การเสริมคาง
เมื่อไม่นานมานี้คุณคงเคยได้รับทราบข่าวนักร้องลูกทุ่งคนหนึ่งออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องการเสริมคางด้วยการฉีดสารซิลิโคนเหลวแล้วเกิดผลข้างเคียง คือคางย้อยหอย จึงไปทำการผ่าตัดเอาสารดังกล่าวออก ผลที่ตามมาตอนนี้คือ คางเริ่มมีการเสียรูป และโชคร้ายกว่าคือ มีการสูญเสียกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่เลี้ยงมุมปาก ทำให้เกิดอาการปากเอียงด้วย นับว่าเป็นตัวอย่างอันดีที่ช่วยให้ความรู้แก่คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรได้เข้าใจถึงภัยที่เกิดขึ้นจากการฉีดเสริมคางด้วยสารต้องห้าม
แล้ว คาง มีส่วนสำคัญอะไรบนใบหน้า และ การเสริมคาง มีประโยชน์อะไร ทำไมสาวๆ ถึงนิยมเสริมคางกันนัก และวิธีการทำที่ถูกต้องนั้นเขาทำกันอย่างไรจึงไม่มีผลเสีย ลองอ่านเรื่องนี้ต่อไปสิครับ
ใบหน้าของคนเราหากจะแบ่งสัดส่วนจากบนลงล่าง เราจะแบ่งได้ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
หน้าผาก (หรือเหนือเบ้าตา)
ส่วนกลางใบหน้า (ซึ่งประกอบด้วย จมูก กระบอกตา กรามบน)
และส่วนล่าง (อันประกอบด้วย ริมฝีปาก กราม คาง)
โดยสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปจึงจะรวมกันเป็นรูปร่างของใบหน้าที่ดูสวยงามได้ หากเรามองด้านข้างของใบหน้า เราจะเห็นเส้นโค้งเส้นเว้าไล่จากหน้าผากลงมาตามแนวสันจมูก ริมฝีปาก และลงมาที่คาง หากมีแนวที่เหมาะสมคือ คางและระดับปีกจมูกตรงกันก็จะได้เส้นโค้งที่ดูสวยงาม
คุณจะเห็นได้ว่าคางก็เป็นจุดหนึ่งที่สำคัญของความงามบนใบหน้า คางที่ดูเล็ก คางที่ใหญ่ คางที่ยื่น ล้วนทำให้เส้นโค้งไม่ได้รูปที่เหมาะ ทำให้ใบหน้าไม่สวยงาม ดังนั้นการเสริมคางจึงเป็นการปรับเส้นโค้งให้เหมาะสมลงตัว เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้า
คุณคงอยากรู้แล้วใช่มั้ยว่า เค้าเสริมคางกันอย่างไรบ้าง งั้นเราไปดูกัน
การเสริมคาง มีจุดม่งหมายเพื่อทำให้คางที่เล็ก หรือคางที่ถดถอยไปด้านหลังมากเกินไป ให้มีส่วนยื่นออกมาด้านหน้ามากขึ้น
แต่ทั้งนี้เมื่อคุณคิดจะเสริมคางคุณต้องได้รับการตรวจดูสภาพของกรามทั้งหมดโดยศัลยแพทย์เสียก่อนว่า คุณมีความผิดปกติที่ส่วนไหนร่วมด้วยหรือไม่ จะได้แก้ไขให้ถูกจุดหรือรักษาร่วมกันไปได้ ความผิดปกติที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แก่
1. การสบฟัน มีความสำคัญมาก เพราะคางที่เล็กนั้นบางครั้งมีสาเหตุมาจากกระดูกกรามที่เล็กและถอยร่นไปด้านหลังมากผิดปกติ การขบเคี้ยวจึงมักจะมีปัญหาด้วย ดังนั้นการรักษาโดยการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดเลื่อนกรามจึงอาจจะเป็นการรักษาที่ถูกต้องมากกว่าการเสริมคางแต่อย่างเดียว เพราะอาจจะยิ่งทำให้เพิ่มความผิดปกติยิ่งดูไม่สวยมากยิ่งขึ้นได้
2. กระดูกกรามและส่วนอื่นมีความผิดปกติด้วยหรือไม่ เช่น ขนาดของกระดูกกรามด้านหลังมีการยื่นหรือยาวผิดปกติหรือไม่บางครั้งมีปัญหาเรื่องกรามเอียงเกิดขึ้น ก็ควรทำการรักษาก่อนการเสริมคาง มิฉะนั้นอาจจะทำให้อาการกรามเอียงเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นได้
3. ความเล็ก-ใหญ่ของคาง ข้อจำกัดของการเสริมคางนั้นมีเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเสริมคางขนาดเท่าใดก็ได้ ทั้งนี้เนื่องจากการเสริมคางขนาดใหญ่เกินไปอาจจะมีปัญหาต่อผิวหนังและกระดูกคางได้ในระยะยาว อีกทั้งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอาจจะมากขึ้นได้ ดังนั้นหากคางเดิมเล็กมาก บางครั้งการผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างของกระดูกคางอาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องกว่าการเสริมคาง ซึ่งทั้งนี้แพทย์ที่ตรวจก็จะเป็นผู้พิจารณาว่าการเสริมคาง หรือตัดเลื่อนกระดูกคางจะเป็นวิธีการผ่าตัดที่ถูกต้องมากกว่า
แล้วแพทย์เอาอะไรมาเสริมคาง เพื่อให้ง่ายแก่การพิจารณาวัสดุที่ใช้ไนการเสริมคางหมอจะแยกออกเป็นการฉีดสารเสริมคาง และการเสริมคางด้วยแท่งซิลิโคน
การฉีดคาง
มีคนมาถามหมอเหมือนกันว่า จะฉีดคางดีไหมและได้ผลดีเพียงใด รวมทั้งตอนนี้ก็มีคนนำสารฉีดเสริมตัวใหม่ ๆ มาเผยแพร่ในท้องตลาดเยอะแยะหลายตัว แต่ความจริงแล้วเรื่องการฉีดด้วยสารต่างๆ นั้นมีมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ที่ยังฮิตไม่เลิก และไม่ยอมสูญพันธุ์ไปจากวงการเสียทีคือ การฉีดซิลิโคนเหลวโดยผู้ที่ไม่ใช่หมอ ซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไป รวมทั้งฉีดแล้วก็ทำความเสียหายกับคนที่ถูกฉีด ก็ยังมีคนหลงเชื่อฉีดได้ฉีดดีกันอยู่ทุกวันนี้
อย่างนักร้องลูกทุ่งที่เกริ่นไว้ตอนต้นก็เช่นเดียวกัน สารชนิดนี้ก็ขอบอกขอเตือนไว้ที่นี้อีกทีเลยนะครับว่า อย่าเข้าใกล้และทดลองเป็นอันขาด เพราะมีผู้เสียหายมามากแล้ว เพราะสารซิลิโคนเหลวนั้นเมื่อฉีดเขาไปแล้วมันมีโอกาสย้อยและไหลไปในส่วนต่าง ๆ ภายใต้ผิวหนังได้ โดยไม่ถูกย่อยสลาย และในระยะยาว ๆ ก็จะเกิดการอักเสบได้ ซึ่งในบางคนอาจเกิดผิวแดง ผิวแข็งๆ หรือบางครั้งก็แตกทะลักออกนอกผิวหนังได้เหมือนกัน ทั้งเจ็บ ทั้งปวด ทรมานสุด ๆ การแก้ไขก็อย่างที่เห็นแหละครับ ต้องตัดเอาเนื้อ กล้ามเนื้อและเอาสารซิลิโคนเหลวออก เรียกว่าขูดกันให้ราบเรียบเลยผลที่ตามมาคือ คางเหี่ยว ปากเบี้ยว ปากเอียง ตามมา หมดสวยไปตลอดชีวิตเลย
นอกจากนี้สารชนิดอื่น ๆ ที่มีคนเอามาฉีดเสริมคางนั้น ตอนนี้ก็มีพวกสารสังเคราะห์ต่าง ๆ เช่น สารคอลลาเจน เน้นว่าต้องเป็นคอลลาเจน หรือสารที่หมอจริงๆ เป็นคนฉีดนะครับ สารพวกนี้ทางการแพทย์ยอมรับให้ใช้ได้ แต่ต้องภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
และยังมีสารที่ค้นพบใหม่ พวกที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิกแอซิต ไบโอพลาสติก ฯลฯ แต่ทางการแพทย์เองก็ยังโต้เถียงกันอยู่ว่าสารเหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือไม่ ที่สำคัญคือเมื่อฉีดเข้าไปแล้วหากไม่ต้องการแล้วจะเอาสารออกได้อย่างไร ในกรณีที่มันสามารถย่อยสลายไปได้เองก็ไม่เป็นไร รออีกหน่อยร่างกายก็ย่อยสลายมันเองได้ เช่น 2-3 ปี ก็หายไปได้ คางเก่ากลับคืนมาเหมือนเดิม ก็ต้องใจเย็นหน่อยเพราะไม่เสียหายอะไรมาก แต่ถ้าเป็นสารที่คงอยู่ตลอดชีวิตนั้น ใครจะใช้ก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีหน่อยนะครับว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ลำบาก โดยเฉพาะพวกสารไบโอพลาสติก เป็นต้น
การเสริมคางด้วยแท่งซิลิโคน
เป็นวิธีที่จัดได้ว่าเป็นวิธีมาตรฐานอย่างหนึ่งของวงการเสริมความงามครับ หลักการก็ไม่มีอะไรซับซ้อน นอกจากการเอาแท่งซิลิโคนที่มีขนาดที่เหมาะสมเข้าไปวางในตำแหน่งที่เป็นคาง ซึ่งก็คือขอบล่างของกระดูกกรามด้านหน้านั่นเองไม่ใช่ใต้กระดูกคางนะครับ
มีบางคนเข้าใจผิดว่าทำการเสริมคางแล้วทำไมคางไม่ยาวลง แต่งอนมาด้านหน้า ต้องมานั่งทะเลาะกับหมอทีหลังเพราะคิดกันคนละจุด เจ้าแท่งซิลิโคนที่จะใช้เสริมนั้นก็เป็นชนิดเดียวกับที่เขาใช้ในการเสริมจมูก มีทั้งที่ขึ้นรูปมาเรียบร้อยแล้วจากโรงงาน และนำมาแต่งนิดหน่อยก่อนเสริมเข้าไป และชนิดที่แพทย์ต้องเหลารูปขึ้นมาเองให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน แล้วแต่ความถนัดของแพทย์แต่ละคนว่าจะใช้ชนิดไหนครับ
]มาถึงขั้นตอนวิธีการผ่าตัดเสริมคางด้วยแท่งซิลิโคน
หลังจากที่แพทย์ได้ตรวจและอธิบายรายละเอียดรวมถึงสอบถามความต้องการและตกลงกับคุณเป็นที่เรียบร้อย
จากนั้นก็ทำให้คุณหลับด้วยยานอนหลับคุณจะได้ไม่ต้องกังวล แล้วฉีดยาชา เวลาผ่าตัดคุณจะไม่รู้สึกเจ็บ
จากนั้นแพทย์จะเปิดแผล ซึ่งทำได้ 2 ทาง ทางแรกคือ
จากภายนอกปาก ซึ่งก็มักจะเป็นบริเวณใต้คาง แต่ความนิยมจะน้อยกว่าเพราะบางคนจะสังเกตเห็นแผลเป็นที่ใต้คางได้
อีกทางคือภายในปาก โดยเปิดแผลที่ด้านในของปาก ตรงซอกเหงือกกับริมฝีปากล่าง ความยาวของแผลก็จะประมาณ 2 ซม. หลังจากนั้นก็แยกเยื่อหุ้มกระดูกคางตรงขอบล่างขึ้นมา แล้วจึงวางแท่งซิลิโคนเขาไปให้พอดีกับตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นจึงเย็บแผลปิดด้วยไหมละลาย ใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 1 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จพิธี และกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องนอนค้างในโรงพยาบาล
เมื่อผ่าตัดแล้วเสร็จ ก็เป็นขั้นตอนของการดูแลหลังการผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดเสริมคางแล้วย่อมมีอาการบวมได้บ้าง หากต้องการให้อาการบวมลดลงก็คงต้องช่วยเหลือโดยการประคบเย็น หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณคางโดยเฉพาะในช่วงเวลา 3-4 สัปดาห์แรก
การดูแลแผลผ่าตัดในปากก็เป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ เพราะในปากจะมีน้ำลาย รวมทั้งอาหารมาปนเปื้อนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากดูแลบ้วนปากและระมัดระวังทานอาหารอย่าให้แข็งมากก็จะทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น และไม่เกิดการอักเสบ
หลังจากนั้น เวลาผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน อาการบวมมักจะยุบลงและได้รูปร่างของคางใหม่ โดยแท่งซิลิโคนจะเกาะติดแน่นกับขอบกระดูกและขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่อไป นอกจากจะโดนกระแทกอย่างแรง เช่น เอาคางจิ้มพื้น หรือโดนกำปั้นของไมค์ ไทสัน อันนี้หมอไม่รับรองด้วยนะครับ
ก่อนจะจบเรื่องเสริมคางก็ขอแถมด้วยผลข้างเคียงในการผ่าตัดเสริมคางอีกเล็กน้อย เพื่อจะได้ทราบไว้เป็นเบื้องต้น แต่ตามปกติแพทย์เองก็พยายามจะลดและป้องกันให้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้
1. การอักเสบติดเชื้อ
อย่างที่บอกว่าแผลผ่าตัดในปากมีโอกาสสัมผัสกับอาหาร น้ำ และน้ำลายอยู่บ่อย ในระยะแรกที่แผลยังใหม่อยู่อาจจะมีการติดเชื้ออักเสบได้ ถึงแม้จะไม่มากนัก เพราะแพทย์จะให้ยาแก้อักเสบ รวมทั้งกำชับเรื่องการดูแลแผลเป็นอย่างดีแล้ว แต่หากเกิดขึ้นในระยะแรก ๆ ที่ยังอักเสบไม่รุนแรง แพทย์อาจจะใช้ยาที่แรงขึ้นช่วยจัดการปัญหานี้ได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ แล้ว การแก้ไขก็มัก จะลงเอยด้วยการเปิดแผล แล้ว เอา แท่งคางที่เสริมไว้ออกเสียก่อนแล้วค่อยมาตั้งต้นกันใหม่ในภายหลัง
2. การเอียงบิดของแท่งคาง
ก็เหมือนกับการเสริมจมูกนั่นแหลจมูกเอียงได้ คางก็เอียงได้เหมือนกันครับ เพราะตอนแรกคางจะวางตัวอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีตัวอะไรไปยึดมันให้ติดกระดูกอย่างแน่นหนา ร่างกายจะยึดแท่งคางนี้ด้วยตัวมันเอง ในเวลาประมาณ 1 เดือนขึ้นไป ดังนั้นก่อนหน้าที่จะติดแน่น หากมีอะไรไปกระทบกระเทือนมันก็อาจส่งผลให้มีคางเอียงได้เหมือนกัน หากเอียงไม่มากแพทย์ก็ยังสามารถใช้มือดัดให้เข้าที่ได้ แต่ถ้าเอียงมากก็คงต้องผ่าเข้าไปจัดให้ใหม่เหมือนกัน มีคนไข้หมอบางคนหลังจากเสริมคางไปแล้ววันทั้งวันก็เอาแต่ลูบคางด้วยความดีใจ สุดท้ายก็เกิดคางเอียงตามมา ต้องมาดัดมาผ่าแก้กันใหม่หลายรายแล้วครับ
3. ปากชา
ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณคางด้านข้างซ้ายและขวา จะมีเส้นประสาทที่มาเลี้ยงริมฝีปากล่างอยู่ด้วย ทำให้เรามีความรู้สึกได้แต่หากใช้แท่งซิลิโคนที่กว้างมากเกินไป จนต้องเลาะเข้าไปใกล้เส้นประสาททั้งสองข้างที่อยู่ชิดกระดูกกราม ก็อาจจะทำให้เกิดอาการชาที่ปากตามมาได้ แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเกิดเพียงชั่วคราว ซึ่งมักจะฟื้นได้ในเวลาอันสั้น
นั่นเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้ แต่ ไม่ต้องกลัวไปนะครับ เพราะหากเกิดจริงก็สามารถแก้ไขได้ด้วยดี
การจะมีใบหน้าที่สวยงามนั้นนอกจากแต่ละส่วนจะต้องได้รูปร่างที่ดีแล้ว สัดส่วนนั้น ๆ ก็ต้องกลมกลืนกับส่วนอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงด้วย เช่น จมูก และคาง ที่มักจะไปด้วยกันจึงจะได้เส้นสายของใบหน้าที่สอดคล้องกัน การผ่าตัดเสริมคางและการเสริมจมูกก็เป็นการผ่าตัดที่นิยมทำกันมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน และยังเป็นการรักษาที่ยังถือว่าเป็นมาตรฐานอยู่ อีกทั้งการดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยากมากด้วยนะครับ