อย่าเพิ่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าถ้ายังไม่รู้ 4 ข้อนี้

อย่าเพิ่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าถ้ายังไม่รู้ 4 ข้อนี้

อย่าเพิ่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าถ้ายังไม่รู้ 4 ข้อนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าคุณพ่อบ้านแม่บ้านหลายคนต้องเคยช็อคกับบิลค่าไฟมาแล้ว โดยเฉพาะสภาพอากาศแบบเมืองไทยที่ทำให้เราต้องกระหน่ำเปิดแอร์เปิดพัดลมจนพอเห็นบิลแล้วจะเป็นลม วันนี้เรามาเริ่มต้นประหยัดไฟกันตั้งแต่ขั้นตอนในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ากันเลยดีกว่า ซื้อของดีรับรองชีวิตเปลี่ยนแน่นอน

1. แค่เบอร์ 5 ยังไม่พอ

คงเคยได้ยินกันบ่อยๆ อยู่แล้วว่า เวลาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เลือกที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แต่ก็ต้องย้ำกันอีกสักรอบเพราะสำคัญมากจริงๆ โดยฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 นี้ ปัจจุบันออกโดยกระทรวงพลังงาน (สังเกตว่าจะมีตราของกระทรวงซ้อนอยู่บนฉลาก) โดยปกติฉลากประหยัดไฟจะมีระดับความประหยัดตั้งแต่เบอร์ 1 - 5 โดยที่เบอร์ 5 หมายถึงประหยัดไฟมากที่สุด คือมีอัตราการประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency Ratio : EER) มากกว่า 11.0 หน่วย

แต่แค่จะดูกันที่เบอร์ 5 คงยังไม่พอ! ควรดูเรื่องความทนทานจากการใช้งานจริงอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การเลือกซื้อแอร์ บางครั้งเบอร์ 5 อย่างเดียวก็ไม่ได้การันตีว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริง เพราะหากคอมเพรสเซอร์ไม่ทน สุดท้ายเครื่องต้องทำงานหนั และค่าไฟจะเพิ่มขึ้นอีกอยู่ดี แอบกระซิบว่า แอร์ฟูจิตสึ เจเนอรัล ออกแบบคอมเพรสเซอร์ได้ทนมาก พิสูจน์โดยทำการทดลองให้คอนเดนซิ่งทำงานในความร้อนสูงถึง 46 องศา ซึ่งก็ยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างนี้ประหยัดไฟกว่าแน่นอน

 


2. ไม่ซื้อเผื่อ

คิดถึงการใช้งานในชีวิตจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ตัวอย่างเช่น จะซื้อตู้เย็นก็ต้องดูว่าโดยปกติมีของที่ต้องแช่เยอะไหม จะซื้อหม้อหุงข้าวก็ต้องดูปริมาณที่หุงในแต่ละวัน หรือจะซื้อแอร์ก็ต้องคำนวณจากขนาดห้องให้ดี พ่อบ้านแม่บ้านหลายคนมีการซื้อขนาดใหญ่เผื่อไว้ก่อน แต่เมื่อใช้จริงกลับไม่ได้ใช้ และทำให้เปลืองไฟโดยใช่เหตุ

ยกตัวอย่างการซื้อแอร์ สิ่งที่ต้องคำนึงคือ BTU บางคนอาจเลือกซื้อแอร์ที่มี BTU สูงไว้ก่อน เพราะอยากให้ห้องเย็นฉ่ำ แต่ห้องที่ใช้งานจริงมีขนาดเล็ก ผลที่ได้คือแอร์จะทำงานหนักเนื่องจากการคอมเพรสเซอร์ตัดต่อบ่อยเกินไป อายุการใช้งานจะสั้นลง นอกจากนี้ยังมีความเหมาะสมอื่นๆ ตามประเภทการใช้งาน

ดังนั้น ก่อนซื้อควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยดูว่าควรใช้แบบไหน รุ่นอะไร BTU เท่าไหร่ ซึ่งฟูจิตสึ เจเนอรัล มีบริการที่ดีเยี่ยม สามารถให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยดูสถานที่ หรือขอคำปรึกษาก่อนตัดสินใจซื้อได้ พร้อมทั้งมีสินค้าหลายรุ่นหลายแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม หรือสำนักงานออฟฟิศ

 

3. ไม่มองข้ามเรื่องจิ๊บๆ

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างก็ทำให้ประหยัดค่าไฟได้มาก ตัวอย่างเช่น ตู้เย็นแบบประตูเดียวประหยัดไฟกว่าตู้เย็นสองประตู โคมไฟแบบสะท้อนแสงทำให้พื้นที่สว่างมากกว่าแบบพลาสติก และทำให้ไม่ต้องเปิดไฟดวงอื่นๆ ช่วย หรือแอร์ฟูจิตสึ เจเนอรัลที่มีระบบ Powerful Airflow ทำให้ความเย็นกระจายไปทั่วห้อง ถึงแม้สมาชิกในบ้านจะนั่งไกลกันก็ยังได้ความเย็นทั่วถึง ไม่ต้องเร่งแอร์ให้แรงขึ้น หรือไม่ต้องมีใครต้องแอบเปิดพัดลมช่วยคลายร้อน

 

 

4.อัพเดทเทคโนโลยี

เทรนด์ประหยัดพลังงานเป็นกระแสที่มาแรง ผู้ผลิตต่างคิดเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพื่อให้เราเบาใจเรื่องบิลค่าไฟกันทั้งนั้น ดังนั้น ก่อนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าควรอัพเดทข้อมูลกันก่อนสักนิด ตัวอย่างเช่น แอร์ฟูจิตสึ เจเนอรัลที่มีระบบ Human Sensor สามารถปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเองเมื่อไม่มีคนอยู่ห้อง และปรับอุณหภูมิให้เย็นสบายเหมือนเดิมเมื่อมีคนกลับเข้ามา ประหยัดไปได้มากเลยทีเดียว เพราะยิ่งเปิด ยิ่งปิด บ่อยเท่าไหร่ แอร์ยิ่งทำงานหนัก ค่าไฟก็จะพุ่งสูงแน่นอน

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ทำช็อคได้ไม่แพ้ค่าไฟ เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อม และค่าอะไหล่ต่างๆ หากเครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย ดังนั้น หากอยากประหยัดในส่วนนี้ ควรเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทนทานต่อการใช้งาน เช่น แอร์ฟูจิตสึ เจเนอรัล ที่รับประกันเรื่องความทนของคอมเพรสเซอร์ เพราะผ่านการทดลองมาแล้วในหลายสภาพอากาศ โดยเฉพาะอากาศร้อนจัด ฝนชุก อย่างเมืองไทย มั่นใจได้ว่าไม่ต้องเสียตังค์ค่าซ่อมแอร์กันบ่อยๆ อีกแล้ว

 

ยังไม่มีงบติดแอร์ฟังทางนี้! ใครอยากลุ้นแอร์ฟูจิตสึ เจเนอรัลไปใช้ฟรี ร่วมสนุกกับกิจกรรมได้ที่นี่  https://goo.gl/REqLKX

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook