10 วิธีเปลี่ยนบุคลิก “บ้านใหม่” ให้ดู “เก่าคลาสสิก มีเสน่ห์” สมใจ
เสน่ห์ของ “บ้าน” หลังใหม่ ใช่ว่าจะอยู่ที่เฟอร์นิเจอร์แบรนด์เนม ของดีไซน์แบบโมเดิร์นดูทันสมัยไปซะทุกมุม เพราะเจ้าของบ้านบางคนยังชื่นชอบความอบอุ่น คลาสสิกภายในบ้าน และวิธีหนึ่งคือการทำให้บ้านใหม่ของเราดูเป็นบ้านเก่าที่ตราตรึง มีเรื่องราว และมีเสน่ห์
ว่าแต่จะต้องทำอย่างไรบ้าง Sanook! Home ได้รวบรวม 10 วิธีที่จะช่วยให้บ้านหลังใหม่ของเราดูเก่าแต่ทรงเสน่ห์ น่าอยู่ บอกเลยว่าคนรักบ้านสไตล์วินเทจ หรือสไตล์คอทเทจน่าจะชอบ
1.เพิ่มเติมเครื่องใช้โบราณเข้าไป หากคุณกำลังมีแผนที่จะปรับปรุงครัวเดิมของคุณ เราขอแนะนำให้คุณเก็บเตาอบแบบเดิมของคุณเอาไว้ หรือคุณจะทาเตาอบของคุณเป็นสีขาวเพื่อให้กลายเป็นอีกหนึ่งชิ้นในบ้านสไตล์คอทเทจ
2.ใช้ประตูบานเก่า ประตูไม้แบบโบราณที่อาจจะมีกระจกตกแต่งเป็นรูปวงรี มีลายเถาองุ่นและคันโยกทองเหลือง ประตูนี้จะช่วยให้บ้านหลังเดิมของคุณดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
3.ชั้นวางของแบบเปิด คุณสามารถทำให้ชั้นวางของในห้องครัวเก่าได้ง่ายๆ เพียงแค่นำประตูชั้นวางของออก นอกจากจะทำให้ห้องครัวดูเก่าคลาสสิกแล้ว ยังทำให้มีพื้นที่สำหรับวางและเก็บของได้มากขึ้นอีกด้วย
4.ตกแต่งห้องด้วย beadboard คลุมพื้นที่ผนังห้องด้วยแถบไม้เป็นแผ่นๆ หรือ beadboard เพื่อเพิ่มชั้นให้กับพื้นผิว หรือจะใช้เทคนิคนี้กับเพดานหรือภายในตัวห้อง ซึ่งมันจะทำให้บ้านของคุณมีบรรยากาศคล้ายบ้านในยุค 50’s หรือ 60’s
5.เปลี่ยนบางชิ้น ลองเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นในห้องเช่นลิ้นชัก ประตู ให้เป็นสไตล์วินเทจ มันจะทำให้บ้านของคุณดูมีเสน่ห์และคงความคลาสสิกยิ่งขึ้น
6.พยายามดึงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม พยายามนำรูปแบบของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมทั้งประตูเก่า หน้าต่าง ไฟ อ่างล้างมือ เตาผิง เข้ามาช่วยทำให้บ้านมีเสน่ห์ดึงดูดมากยิ่งขึ้น
7.ลดการใช้ลูกบิดประตูเป็นพวกทองเหลือง แต่ให้ใช้ลูกบิดเป็นแก้ว หรือเซรามิกแทน
8.ใส่มงกุฎให้กับขอบผนัง การเพิ่มขอบมงกุฎให้กับผนังในส่วนชิดเพดานเพิ่มความรู้สึกเก่าให้กับบ้านมากกว่าการทิ้งขอบผนังด้านบนไว้แบบโล่งๆ
9.ก๊อกน้ำวินเทจ การติดตั้งก๊อกน้ำวินเทจ หรือการเพิ่มชั้นไม้เข้าไปในห้องน้ำ จะทำให้ห้องๆ นั้นดูเก่าลง
10.ใช้โคมไฟแบบโบราณ เปลี่ยนไฟหัวเตียงให้เป็นแบบโบราณ
ลองเลือกของเก่ามาตกแต่งบ้านดูนะคะ ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ช่วยทำให้บ้านดูอบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลนะคะ
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก http://www.apartmenttherapy.com
ขอบคุณภาพจาก http://www.apartmenttherapy.com