6 เทคนิคลดความชื้นผนังห้องน้ำ แก้ปัญหาเชื้อราที่ต้นเหตุ

6 เทคนิคลดความชื้นผนังห้องน้ำ แก้ปัญหาเชื้อราที่ต้นเหตุ

6 เทคนิคลดความชื้นผนังห้องน้ำ แก้ปัญหาเชื้อราที่ต้นเหตุ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ห้องน้ำหลาย ๆ บ้าน มีปัญหากับเรื่องของความชื้น แม้จะมีการติดตัดพัดลมระบายอากาศแล้วก็ตาม แต่เมื่ออาบน้ำอุ่น ก็มักมีไอน้ำมาเกาะที่ผนัง จนทำให้เกิดเป็นคราบ

กรณีนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การอาบน้ำอุ่นเป็นเวลานาน จะทำให้มีไอน้ำอยู่ในห้องน้ำมาก และไอน้ำเหล่านั้นก็ไปเกาะอยู่ที่ผนังห้องน้ำ วิธีบรรเทาปัญหาง่าย ๆ ก็คือ ลดเวลาในการอาบน้ำให้น้อยลง และลดอุณภูมิของน้ำที่อาบให้เย็นลง แม้ว่าในห้องน้ำจะมีพัดลมระบายอากาศ แต่พัดลมนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อกำจัดไอน้ำได้ทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะติดพัดลมเพิ่มเข้าไปอีกกี่ตัว ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมด

แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำที่อาบให้เย็นลง และไม่สามารถลดเวลาในการอาบน้ำลงได้ ก็ยังมีเทคนิคอื่น ที่จะช่วย ร่วมกับการใช้พัดลมระบายอากาศได้ดังนี้

1.ให้เปิดพัดลมระบายอากาศก่อนที่จะเริ่มอาบน้ำ และเมื่ออาบเสร็จ ก็ปล่อยให้พัดลมทำงานต่อเนื่องไปอีกประมาณ 20 นาที อาจจะใช้วิธีการติดตั้งไทม์เมอร์ให้ปิดเองก็ได้ วิธีนี้แม้จะทำให้พัดลมทำงานหนัก แต่ก็พอจะช่วยได้ หากเราเปิดพัดลมให้นานพอที่จะระบายอากาศหลังการอาบน้ำออกได้จนหมด

2.พัดลมระบายอากาศที่ติดตั้งนั้น ควรมีระบายอากาศออกไปนอกผนัง หรือหลังคา จึงจะสามารถระบายความชื้นได้ แต่พัดลมส่วนใหญ่ ทำได้แค่เพียงระบายกลิ่น ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลดความชื้นในห้องแต่อย่างใด

3.ตรวจเช็คพัดลมระบายอากาศ ดูว่าอากาศสามารถผ่านได้จริง ๆ

4.ต้องทำให้มีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาถ่ายเทในห้องน้ำ เราควรเว้นช่องระหว่างประตูห้องน้ำกับพื้นเอาไว้บ้าง เพื่อให้อากาศระบายได้ หรือไม่เช่นนั้น อาจจะใช้วิธีแง้มประตูห้องน้ำในระหว่างที่เปิดพัดลมระบายอากาศ

5.ต้องแน่ใจว่าพัดลมดูดอากาศนั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับขนาดของห้องน้ำ ต้องคำนวณขนาดที่เหมาะสม โดยดูความกว้าง ความยาว ของห้องน้ำ เทียบกับประสิทธิภาพในการทำงานเป็นคิวบิค ฟีท ต่อนาที หรือ CFM ของพัดลม

6.สุดท้ายก่อนที่จะซื้อพัดลมระบายอากาศ ต้องมั่นใจในคุณภาพ ว่าพัดลมมีประสิทธิภาพเพียงพอที่ช่วยถ่ายเทอากาศ และสามารถรองรับการทำงานเป็นเวลานานได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook