่ะ
ทฤษฎีที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือทฤษฎี 3 เหลี่ยม (เตรียม - ล้าง – ทำ) ซึ่งก็คือการวางตำแหน่งพื้นที่เตรียม พื้นที่วางอ่างซิงค์ และพื้นที่เตาแก๊สนั่นเอง แนะนำให้วางเป็นรูป 3 เหลี่ยม จะได้ไม่ต้องเดินวนอยู่ในครัวแบบเบลอๆ ค่ะ โชคดีจังที่ครัวที่บ้านวางตำแหน่งได้ถูกต้องโดยไม่ตั้งใจ อิอิ
เอาหล่ะค่ะมาดูภาพขั้นตอนการติดตั้งครัวตั้งแต่ Day 1 ไปจนเสร็จสิ้นการติดตั้งกันได้เลยจ้า
การติดตั้งครัววันแรก คลังสินค้ามาส่งชุดครัวที่ลูกค้าออเดอร์ไป ถึงหน้างานเวลา 11.00 น ทางช่างยกชุดครัวลงไปที่หน้างานที่จะติดตั้ง เช็คของตาม Packing list แล้วตรวจเช็คพื้นที่ให้ตรงตามแบบก่อนติดตั้งอีกครั้ง จากนั้นก็ตั้งตู้ให้ได้ระดับด้วยเลเชอร์ แล้วยึดตู้ให้ติดกันด้วยสกรู 4 จุดด้านหน้า 2 ด้านหลัง จนครบตามแบบ
ถ้าเทียบกับครัว Build-in ที่บ้านตัวเองถือว่า เจ้านี้เค้าแพ็คของมาเรียบร้อยมาก ใช้เนื้อที่ในกล่องคุ้มค่าสุดๆ หน้าบานก็เบา ติดตั้งง่าย แถมไม่ส่งกลิ่นคละคุ้งตลอดการติดตั้งเหมือนที่ครัวตัวเองเจอเมื่อปลายปีที่แล้ว
วันที่ 2
ประกอบตู้ต่างๆ ที่มาเป็นกล่อง โดยมีพวกสกรูที่มีในกล่องตู้มายึดให้แน่นและแข็งแรง นำขาตู้มายึดใส่จำนวน 4 ขายึดสกรูให้แน่น ทำแบบนี้ทั้งหมดที่เป็นกล่องตู้ หาระดับความสูงของตู้ตามแบบเช่นตู้สูง 90 cm ก็ขีดใว้แล้วถ่ายระดับจากซ้ายไป ขวา ด้วยเลเชอร์ถ่ายระดับ มาร์คใว้ที่ผนังเพื่อให้ได้ระดับที่เท่ากัน
ขั้นตอนนี้เริ่มเห็นแล้วว่า ถึงแม้หน้าตาห้องครัวจะเป็น built-in แต่แท้จริงแล้วเป็นครัวแบบนอคดาวค่ะ สามารถถอดเป็นชิ้นๆได้ตลอดเวลา เช่นยกครัวหนีน้ำได้สบาย พอน้ำไปค่อยประกอบใหม่ เลิศ!
วันที่ 3
ประกอบตู้ด้านล่าง จุดที่มีท่อน้ำทิ้ง ก็วางตู้ซิงค์ตามแบบ ปรับระดับขาตู้ ด้วยการหมุนเพื่อให้ด้านหลังขอบตู้เสมอเส้นที่มาร์คระดับไว้ แล้วจับระดับด้วยเลเชอร์ขอบบนของตู้ทั้ง 4 มุม แล้วยึดตู้เข้าหากันใบต่อใบด้วยสกรู
การติดตั้งทำได้เร็วมาก นี่ก็ผ่านไปครึ่งทางแล้วค่ะ ทุกวันจะมีการเก็บขยะเรียบร้อยเลย
วันที่ 4
ตั้งตู้สูงต่อจากตู้ล่างโดยทำแบบเดียวกันกับการตั้งตู้ล่างครบตามแบบ นำตู้ลอยมาใส่ไฟแสงสว่างใต้ตู้ดึงสายไว้หลังตู้ (ครัวบางชุดอาจไม่มีไฟใต้ตู้) นำชัพพอร์ตที่มีมากับตู้ลอยยึดเข้ากับผนังให้แน่น ยกตู้ลอยแขวนกับชัพพอร์ตทำแบบนี้จนครบตามแบบ ยึดตู้ล่างและตู้สูงให้แน่นกับผนัง และแข็งแรงที่สุด ใส่ฟิลเลอร์เข้ามุมระหว่างตู้โดยการยึดด้วยสกรูตามแบบ จากนั้นก็วัดขนาดหิน ให้ทางช่างหินไปทำการผลิต
-ใส่ฟิลเลอร์เข้ามุม (รอยต่อระหว่างมุมครัวเป็นตัวรูป L , U ถึงจะมีเหมือนบ้านนี้เป็นตัวL)
-พอใส่ฟิลเลอร์แล้วยึดตู้กับผนังบ้านให้แน่น ใม่ให้ขยับ- แล้วใส่บานพับเข้าหน้าบาน ใส่ปีกผีเสื้อเข้ากับข้างตู้
-แล้วนำมาล็อคเข้ากัน คือใส่หน้าบานตู้ทั้งหมดตามขนาดของตู้แต่ละใบ
วันที่ 5
ช่างหินนำ Top หินมาติด และเจาะขนาดบน top หินเพื่อวางเตาไฟฟ้า และซิงค์ให้พอดีตามแบบ จากนั้นก็นำหินมาวางบนตู้ครัว ใส่กาวติดหินใต้หิน และรอยต่อให้แน่น เก็บซิลิโคน ข้างหินทั้งหมด ทำความสะอาดหน้าtop หินให้เรียบร้อย ใส่หน้าบานตู้ทั้งหมด
วันที่ 6
ติดก๊อก ซิงค์ ต่อระบบน้ำดี น้ำทิ้ง และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เก็บงานซิลิโคนทั้งหมด ปรับหน้าบานให้ได้ระดับอีกครั้ง เทสน้ำดี น้ำทิ้งของซิงค์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำความสะอาดส่งมอบงานเรียบร้อย
อัลบั้มภาพ 38 ภาพ