10 คำสอนรุ่นยาย บอกเอาไว้ ทำอย่างไรให้ “บ้าน” เป็นธรรมชาติ

10 คำสอนรุ่นยาย บอกเอาไว้ ทำอย่างไรให้ “บ้าน” เป็นธรรมชาติ

10 คำสอนรุ่นยาย บอกเอาไว้ ทำอย่างไรให้ “บ้าน” เป็นธรรมชาติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้านหนึ่งเทคโนโลยีทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีก็นำมาซึ่งปัญหาและผลกระทบด้านสภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะกิจกรรม ของอุปโภค บริโภคต่างๆ ที่เราใช้อยู่ทุกวันในบ้าน แล้วถ้าเราอยากให้บ้านของเราเป็นบ้านที่ผูกมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เราต้องทำอย่างไร Sanook! Home เลยไปค้นคัมภีร์รุ่นคุณยาย 10 ข้อที่อยากแนะนำให้คนรุ่นหลังหรือรุ่นเราลองปฏิบัติดู ที่สำคัญคือมันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่นอกจากจะช่วยให้บ้านเราไม่สิ้นเปลืองแล้ว บ้านของเรายังไม่สร้างภาระให้โลกด้วย

1.ทำให้ผ้าแห้งด้วยแสงแดด เมื่อเราซักผ้าแล้วบางบ้านนิยมใช้เครื่องอบผ้าเพราะต้องการให้ผ้าแห้งอย่างรวดเร็ว แต่คุณรู้หรือไม่การนำผ้าออกไปผึ่งแสงอาทิตย์ นอกจากจะไม่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและค่าใช้จ่ายแล้ว แสงแดดโดยเฉพาะแดดแรงๆ ในบ้านเรายังทำให้ผ้ามีกลิ่นหอมแบบธรรมชาติอีกด้วย

2.การถนอมอาหารไว้ทานนอกฤดูกาล ปัจจุบันเราแทบไม่พบการถนอมอาหารด้วยตัวเองกันสักเท่าไร เพราะปัจจุบันมีอาหารกระป๋องแบบสำเร็จรูปมากมาย แต่วิธีที่เราอยากแนะนำให้ทำกันคือการถนอมอาหารไว้ทานเอง โดยคุณจะมีอาหารนอกฤดูกาลไว้ทานเมื่อต้องการเสมอ สำหรับบ้านเราก็มีทั้งการหมักปลาร้า การดองหน่อไม้ ดองผักกาด หากเราทำเองจะช่วยประหยัดเงินและทำให้เราได้มีอาหารโปรดทานได้เสมอ

3.ใช้วัตถุดิบพื้นฐานเพื่อทำความสะอาด ถ้าเป็นบุคคลรุ่นคุณยายจะไม่แนะนำให้ใช้สารเคมี สเปรย์ทำความสะอาดบ้าน หรือคราบสกปรกเลย แต่จะแนะนำให้ใช้วัตถุดิบพื้นฐานที่เรามีใช้อยู่ในบ้านทดแทนเช่นน้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา เกลือ มะนาว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ช่วยเรื่องงานบ้านได้ดีนัก

4.เรียนรู้ที่จะเย็บผ้าเอง การเรียนรู้วิธีที่จะซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยตัวเองนั้นหายไปจนแทบไม่น่าเชื่อ ทุกวันนี้เรามักจ้างช่างให้ซ่อมแซมเสื้อผ้าแทนเสมอ แม้จะชำรุดหรือเสียหายเพียงเล็กน้อย ดังนั้นหากเป็นไปได้คุณลองไปเรียนเย็บผ้า หัดซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยตนเอง อย่างน้อยสอย ด้นเป็น เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้างช่างทุกครั้งไป

5.ลดของเสียจากอาหาร คุณแม่บ้านหลายคนเมื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมาเก็บไว้ อาจนึกไม่ถึงว่าวัตถุดิบแต่ละชิ้นจะสามารถนำมาใช้ได้ทุกส่วน ถ้าเป็นรุ่นคุณยายก็มักจะไม่ทำให้ส่วนต่างๆ ของอาหารนั้นสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เช่นซื้อหมูสามชั้นมาเพื่อเจียวเป็นน้ำมัน กระดูกหมูก็เอามาเคี่ยวเป็นน้ำซุปเป็นต้น ดังนั้นก่อนซื้อของควรวางแผนและใช้วัตถุดิบนั้นๆ อย่างรู้คุณค่ามากที่สุด

6.ปลูกอาหารทานเอง คุณไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากในการปลูกพืช ผัก ไว้ทานเอง ลองปลูกพืช ผักต่างๆ ใส่กระถางไว้ แค่นี้ก็เป็นการปลูกอาหารไว้ทานเองได้แล้ว การปลูกอาหารไว้ทานเองช่วยทั้งเรื่องความมั่นใจในความสะอาดของอาหารและช่วยประหยัดเงินค่าอาหารของครอบครัวอีกด้วย

7.เย็บผ้าห่มเอง อันนี้ดูจะเป็นงานฝีมือขึ้นมาสักเล็กน้อย แต่ก็มีคุณแม่บ้านบางท่านสามารถนำผ้าหรือเสื้อผ้าชิ้นเก่ามาดัดแปลงเป็นของใช้ชิ้นใหม่ได้ อย่างเช่นเราอาจนำเศษผ้าเก่ามาปะติดเย็บต่อกันจนกลายเป็นผ้าห่มผื่นใหม่น่าใช้ขึ้นก็ได้

8.ใช้ผ้าเช็ดจานแทนใช้กระดาษ การใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดจานนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีและไม่สิ้นเปลืองเท่ากับการใช้กระดาษทิชชู เพราะหากเราใช้กระดาษทิชชูเช็ดจาน เราต้องทิ้งเลยซึ่งกลายเป็นการสร้างขยะ แต่การใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดจานนั้น หลังใช้แล้วเราสามารถซักทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

9.เก็บน้ำฝนไว้ใช้ทำความสะอาดบ้าน ถ้าเป็นคนยุคก่อนน้ำฝนอาจจะสะอาดเพียงพอสำหรับการดื่มกินหรือประกอบอาหาร แต่ปัจจุบันน้ำฝนน่าจะไม่สะอาดพอสำหรับการดื่ม ดังนั้นคุณอาจรองน้ำไว้เพื่อทำความสะอาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ หรือใช้ในการบ้านอื่นๆ ก็ได้

10.ไม่ต้องอัพเดทตามเทรนด์เสมอไป ของใช้ในบ้านหลายๆ ชิ้นมีอายุการใช้งานนานหลายปี ดังนั้นการใช้ของใช้ชิ้นเดิมที่ยังคงใช้งานได้อยู่ ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่เสมอไปนั้น ช่วยประหยัดเงินเราได้เยอะเลยทีเดียว

คัมภีร์รุ่นคุณยายเพื่อรุ่นคุณหลาน น่าจะช่วยให้ “บ้าน” ของเรากลายเป็นบ้านรักษ์โลกได้ใช่ไหมคะ

เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก http://www.treehugger.com

ภาพจาก www.istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook