เปิด “เมืองชูชัยฯ” อาณาจักร 1000 ล้าน ของ “ชูชัย” เจ้าพ่อค้าเพชร

ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อนแล้วสำหรับจุดเริ่มต้นของ “เมืองชูชัยบุรีศรีอัมพวา” อภิมหาโปรเจคท์ของเจ้าพ่อค้าเพชร “ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ” ที่กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์เกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตั้งแต่การเริ่มต้นซื้อที่ดิน จนเศรษฐีค้าเพชรรวยระดับหลายพันล้านคนนี้เกือบถอดใจ แต่ในท้ายที่สุดเพราะต้องการสร้างตำนานให้ตัวเอง เมืองชูชัยบุรีศรีอัมพวา จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยเงินลงทุนไปแล้วกว่า 600 ล้านและยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะบานปลายไปจนถึงหลักพันล้าน

ด้วยความรู้สึกเหมือน “ตกหลุมรัก” อัมพวาตั้งแรกเห็น เพราะเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยวิถีชีวิตที่น่าประทับ วัดวาอาราม บ้านริมน้ำ ทั้งยังเป็นเมืองศิลปิน ครูเพลง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นความตั้งใจอันแรงกล้าของคุณชูชัยที่อยากจะมีบ้านอยู่ที่นี่ แต่นั่นกลับเป็นการเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

ในท้ายที่สุดด้วยเจตนารักษาความเป็นพื้นถิ่นเดิม ต่อยอดอาชีพให้ทุกคนในอัมพวาปากกินอิ่ม ท้องสบาย โดยอยากให้คนอัมพวาสามารถขายของได้ตลอดทั้ง 7 วัน ไม่ใช่ค้าขายกันได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ยังหวังให้เมืองชูชัยบุรีศรีอัมพวากลายเป็น New Destination แห่งใหม่ ที่เมื่อทุกคนเดินทางมาถึงอัมพวาแล้วจะต้องมาที่นี่

ความสวยงามอลังการของเมืองชูชัยบุรีฯแห่งนี้เกิดจากความต้องการให้อาคารและสิ่งปลูกสร้างหลักนั้นใกล้เคียงกับยุคบางปะอิน แต่เมื่อปลูกสร้างจริงแล้วกลับงดงามเทียบเคียงได้กับพระที่นั่งวิมานเมฆ

“ทุกคนบอกว่ามันสวยงาม อลังการ เลอเลิศมาก พี่สูญเงินไปเป็นร้อยล้าน เพราะต้องปรับแบบใหม่และ เสียเวลาไปอีก 8 เดือน”

7 สิ่งมหัศจรรย์ เวอร์วัง อลังแบบโลกแตกสไตล์ “ชูชัย”

1.อาคารชินบัญชร สถาปัตยกรรมอาคารแปดเหลี่ยมจำนวน 4 ชั้น แบบวิกตอเรีย ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมยุโรปผสมกับไทยประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ทั้งหมดทาด้วยสีครีมอ่อนหลังคาสีแดง และหลังคาเป็นทรงไทยประยุกต์ มีลวดลายตามหน้าต่างและช่องลมที่ฉลุเป็นลายงดงาม ภายในอาคารแบ่งเป็นห้องชุดต่างๆ ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบเป็นพิเศษตกแต่งด้วยสีฟ้า เขียว ชมพู งาช้างและสีลูกพีช (ชมพูอมส้ม) ยอดโดมของอาคารมี Sky Light Dome ช่องแสงธรรมชาติ สร้างให้บรรยากาศของอาคารนี้ดูโอ่อ่ามีเอกลักษณ์อย่างงดงามชั้น 1-2 โดดเด่นด้วยบันไดสลักเสลา ตกแต่งภายในสไตล์ East Meet West

2. Chuchai C-Bed Sky ว่ากันว่านี่แหละคือ “บ้าน” หลังที่สองของคุณชูชัย เพราะเป็นส่วนของอาคารชินบัญชรชั้นที่ 3-4 ที่ตรงกลางเจาะช่องให้สามารถมองลงมาเห็นด้านล่าง มีพูลส่วนตัวภายใน บริเวณเพดานตกแต่งด้วยแผนที่โลก สามารถมองเห็นท้องฟ้าเรียกได้ว่านิรมิตดุจดังวิมาน โดยจะเปิดให้ผู้สนใจสามารถจัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้ ซึ่งอาจมีราคาให้เช่าต่อคืนสูงถึง 6 หลัก

3.ห้อง ช.ชฎา ฮอลล์ ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ตกแต่งแล้วทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในปราสาทราชวังสไตล์ยุโรป โดยเฉพาะหากจัดงานแต่งงานด้วยแล้ว บ่าว-สาวจะสง่างามดุจเจ้าหญิงและเจ้าชายเลยทีเดียว

4.อาคารชัยนครา หอนาฬิการิมน้ำคลองอัมพวา บริเวณนี้ในทุกๆ 1 ชั่วโมงจะปรากฏอัตลักษณ์การแสดงที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านหุ่นจำลองจินตลีลา ประกอบคีตะดนตรี

5.องค์พระศิวลึงค์หยกทองคำประดับเพชร ประดิษฐานองค์ศิวลึงค์หยกโบราณสมบูรณ์ครบศาสตร์ตลอดทั้งแท่งองค์อย่างมหัศจรรย์ที่หายากยิ่ง ประดับเพชรแท้และอัญมณี แต่งเครื่องทรงชั้นสูงทองคำบริสุทธิ์ผ่านพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสวยงามและใหญ่ที่สุดในโลก

6.เรือนไทยอายุ 200 ปี หรือเรือนไทยไชยนาฏราช มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นบ้านทรงไทยยุครัตนโกสินทร์ที่สถาปนาขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2325 รับสืบทอดวัฒนธรรมการสร้างเรือนมาจากอาณาจักรศรีอยุธยา ลักษณะเป็นบ้านทรงไทยภาคกลางมีเรือน 3 ห้อง ยกใต้ถุนสูง มีบันไดทอดลงสู่ท่าน้ำ หลังจากยกเรือนไทยมาสร้างที่นี่ต้องมีการปรับปรุงอีกรอบด้วยความละเอียด โดยใช้ช่างทั้งสิ้นกว่า 50 คน และใช้เวลากว่า 3 ปีในการปรับปรุง

7.ลานศรัทธา มีตัวอาคารที่ด้านนอกประดับด้วยไม้เก่าซึ่งเป็นของสะสมล้ำค่าของคุณชูชัย ภายในเป็นที่ประดิษฐานองค์พระศิวลึงค์หยกทองคำประดับเพชร รอบๆ ห้องตกแต่งงานจิตรกรรมฝาผนังแบบเขียนมือ บนเพดานงดงามตระการตาด้วยภาพ 12 นักษัตรซึ่งออกแบบให้แสงจันทร์และพระอาทิตย์สามารถสาดส่องลงมาทาบทาองค์พระศิวลึงค์ได้อย่างเลอค่า

นอกจากนี้ยังมีส่วนโรงแรม 18 ห้องให้บริการพร้อมร้านอาหาร เบเกอรี่ ร้านขายของที่ระลึกจากคนในท้องถิ่น

“เปรียบแล้วเหมือนเอา Cristal Park มาตั้งแล้วเอาวัดแขกเข้าไปอยู่ในนั้น และพี่ตั้งชื่อที่นี่ว่า the legacy of siam”

นอกจากนี้เขายังหวังให้อัมพวากลายเป็น Canal Night Market ที่จะเปิดตลาดไปจนถึงเที่ยงคืน โดยเขายอมเปิดเมืองชัยบุรีฯ ทุกวัน เพราะหวังให้เกิดแรงกระตุ้นการท่องเที่ยวอัมพวาในทุกๆ วัน นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชมเมืองชูชัยบุรีฯ สำหรับชาวไทยเก็บค่าเข้าชมคนละ150 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท แต่ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2559 เปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าชมฟรี