“ไซโต้ ทามากะ” แม่บ้านญี่ปุ่น เปิดบ้านทำฟาร์มสเตย์ ใช้ข้าว ผักของตัวเองปรุงอาหาร
กระแสการท่องเที่ยวแบบให้นักเดินทางสัมผัสธรรมชาติ และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นั้นๆ อย่างใกล้ชิดไม่ได้มีแต่เพียงในบ้านเรา เพราะที่ญี่ปุ่นเองธุรกิจฟาร์มสเตย์ เปิดบ้านให้คนเดินทางเข้าพักแรม ทำกิจกรรมตามแบบคนท้องถิ่น กินอาหารฝีมือเจ้าของสถานที่ก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน
คุณป้าไซโต้ ทามากะ แม่บ้านชาวญี่ปุ่นอายุ 70 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองอาจิมุ จังหวัดโออิตะ ภูมิภาคคิวชูในญี่ปุ่นเป็นคนหนึ่งที่ทำธุรกิจนี้มาแล้วถึง 8 ปี ซึ่งเรามีโอกาสได้พูดคุยกับเธอเกี่ยวกับการทำฟาร์มสเตย์สไตล์สโลว์ไลฟ์ต้อนรับนักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบเข้าถึงชีวิตคนประจำถิ่น
ป้าไซโต้เล่าว่าหลังจากแต่งงานเธอลาออกมาเลี้ยงลูกนานถึง 35 ปี เมื่อลูกโต การอยู่บ้านเฉยๆ กลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเบื่อ จนวันหนึ่งเพื่อนสนิทโทรมาชักชวนให้เธอลองเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ป้าไซโต้เริ่มเข้ามาทำฟาร์มสเตย์โดยใช้บ้าน สวนหน้าบ้าน ที่นา และวัตถุดิบจากการเกษตรของเธอมาบริการลูกค้า
บ้านของคุณป้าไซโต้เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ญี่ปุ่นยกพื้นไม่สูงมากนัก แต่มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง ภายในแบ่งเป็นโซนต่างๆ หลากหลายทั้งส่วนหน้าบ้านก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน ห้องนั่งเล่น เชื่อมต่อกับห้องทานข้าวและห้องครัว สำหรับส่วนอื่นๆ นั้นปล่อยเป็นโถงกว้างปูเสื่อ กั้นด้วยฉากที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้แบบสไตล์ญี่ปุ่น ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำแยกโซนกันอย่างชัดเจน ดังนั้นบ้านของป้าไซโต้จึงกว้างขวางเพียงพอสำหรับนักเดินทางที่อาจจะเดินทางมาจำนวนหลายๆ คน
ป้าไซโต้เล่าถึงการเริ่มต้นทำฟาร์มสเตย์ว่ากลุ่มกรีน ทัวร์ริสซึ่งเป็นกลุ่มดูแลการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของญี่ปุ่นจะเป็นผู้ดูแลรายละเอียดการทำฟาร์มสเตย์ โดยมีคู่มือมอบให้คนที่ทำฟาร์มสเตย์ และช่วงแรกจะเข้ามาดูบ้าน เช็กสภาพบ้านต่างๆ อย่างละเอียด หลังจากทำธุรกิจไปสักระยะหนึ่งจะแวะเข้ามาเยี่ยมบ้าง ส่วนตัวคุณป้าเองต้องไปเรียนทำอาหารเพิ่ม ซึ่งในหมู่บ้านเดียวกันนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่คุณป้าไซโต้ แต่ยังมีเกษตรกรและแม่บ้านประมาณ 70 รายทำฟาร์มสเตย์เช่นกัน
การเข้าพักกับชาวญี่ปุ่นนั้นมีการกำหนดแพกเกจไว้หลากหลายแต่จำนวน 1 คืนพร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้าที่บ้านป้าไซโต้นั้นราคา 9,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาทไทยหากคิดเป็นตัวเลขกลมๆ ซึ่งอาหารที่คุณป้าเสิร์ฟในมื้อเย็นส่วนใหญ่เป็นอาหารญี่ปุ่นมีทั้งปลาดิบ ซุป ไข่ตุ๋น ผักดองทานเคียงได้กับอาหารทุกจานบนโต๊ะ แต่มื้อเย็นมีความพิเศษตรงที่นอกจากคุณป้าจะใช้ผัก ข้าว จากสวนและนาของตัวเองแล้วยังสั่งปลาฮาโมะจากเพื่อนชาวประมงมาราดซอสให้เราทานกันแบบสดอร่อยอีกด้วย
นอกจากการพักแรมและอาหาร 2 มื้อแล้ว ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวลองทำทั้งเก็บผัก ปลูกข้าว ซึ่งกิจกรรมเหล่านั้นขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวการเก็บผักอาจจะไม่มี สำหรับเมนูเด็ดที่ป้าไซโต้ภาคภูมิใจนำเสนอนั่นคือโซบะ ที่เธอนวดเส้นเอง ใครได้ชิมต้องติดใจ ส่วนอาหารฮิตสำหรับกลุ่มเด็กที่มาทัศนศึกษาก็น่าจะเป็นฮัมบากุ สเต็กเนื้อปั้นเป็นก้อนแล้วย่างไฟ
ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ป้าไซโต้เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้เธอมีโอกาสได้สื่อสารกับคนหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพราะปกติเวลาเธออยู่กับลูก เธอก็จะเป็นฝ่ายพูดกับลูกอย่างเดียว แต่เมื่อมีแขกแปลกหน้าเข้ามาพักทำให้เธอได้สื่อสารกับพวกเขา แม้จะใช้ภาษามือกับนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่ก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี
“รู้สึกว่าการสื่อสารกับคนอื่นดีขึ้น เหมือนเราได้เพื่อนใหม่ แม้รายได้จะไม่มาก แต่รู้สึกสนุก เพราะเราไม่เคยคำนวณว่าเราได้เท่าไร เพราะข้าวมาจากนาของเราเอง”
นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางมาพักบ้านป้าไซโต้ มีจำนวนไม่น้อยที่กลับมาหาเธออีกครั้ง เด็กมัธยมบางคนเคยมาเที่ยวแล้วก็กลับมาเยี่ยมเธออีกครั้งหลังจากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เสน่ห์ของฟาร์มสเตย์โดยเฉพาะที่บ้านป้าไซโตะก็คงจะเป็นความเอาใจใส่และดูแลแขกที่มาพักเป็นอย่างดีในทุกๆ เรื่องทั้งอาหารการกิน และการพักผ่อน หากต้องการข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟาร์มสเตย์ต่างๆ สามารถเข้าไปที่ http://www.ajimu-gt.jp
อัลบั้มภาพ 32 ภาพ