แต่งคอนโดปล่อยเช่า ลงทุนตกแต่งเพิ่มแค่เล็กๆน้อยๆ แต่ปล่อยห้องได้ไวเว่อร์
เรื่องการตกแต่ง คอนโดมิเนียม แล้วปล่อยให้คนอื่นเช่าได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปนะคะ แต่สำหรับคุณ แจ๊สสีฟ้า จากเว็บไซต์พันทิป กลับมีเทคนิคและวิธีการออกแบบตกแต่งที่น่าสนใจ จนเขาสามารถปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมของตัวเองได้อย่างง่ายดาย
สวัสดีครับเพื่อนๆ เห็นช่วงนี้คนบ่นเรื่องห้อง หรือบ้านว่าง หาคนเช่ายาก
ผมเลยอยากจะมาแชร์ ไอเดีย ว่า จะทำอย่างไรให้คอนโดน่าอยู่ และมีคนเช่าไวๆ ในสภาวะคู่แข่งคอนโดให้เช่าล้นตลาดแบบนี้
ก่อนอื่นต้องขอเท้าความ ก่อนนะครับ คือผมเพิ่งเริ่มลงทุนซื้อคอนโด ปล่อยเช่าไว้ 2 ห้อง (จริงๆตั้งใจขายมากกว่า)
โดยที่ทั้ง 2 ห้องนั้น แต่งเสร็จ ลงโฆษณาในเว็บไม่นาน ก็มีคนโทรมานัดดู ประมาณ ห้องละไม่เกิน 3 ราย และตกลงเช่าเลย ครับ
โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดห้องบ่อยๆ และให้เช่าได้ในเรทที่สูงกว่าห้องขนาดเดียวกันในโครงการเดียวกัน โดยไม่ต้องเพิ่งนายหน้าครับ
วันนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์ไอเดียสำหรับคนที่ทำไงก็หาคนเช่าไม่ได้ แต่ว่าก็ไม่ยากลงทุนเยอะ
ห้องแรกครับ ตั้งงบไว้ 1 แสนบาท เพื่อให้เหมาะสมกับระดับราคาค่าเช่า นะครับ
เคยตั้งกระทู้ไว้แล้วตามนี้นะครับ http://pantip.com/topic/35315739
ส่วนห้องนี้ ผมจึงตั้งโจทย์ยากขึ้นไปอีก โดยตั้งงบประมาณไว้ 5 หมื่น รวมทุกสิ่งอย่าง ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่ง
โดยลดงบลงมาครึ่งนึง แต่ขนาดห้องพอๆ กัน เน้นทำเองทั้งหมด ไม่ต้องจ้างช่าง วัสดุต้องไม่แพง แต่ห้องต้องออกมาดูดีมีคลาส
จะเป็นอย่างไรต้องมาติดตามดูกันนะครับ
ขอนำเสนอภาพรวมของห้องหลังแต่งคร่าวๆ ให้ชมก่อนนะครับ เดี๋ยวจะทยอยๆ แจกแจงรายละเอียดการตกแต่งต่างๆ นะครับ ปล. พอดีใช้กล้องมือถือถ่าย และวันถ่ายแสงน้อยไปหน่อย เลยอาจจะไม่ค่อยชัดนะครับ ต้องขออภัยด้วย
ห้องที่ซื้อไว้เป็นห้องขนาด size เล็กสุดของโครงการคอนโดย่านชานเมืองกทม. ราคาต่ำล้าน
แต่ทำเลก็โอเคครับ ไปมาสะดวกทะลุถนนหลักได้หลายทาง ใกล้ทางด่วน และที่สำคัญไม่ไกลจาก ม. เอกชนมีชื่อแห่งนึงด้วยครับ
ขนาดห้อง 22 ตรม. แต่ห้องของผมมีแถมมาอีก .80 รวมเป็น 22.8 ครับ
ปล. ที่เลือก size นี้เพราะโครงการนี้ ได้ห้องแปลนแบบเดียวกันหมด ขนาดหน้ากว้างเท่ากัน ต่างกันแค่ความลึก
ส่วนตัวมองว่าพอแต่งไปแล้ว ก็ไม่อึดอัดเท่าไร แต่สามารถแข่งราคาค่าเช่ากับห้อง size ใหญ่ คือ 26 และ 28 ได้สบายๆ
เริ่มจากรับโอนคอนโด ลักษณะเป็นห้องเปล่า มีแถมมาแค่ แอร์ 1 ตัว และ ซิงค์ในครัวเท่านั้น นะครับ
เริ่มแรก ก็ต้องหาเฟอร์ก่อนนะครับ
โดยปกติ ตามคอนโดใหญ่ๆ มักจะมีร้านจัด set มาให้ในราคาพิเศษ และมักจะมีการวัดขนาดห้องไปแล้ว เลยทำให้พอดีกับห้องของโครงการนะครับ
ส่วนตัว ดูวัสดุจากที่มาออกบูทแล้วก็โอเค พอใช้ได้เลยสั่งไปนะครับ
แต่ห้องผม ขนาด 22 เลยขอไม่เอาตู้วางทีวี แต่ว่า ขอเปลี่ยนเป็นไม้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดสำหรับทำโต๊ะทานข้าว และ ชั้นวางของแทนครับ
ส่วนตัวคิดว่าคุ้มกว่าชั้นวางทีวีนะครับ เพราะถ้าไปซื้อทั้งหมดก็หลายพันอยู่ ก็ win win ทั้งคู่ โรงงานเองก็ save ค่าใช้จ่าย
ส่วน โซฟา กับ โต๊ะกลางนี่มี something wrong กับเจ๊แกนิดหน่อย ส่งของช้า มาไม่พร้อมกัน แล้วผิด 2 ครั้งซ้อน ผมเลยยกเลิกสองรายการนั้นไป
แต่เจ๊เจ้าของร้านแกก็ดีนะ ยอมรับผิดชอบ ไม่เก็บเงินในส่วน 2 ชิ้นนี้ ลดไปพอสมควรเลยครับ
โดยรวมแล้วถ้าว่าพอใจในงาน และความรับผิดชอบระดับนึงเลยครับ
แต่ยังต้องปรับปรุงเรื่องระบบงานจัดส่งให้ตรงเวลา และถูกต้องกว่านี้นะครับ
ที่สำคัญสั่งแล้วช้ามากกว่าจะได้ของ ตอนแรกก็กะว่า ทำเรื่องโอน และรอแต่งห้องเสร็จน่าจะพอดีกันประมาณ 45 วัน
ที่ไหนได้แต่งห้องเสร็จก่อน นานแล้วเฟอร์ไม่มาสักที ตรงนี้ก็เป็นจุดนึงนะครับ ที่ต้องดูดีๆไม่งั้นเสียโอกาสทำรายได้ไปฟรีๆเลยนะครับ
พอดีผมไปซื้อโซฟา กับโต๊ะกลางจากเพื่อนที่เป็นลูกบ้าน ที่คอนโดแรก ที่เค้าได้แถมมา แต่ไม่ชอบ เลยขาย ค่อนข้างถูก
แล้วไปซื้อ โต๊ะวางทีวีจาก อิเกียเอา ราคา 499
เลยรวมๆแล้ว งบประมาณ เฉพาะ เฟอร์นิเจอร์ห้องนอน และ ห้องนั่งเล่น ทานข้าว ก็อยู่ประมาณ 16,000 นะครับ
ที่นี้เราก็มี เตียง + ฟูก , ตู้เสื้อผ้า , โซฟา + โต๊ะกลาง, ชั้นวางทีวี , ชั้นวางของโชว์ , โต๊ะทานข้าวแล้วนะครับ,
ช่วงที่รอเฟอร์ set ใหญ่ เราก็มาแต่งห้องรอไปก่อนนะครับ
สิ่งแรกก็ที่ตกแต่งก็คือผนัง เพราะสวนตัวถือว่าผนังเป็น พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของห้อง และเป็นจุดดึงดูดสายตาที่สำคัญ
ฉนั้น การตกแต่งผนัง จึงถือว่า การลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเสียเงินแค่หลักพัน(ทำเอง) แต่ทำให้ห้องสีขาวๆ หน้าอยู่ขึ้นเยอะมากเลยครับ
เพราะเคยไปดูบางห้องที่แต่งเฟอร์แพงๆสวยๆ แต่เลือกเฟอร์ สีอ่อน แล้วผนังสีขาว มันดูห้องธรรมดาๆไปเลยครับไม่โดดเด่น ทั้งๆที่เลือกเฟอร์ได้สวยงามแล้วก็ตาม
สำหรับห้องนี้ผมก็ถ้าสีห้องกันเอง แต่ห้องนี้ได้เพื่อนผม ที่เคยไปทาสีวัดไทย ที่ LA สมัยไปเป็นครูอาสาอยู่ที่นู้น ก็ถือว่ามีประสบการณ์อยู่บ้าง 555
สำหรับสี ผมแนะนำให้ลงทุนสีดีๆหน่อยนะครับ สีทาภายใน ที่กลิ่นไม่ฉุด แล้วก็ถ้าแบบ เช็ดล้างได้ยิ่งดีเลยครับ
เพราะว่า คนเช่า เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะทำห้องเราเละขนาดไหน
อ๋อ ผมมีทริปในการเลือกซื้อสีแบบประหยัดๆ มาฝากด้วยนะครับ สำหรับ ห้างใหญ่ๆ ที่มีเครื่องผสมสี มักจะมีสีที่คนผสมแล้ว ไม่เอา เพราะไม่ถูกใจ (หรือทิ้งไว้เพราะแพงไปหรืออะไรก็แล้วแต่) ตรงนี้เข้าจะนำมาลดราคาอยู่เยอะ พอสมควรเลยครับ
แต่ว่าใครจะซื้อต้องดูวันที่ผสมดีๆนะครับ อย่านานจนค้างปี และที่สำคัญที่สุด ต้องคำนวณพื้นที่ที่จะทาให้ดีนะครับ ว่าซื้อไปแล้วใช้พอไหม
และ อย่าลืมถามคนขายด้วย ว่า ต่อลายได้ไหม (คือถ้าสีหมด สามารถผสมใหม่ได้เหมือนเดิมเลยนะ)
สำหรับผมเอง ก็ไปเดินๆ เลือกๆสีแบบนี้มาเหมือนกันครับ พอดีมีสีเทาใกล้เคียงกับที่อยากได้อยู่ แกลลอนหนึ่งพอดี โชคดีมากๆ
จริงๆถ้าสีเองก็ไม่ได้ยากเท่าไรนะครับ อยากให้ลองทากันเองดูนะครับ
จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ตามนี้เลยครับ
เริ่มแรกก็เตรียมปูผ้าใบกันเปื้อน ติดกระดาษกาวตามขอบบัว ขอบเพดานต่างๆให้ดี รวมทั้งขอบประตู หน้าต่าง ปลั๊กไฟ (ตรงนี้แหละ ผมว่า นานสุด)
หลังจากนั้น เพื่อนผมก็เริ่มทาเลยครับ ทาๆไป ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จแล้วครับ
ตามสเตปต่อมา ต้องมีผนังด้านนึงที่ดูเด่น ลอยเด้งมาแต่ไกล ส่วนตัวเลือกเป็นผนังด้านที่วางทีวี เพราะด้านนี้แต่งแล้วจะดูเด่นสุด (และใช้งบน้อยสุดด้วย แหะๆ)
ก็เลยไปจัด Wallpaper มานะครับเป็นลายอิฐ ให้ดูห้องอบอุ่นขึ้น (หรือเปล่า) เพื่อเบรคสีเทาให้ห้องดูสว่าง
สำหรับการติด วอลเปเปอร์ ก็ไม่ยากนะครับ ใช้กาวลาเท็กซ์ธรรมดาๆ ที่คุ้นเคย ตั้งแต่เด็กนี่ละครับ
ผสมน้ำ 1:1 แล้วใช้ลูกเกลี้ยง ทาที่ผนัง และ หลัง วอลเปเปอร์
จากนั้นก็เริ่มติด ที่จะยาก ก็ตอนรีดฟองอากาศนี่ละครับ ที่จะทำให้งานสวยไม่สวย และก็การเก็บขอบต่างๆ
แล้วก็ สำหรับใครที่จะเลือกลาย อิฐ หรือลายแบบที่มีการต่อลาย ต้องคำนวณ ซื้อเผื่อการต่อลายด้วยนะครับ ใน แคตตาล็อก จะมีบอกระยะต่อลายไว้ เวลาจะตัดแผ่นที่ 2 3 4 ต่อๆไป ต้องกะลายบริเวณขอบบนที่จะติดให้ดีๆ นะครับ
ตอนติด เพราะจะต้องดูให้ตรงกัน ถ้าลายเลื่อมกันมากไป จะไม่สวยนะครับ
เมื่อติดเสร็จแล้ว ตัวผนังสีเทา พอตัดกับสีขาวของบานประตู และผนังสีอิฐ ก็ทำให้มุมนี้ ดูเด่นขึ้นเป็นกองเลยครับ
รวมๆแล้วงบ สองพันนิดๆ แต่เหมือนได้ห้องใหม่เลยครับ
ออฟฟิตปิดแล้ว เด๋วขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วจะพยายามลืมกลับมาต่อกระทู้นะครับ (ถ้าไม่หลับไปก่อน)
ถัดมาก็ต้องมาติดผ้าม่านให้ห้องกันสักหน่อยนะครับ
สำหรับผ้าม่าน เป็นอะไรที่ค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ถ้าเราไปจ้างทำนะครับ
ส่วนตัวมองว่า ห้องให้เช่า เลือกซื้อผ้าม่าน สำเร็จรูป แบบดีๆหน่อยมาติดเองก็น่าจะโอเคระดับนึงแล้วนะครับ
ผมเลือก pasaya เพราะว่าชอบเนื้อผ้าที่ดูดี ทนทานนะครับ และมีลดราคาตามห้าง และร้านขายเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ บ่อยๆครับ
เนื่องจากหน้าต่างค่อนใหญ่เลยซื้อแบบผ้าม่านติดประตูมาติดแทนนะครับ ราคาลดแล้วก็ไม่แพงนะครับ คู่ละพัน
แต่เวลาเลือก ให้อ่านให้ดีๆนะครับ ว่าเป็นแบบทึบแสง หรือแบบไม่ทึบแสงนะครับ แบบที่ติดที่ห้องนี่ไม่ทึบแสงนะครับ
ถ้าคนที่นอนตื่นสาย อ่านจะไม่ชอบนะครับ รูปที่ถ่ายนี้ ถ่ายตอนบ่ายแก่ๆแล้วนะครับ ทิศใต้ เลยอาจจะดูสว่างไปหน่อย
วิธีติดตั้ง ก็ง่ายๆครับ ซื้อรางผ้าม่าน ที่ index homepro มีให้เลือกหลากหลายแบบ หลายสีครับ ราคาก็ตั้งแต่ 200-1000กว่าๆ ตามวัสดุที่ใช้ครับ
การติดตั้ง ก็เจาะผนังแล้วก็ยึดขาไว้กับผนัง
แล้วนำผ้าม่านสอดเข้าไปใน ราว ผ้าม่าน แล้วนำราวไปวางที่ขายึดราวผ้าม่าน เป็นอันเสร็จแล้วนะครับ
พอดีว่าห้องนี้มีติดแอร์ตรงหน้าต่าง ทำให้ผ้าม่านยาวเกินไปครับ
แต่เราสามารถไปให้รับ เย็บชายผ้าม่านได้นะครับ เสร็จแล้วก็จะประมาณนี้ครับ
ส่วนประตูบานเลื่อน สำหรับออกไปตากผ้า อยู่ในห้องครัว
ผมเลือกเป็นมูลี่แทน เนื่องจากว่า พื้นที่แคบ การใช้งานมูลี่จะสะดวกกว่าผ้าม่านนะครับ
การติดตั้งก็คล้ายๆกันครับ คือ เจาะผนังเพื่อติดขายึด
แต่มูลี่จะไม่มีรางแบบผ้าม่านนะครับ และอุปกรณ์ก็จะมีมาให้ครบเลยครับไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ติดตั้งเสร็จแล้วก็ประมาณนี้ครับ
งบประมาณครับ
ถัดมา ช่วงรอเฟอร์ นะครับ ก็มาแต่งห้องครัวกันต่อ
หลักๆ ก็คือ ติดแผ่นกันคราบก่อนนะครับ จริงๆมีหลายสีนะครับ ที่เลือกสีแดงเพื่อเติมสีสรรให้ห้องนะครับ
ผมมี รีวิววิธีการติดตั้งไว้ ในกระทู้นี้นะครับ http://pantip.com/topic/35195818
จากนั้นเอาที่ราวแขวน และที่คว่ำจาน ใส่ช้อน ของ อิเกีย มาติดเพิ่มครับ
อันนี้ก็มีหลากหลายราคา ตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพันนะครับ
จากนั้นก็หาตู้แขวนมาใส่เก็บของสักหน่อยนะครับ เพราะว่าโครงการไม่ได้แถมมาให้
สำหรับห้องครัวนะครับ ส่วนใหญ่ ตัวเคาน์เตอร์ซิงค์ มันจะมีขนาดมาตราฐานอยู่แล้วนะครับ
เราสามารถซื้อตู้แขวนมาใส่ด้านบนได้เลยนะครับ ขนาดเค้าก็ออกแบบขนาดมา พอดีอยู่แล้วนะครับ ไม่ต้องเสียเงิน built-in นะครับ
ผมเลือกของ index เพราะมีแบบให้เลือกหลากหลายดีครับ ราคาไม่แพงด้วยครับ พันกว่าบาทเอง
เสร็จแล้วก็ประมาณนี้ครับ
ถัดมาก็ซื้อเก้าอี้บาร์ ของอิเกียมานะครับ ช่วงรอโต๊ะ เพื่อที่จะวัดขนาดความสูงที่จะติดตั้งตัวโต๊ะบาร์ ทานข้าว
อันนี้รูปตอนที่นำแผ่นไม้มาติดเป็นโต๊ะแล้วนะครับ
เนื่องจากมันดูโล่งๆไปหน่อย ผมจึงเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งเพิ่มเติม พร้อมกับติดชั้นวางของด้านบน เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นนะครับ
ค่าใช้จ่ายครับ
ต่อไปเป็นห้องน้ำครับ ก็ไม่มีอะไรมาก
เริ่มแรกก็ซื้อรางและผ้าม่านกั้นส่วนอาบน้ำ มาใส่ หาซื้อง่ายครับ ตามห้างต่างๆก็จะมีขาย
ราคาก็มีตั้งแต่ร้อยต้นๆ ยันหลักพันครับ
จากนั้นก็ใส่ชั้นวางของต่างๆเพิ่มเติมนะครับ เนื่องจากห้องน้ำโครงการค่อนข้างเล็กมาก และไม่มีที่วางของเลยครับ
เดี๋ยวนี้มีชั้นวางแบบ ปรับความสูงได้ สะดวกสบายครับ ไม่ต้องเจาะผนังกระเบื้องด้วยครับ
หลังจากประกอบเสร็จแล้วก็ประมาณนะครับ
ค่าใช้จ่ายครับ
ตอนนี้ก็รอจนเฟอร์มาส่งแล้วนะครับ ก็ครบหมดแล้วครับ
มีเพิ่มเติมก็แค่ติดชั้นวางของเพิ่มเติมนะครับ
เริ่มจากต้องหาฉากรับก่อน ผมเลือกแบบไม้ ซื้อจากอิเกียครับ จริงมีหลายแบบนะครับ
ลองไปเดินดูที่อิเกีย หรือ home pro ดูนะครับ เลือกเอาแบบที่ชอบเลยครับ
จากนั้นก็มีซื้อโคมไฟตั้งพื้น ติดกรอบรูนิดหน่อย ก็เรียบร้อยแล้วครับ
ภาพหลังจากที่ทำเสร็จหมดแล้วนะครับ
ค่าใช้จ่าย พวกตกแต่เล็กๆน้อยๆนะครับ แต่จริงๆแล้วแอบเยอะอยู่เหมือนกันนะครับ พวกของแต่เนี้ย เราซื้อแยกๆ พอมานับอีกทีก็หลายพันเลยทีเดียวครับ
ปิดท้ายด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ รวมๆแล้วก็ขาดไม่เท่าไรก็ 5หมื่นตามงบพอดีเลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ หวังมาจะเป็นไอเดียในการแต่งห้อง ให้คนเช่าได้ ในราคาไม่แพงนะครับ
ขอบคุณครับ
อัลบั้มภาพ 44 ภาพ