ผลัดผิวด้วยวิธี MD (Micro Dermabrasion)
MD หรือไมดครเดอร์มาเบรชั่น ก็คือการกรอผิวหนังในส่วนของหนังกำพร้าออกไปบางส่วนโดยไม่ถึงระดับที่จะทำให้เกิดแผล ซึ่งต่างจากการกรอผิวหนังด้วยเครื่องกรอ หรือเลเซอร์ที่กรอลงไปจนถึงชั้นหนังแท้ทำให้หลังทำจะต้องเป็นแผลอยู่ระยะหนึ่ง
ความแตกต่างนี้ทำให้การดูแลหลังการทำ MD ค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งไม่จำเป็นต้องหยุดงาน และก็ได้ผลการรักษาที่ดีในระดับหนึ่ง เพียงแต่ต้องอาศัยการทำอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นอยู่หลายชนิด แต่ที่ใช้กันแพร่หลายเป็นเครื่องที่ใช้หลักการพ่นผงคริสตัลทำด้วยผลึกอลูมิเนียมออกไซด์ที่มีขนาดเล็กเท่ากับทรายละเอียด และผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้วลงบนผิวหนัง
โดยอาศัยระบบการทำงานด้วยสูญญากาศ คริสตัลเหล่านี้จะค่อย ๆ ลอกผิวทีละชั้น ๆ ของผิวหนังชั้นหนังกำพร้า โดยสามารถควบคุมระดับของความลึกให้เหมาะสมกับสภาพผิวช่วยให้มีการฟื้นฟูสภาพผิว และกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้น
สำหรับวิธีการทำนั้น
เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นทายา 2-3 ชนิดเพื่อเป็นการเตรียมผิวประมาณ 5-10 นาที
ต่อไปก็เป็นการกรอโดยการพ่นผงคริสตัลลงบนผิวหนังอีกประมาณ 15-30 นาที ขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพื้นที่ที่ทำ
หลังจากนั้นก็จะเป็นการทายาอีกประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อช่วยให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น
รวมขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที
โดยทั่วไปหลังการทำ MD ผิวหนังบริเวณที่ทำอาจมีรอยแดงเกิดขึ้น แต่ไม่มีแผลเป็น รอยแดงจะหายไปได้เองภายในเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงหรือเต็มที่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นนั้น โดยทั่วไปควรทำทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6-10 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของผิว
ประโยชน์ของการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น
- ช่วยลดรอยดำหลังการหายของสิว ลดรอยดำจากฝ้า และรอยดำจากแผลต่าง ๆ
- ช่วยให้แผลเป็นหลุมที่เกิดจากสิว หรืออีสุกอีใสตื้นขึ้น ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยให้แผลเป็นต่าง ๆ จากการผ่าตัด หรือจากอุบัติเหตุนิ่มลง และเรียบขึ้นได้บ้าง
- ช่วยลดรอยแตกลายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้รอยแตกเรียบขึ้น และดูจางลงได้ในระดับหนึ่ง
- ช่วยให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น ลดริ้วรอยที่เกิดจากวัย และสิ่งแวดล้อม
ข้อควรระวัง
หลังการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นคือ ควรหลีกเลี่ยงการทายา แสงแดดจัด ๆ และเครื่องสำอางบางประเภท เช่น HAH หรือกรดวิตามินเอในวันแรก ๆ หลังทำ MD ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ร่วมด้วย