6 เทคนิคเพาะเมล็ดพืชในบ้าน ยังไงก็รอดชัวร์
การเพาะเมล็ดพืชในบ้านนั้นบางครั้งก็ทำให้เราหงุดหงิด ผิดหวัง บางครั้งก็ทำให้ดีอกดีใจ บางคนก็เพาะไม่ขึ้นมานับร้อย ๆ ครั้งแล้ว แต่หากรู้เทคนิคต่อไปนี้ การเพาะเมล็ดพันธุ์พืชในบ้านของคุณอาจจะง่ายขึ้น
1.ต้องมีแสงแดดส่องถึง : การเพาะเมล็ดพันธุ์พืชให้เติบโตขึ้นมาสมบูรณ์ดี ต้องมีแสงแดด บางคนเอากระถางไปตั้งไว้ริมหน้าต่างแล้ว แต่ก็ยังเพาะไม่ขึ้นอยู่ดี ต้องดูทิศทางของแสงด้วย หากบานหน้าต่างของคุณอยู่ทิศใต้ ก็มีโอกาสมากที่แสงจะไม่พอ หากเมล็ดพันธุ์ ได้รับแสงไม่เพียงพอ มันก็ไม่งอก วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ใช้แสงไฟประดิษฐ์ สามารถทำเองได้ง่าย และไม่สิ้นเปลือง กรณีที่เพาะต้นไม้ไว้หลายต้น และใช้แสงไฟประดิษฐ์นี้ จะเห็นได้ชัดเลยว่า ต้นที่ได้รับแสงตรง ๆ จะโตเร็วกว่าต้นอื่น
2.ใช้ระบบให้น้ำด้วยตนเอง หรือ Self-Watering Seed Starting Systems : เป็นระบบที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเพาะเมล็ด และระบบนี้ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีให้เลือกซื้อหลายแบบ หรืออาจจะลองทำเอง หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต และเลือกหาซื้อวัสดุจากซุปเปอร์มารเก็ต ก็ได้เช่นกัน
3.เลือกใช้ดินสำหรับการเพาะเมล็ดโดยเฉพาะ : เรามักจะคิดกันว่า เมล็ดพันธุ์พืช ก็เติบโตได้ในดิน ดังนั้น เราก็เลยเอาดินนอกบ้านมาใส่กระถางเพื่อเพาะเมล็ด แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย เพราะเมล็ดอาจจะไม่งอกออกมาเป็นต้นพืชที่สมบูรณ์ได้ ทางที่ดีควรเลือกซื้อดินสำหรับการเพาะมาใช้โดยเฉพาะ เพราะมันมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นมาได้มากกว่า
4.ให้อาหารที่เหมาะสม : เราเคยได้รับรู้กันมาว่า ไม่จำเป็นต้องบำรุงพืชในขณะที่เพาะเมล็ด และรอมันงอกออกมา เพราะในเมล็ดมีคุณค่าอาหารที่เพียงพอสำหรับการเติบโตของมันอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มเห็นใบของมัน เราต้องเริ่มให้ปุ๋ยบำรุงบ้างแล้ว
5.ลมและการระบายอากาศ : ต้นพืชจะงอกออกมาได้ต้องมีองค์ประกอบภายนอกที่เหมาะสมด้วย ต้องได้รับทั้งแสงแดด น้ำ และลม การปลูกพืชในบ้านนั้น เราต้องหลอกมันว่า มันอยู่ในธรรมชาติ บางคนปลูกไว้ในห้องใต้ดินเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม มีทั้งลม ทั้งการระบายอากาศ โอกาสที่จะเห็นผลสำเร็จก็สูง ลมต้องมีการหมุนเวียน อาจจะใช้พัดลมช่วยได้ แต่ไม่ควรจะเปิดแรงมากนัก เพราะพัดลมทำให้ดินแห้งได้อย่างรวดเร็ว
6.อ่านคำแนะนำในการเพาะเมล็ดให้ละเอียด : ส่วนใหญ่แล้วหน้าซองของเมล็ดพันธุ์ที่เราซื้อมา จะมีข้อมูลที่มีประโยชน์ โดยจะบอกให้ทราบในหลายอย่าง ตั้งแต่ควรจะฝังเมล็ดพันธุ์ไว้ลึกแค่ไหน นานแค่ไหนกว่าจะงอกออกมา เป็นต้น นอกจากนี้ หน้าซองบางชนิด ยังแนะนำวิธีการปลูกในอาคารไว้ให้อีกด้วย ดังนั้นข้อมูลตรงนี้ ควรอ่านให้ละเอียดอย่ารีบนำไปทิ้ง