ยกมดลูก แก้อาการปวดถ่วงท้องน้อย
คุณอาจจะเริ่มสงสัย แล้วใช่มั๊ยคะว่าการเคลื่อนตัวของมดลูก หรือมดลูกหย่อนเกิดจากอะไร ก่อนอื่นหมอจะอธิบายลักษณะทั่วไปของมดลูกก่อนนะคะ เพื่อคุณจะได้เข้าใจง่ายขึ้น
ปกติแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีมดลูกคว่ำไปทางด้านหน้า มดลูกจะอยู่ในลักษณะตามรูปโดยมีตัวพยุง คือ เอ็นกล้ามเนื้อช่องคลอด กระบังลมของช่องคลอด และแรงดันในช่องท้อง มดลูกที่คว่ำไปทางด้านหน้าจะทำมุมประมาณ 90 องศา กับช่องคลอด
โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงที่ผ่านการมีบุตรหรือแท้งบุตรมักมีการเปลี่ยนแปลงของสรีระในอุ้งเชิงกราน โดยเฉพาะในส่วนของมดลูก และปีกมดลูกค่ะ เนื่องจากเอ็นที่ทำหน้าที่พยุงมดลูก มักจะมีการยืดและหย่อนตัว
นอกจากนี้แล้วการที่อายุเพิ่มมากขึ้น น้ำหนักตัวที่มากขึ้นก็มีผลเพิ่มความดันในช่องท้อง ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการหย่อนของมดลูก และปากมดลูกต่ำลงได้เช่นกันค่ะ แต่ว่าจะมีอาการผิดปกติมากน้อยก็คงจะขึ้นกับระดับความรุนแรงของการหย่อนของมดลูกนะคะ
เมื่อมีการเคลื่อนตัวของมดลูกในบางคนก็อาจไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่ในบางคนจะแสดงอาการผิดปกติออกมา หรืออาจมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง เยื่อบุมดลูกงอกผิดที่เนื้องอกของรังไข่หรือกล้ามเนื้อมดลูก นอกจากนี้การที่มดลูกเคลื่อนตัวอาจทำให้มีบุตรยาก หรือแท้งบุตรได้ง่าย
คุณผู้หญิงลองสังเกตดูนะคะว่ามีอาการต่อไปนี้หรือเปล่า เพราะอาการเหล่านี้อาจเกิดจากการเคลื่อนตัวของมดลูกได้ค่ะ
1. มีอาการปวดถ่วงท้องน้อยและมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกที่ปากช่องคลอด
2. มีอาการปวดถ่วงท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์
3. มีอาการปวดถ่วงท้องน้อย ปวดหลัง และปวดขณะมีประจำเดือน เนื่องจากมีการหย่อนของมดลูกมาก ๆ จนมีผลต่อการระบายของรอบเดือน
อาการที่เกิดอาจมีผลต่อความสุขของชีวิตคู่ได้นะคะ ดังนั้น ถ้าคุณพบว่าอาการคล้าย ๆ กับที่หมออธิบายก็ควรไปพบกับสูติ-นรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ หากพบว่าเกิดจากการเคลื่อนตัวของมดลูกคงจะต้องทำการรักษา ซึ่งทำได้ด้วยการผ่าตัดโดยอาจผ่าตัดเอา มดลูกออก แต่วิธีที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่งก็ คือ การผ่าตัดยกมดลูกค่ะ
สำหรับคุณผู้หญิงที่ตกลงใจจะผ่าตัดยกมดลูก ก็ต้องคุยกับสูติแพทย์ก่อน เพื่อที่จะได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัดและวิธีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด นอกจากนี้ก็ควรจะต้องตรวจร่างกาย รวมถึงการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วย จากนั้นคุณหมอก็จะนัดวันผ่าตัด เมื่อถึงวันกำหนดนัดคุณจะต้องงดน้ำ และอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
ส่วนขั้นตอนในการผ่าตัดนั้น จะคล้าย ๆ กับการผ่าตัดทำหมันแบบหมันแห้ง ซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1. แพทย์จะพิจารณาวางยาสลบ เพื่อให้ไม่รู้สึกตัวและเจ็บระหว่างผ่าตัด
2. สูติ-นรีแพทย์จะทำการผ่าตัดที่บริเวณเหนือหัวเหน่าโดยกรีดเป็นแผลยาวประมาณ 4-5 ซม. แล้วทำการดึงเอ็นยึดมดลูก เพื่อให้มดลูกกลับคืนลักษณะปกติ และเย็บแผลด้วยไหมละลาย
3 ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
หลังการผ่าตัดแพทย์จะให้คุณนอนพักที่โรงพยาบาลประมาณ 1 คืน เพื่อตรวจดูอาการหลังผ่าตัด และแนะนำวิธีในการปฏิบัติหลังผ่าตัดซึ่งคุณควรปฏิบัติดังต่อไปนี้นะคะ
1. คุณควรมีเวลาพักรักษาตัวต่อที่บ้าน อีกสัก 2-3 วัน เพื่อให้แผลหายดีก่อน
2. สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ เพราะแพทย์จะปิดแผลผ่าตัดด้วยพลาสเตอร์ใสที่กันน้ำได้
3. ควรงดออกกำลังกาย และยกของหนักอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อแผลผ่าตัด
4. ควรงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 45 วัน
5. รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ และมาพบแพทย์ ตามนัด ซึ่งแพทย์จะนัดประมาณ 1 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด เพื่อตรวจดูแผลผ่าตัดและติดตามอาการทั่ว ๆ ไป
หลังการผ่าตัด ในช่วง 2-3 วันแรก คุณรู้สึกตึงที่บริเวณท้องน้อยบ้างค่ะ นอกจากนี้ก็จะเหมือนการผ่าตัดทั่ว ๆ ไป เช่น อาจมีเลือดออกมากผิดปกติ หรือมีแผลอักเสบติดเชื้อ ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน รวมถึงการผ่าตัดโดยเทคนิคปลอดเชื้อค่ะ
เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบากนะคะ คลอดลูกลำบากแล้วหลังคลอดยังมีปัญหาตามมาได้สารพัด รวมถึงปัญหาการเคลื่อนตัวของมดลูกด้วยค่ะ แต่ปัญหาต่าง ๆ แก้ไขได้นะคะเพียงแต่คุณไปพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษา ซึ่งการผ่าตัดยกมดลูกก็เป็นวิธีผ่าตัดรักษาที่ไม่ยุ่งยากและปลอดภัย รวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหา และเพิ่มความสุขของชีวิตคู่ได้ดั่งเดิม