3 พฤติกรรม DIY แย่ ๆ ที่ควรต้องเลิก
เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงเคยผ่านการทำชิ้นงาน DIY กันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะงานเล็ก หรืองานใหญ่ก็ตาม บางคนทำงานออกมาได้สวย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีทักษะหรือประสบการณ์มากไปกว่าคนอื่น ๆ เลย บางคนทำมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า ก็ยังไม่ได้ดั่งใจเสียที ต้องรื้อ ต้องแก้กันหลายรอบกว่าจะสำเร็จ ซึ่งนั่นเป็นเพราะนิสัยในการทำงานของคุณนั่นเอง หากคุณอยากจะให้ชิ้นงาน DIY ของคุณออกมาสวยเหมือนผลงานของมืออาชีพ คุณต้องทิ้งพฤติกรรม 3 อย่างต่อไปนี้
1.รีบร้อนลงมือทำโดยไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน : การทำงาน DIY นั้น ต้องอาศัยการวางแผน ดังนั้นก่อนจะเริ่มลงมือ คุณต้องศึกษาและวางแผนการทำงานให้ดีเสียก่อน แต่ปัญหาก็คือคนส่วนใหญ่จะเปิดดูวิดีโอ หรือเปิดดูรูปดูข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตกันแบบคร่าว ๆ จากนั้นก็ไปซื้ออุปกรณ์มาลงมือทำโดยมีรายละเอียดไม่มากพอ วิดีโอหรือบทความบนอินเทอร์เน็ตส่วนมากก็ให้ข้อมูลจำเป็นไว้ไม่ค่อยจะเพียงพอ งานบางชิ้นคุณต้องการความแตกต่าง เช่นทำกับพื้นผิวที่ไม่เหมือนกัน หรือชนิดของวัสดุไม่เหมือนกัน รายละเอียดปลีกย่อยก็จะแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณจะต้องศึกษารายละเอียดเหล่านี้โดยอาจจะใช้เวลาเพิ่มอีกแค่ไม่กี่นาที กับการอ่านรายละเอียดของชุดอุปกรณ์ หรือหาข้อมูลผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตวัสดุ เพราะจะมีรายละเอียดมากกว่าตามวิดีโอ หรือบทความที่สอนงาน DIY ทั่ว ๆ ไป
2.ประหยัดในการเลือกวัสดุ : วัสดุที่มีราคาถูกมาก ๆ อาจจะไม่เหมาะสำหรับงานที่เราจะทำเสมอไป ยิ่งหากต้องการงานที่มีคุณภาพก็ยิ่งจะต้องเลือกวัสดุที่ดี นอกจากนั้น ให้ดูอายุของสิ่งที่จะนำมาใช้ด้วย เช่น กาว สี หรือของเหลว สารเคมีบางอย่าง ทิ้งไว้นานก็เสื่อมคุณภาพ หรือหมดอายุ ไม่สามารถนำมาใช้ได้ และในการซื้อวัสดุมาใช้งานก็ควรซื้อมาในปริมาณที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้น ชิ้นงานก็จะขาดคุณภาพที่ดี ไม่มีความคงทน
3.ไม่จดรายละเอียด : เนื่องจากงาน DIY นั้น เป็นงานที่ต้องการการวางแผน การวัด การใช้เวลา เพื่อให้งานออกมาสำเร็จด้วยดี และมีคุณภาพ ดังนั้นจึงต้องมีการจดบันทึก ความจำอย่างเดียวอาจจะทำให้ผิดพลาดได้ เช่น คุณจะทำตู้ หากไม่จดบันทึกขนาด ความยาว ความลึก ประตูตู้สองบานอาจจะปิดไม่พอดีกันก็เป็นได้ ทำให้เสียเวลาต้องมารื้อใหม่ นอกจากนั้น คุณจะต้องค่อย ๆ ทำไปตามขั้นตอนทีละขั้น ไม่มีการข้ามขั้น เพื่อให้งานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมการ วางแผน
