4 เทคนิคกำจัดกลิ่นเชื้อราออกจากบ้าน
การกำจัดกลิ่นของเชื้อราให้หมดไปจากบ้าน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะกลิ่นนี้ ไม่เพียงแค่เหม็นเท่านั้น แต่สปอที่ลอยอยู่ในอากาศของเชื้อรา ยังเป็นเหตุให้เราเจ็บป่วยได้ การกำจัดกลิ่นของเชื้อรานั้น ไม่ยาก แต่ต้องลงมือลงแรงเสียหน่อย เพื่อจะให้ได้ผลที่ดี ดังเทคนิค 4 ข้อต่อไปนี้
1.ทำความสะอาด : การทำความสะอาดนั้น เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ในการกำจัดกลิ่นของเชื้อรา เริ่มด้วยการหาจุดที่มีเชื้อราก่อน กลิ่นอยู่ที่ไหน เราก็มักจะพบว่ามีเชื้อราอยู่บริเวณนั้น เมื่อพบแล้ว ก็ให้นำเอากระดาษเก่า ลังไม้อัด กระดาษอัด ที่อยู่ตรงนั้นออกมาให้หมด เพราะแม้จะเห็นเชื้อราปรากฏอยู่ แต่มันก็มักจะมีสปอติดอยู่ ทำให้เราได้กลิ่นของมัน พวกเศษกระดาษลังกระดาษ ให้ทิ้งไป ถ้ามีผ้า ก็ให้นำไปซัก จากนั้น ก็ให้ทำความสะอาดพื้น ผนังบริเวณนั้นให้สะอาด้วยน้ำยาทำความสะอาดและน้ำ แล้วรอให้แห้ง เปิดประตูหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศ ก็จะช่วยให้กลิ่นหมดไปเร็วขึ้น
2.ใช้ตัวดูดกลิ่น : ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการดูดกลิ่น ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการขจัดกลิ่นเชื้อรา เราสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์พวกนี้ได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบสเปรย์ หรือแบบเป็นก้อนถ่าน หรือจะใช้ถ่านจริง ๆ ก็ได้เช่นกัน นำเอาถ่านไปใส่ไว้ในถ้วยกาแฟเก่า แล้วเอาไปตั้งไว้ในบริเวณที่มีกลิ่นเชื้อรา ถ่านจะช่วยดูดกลิ่นเหม็นให้หมดไปได้ ผลิตภัณฑ์สำหรับดูดกลิ่นบางชนิดยังสามารถดูดซับความชื้นซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อราได้อีกด้วย และตัวดูดกลิ่นนี้ เราควรเปลี่ยนทุกเดือน อีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยดูดกลิ่นอย่างประหยัดก็คือ เบกกิ้งโซดา วิธีใช้ง่ายแค่เปิดฝากล่องออก แล้วนำไปไว้ในจุดที่มีกลิ่น กรณีการใช้เบกกิ้งโซดานี้ ให้เปลี่ยนกล่องใหม่ทุกหนึ่งหรือสองเดือน
3.การทำให้กลิ่นไม่กลับมาอีก : หลังจากที่เรากำจัดกลิ่นเชื้อราออกได้แล้ว เราก็ต้องรักษาสภาพไว้ ไม่ให้กลิ่นกลับมาอีก ดังนั้น เราจึงต้องทำความสะอาดอยู่เรื่อย ๆ พยายามเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ เพราะต้องไม่ลืมว่า อากาศที่สดชื่นนั้น ไม่เป็นมิตรต่อเชื้อรา เมื่อไหร่ก็ตามที่อากาศเอื้ออำนวย ก็ให้เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเททันที
4.ไม่ปล่อยให้มีความชื้น : การทำให้ในบ้าน หรือในห้องไม่มีความชื้น เป็นสิ่งที่จะช่วยป้องกันเชื้อราได้ดีที่สุด สำหรับในห้องที่มีความอับชื้น บางบ้านเลือกที่จะใช้เครื่องดูดความชื้น ซึ่งก็จะช่วยป้องกันปัญหาไปได้มาก หรือในบ้านที่ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ ก็ให้เปิดระบายอากาศให้บ่อย และนำสิ่งของที่มีความชื้นออกไปทำความสะอาดและตากให้แห้งอยู่เป็นประจำ