รีวิวตกแต่งภายในบิวท์อินบ้านเดี่ยวสองชั้นครึ่งของน้าเบิร์ด BirdEyeView
นับเป็นการรีวิวบ้านที่สวยงามรับต้นปีใหม่กันเลยทีเดียว เรียกว่าใครเห็นก็ต้องรู้สึกว่าบ้านหลังนี้สวยงาม อลังการ จนรู้สึกอยากแชร์ภาพบ้านหลังนี้ มาทำความรู้จักแนวคิด ไอเดียการออกแบบของเจ้าของบ้านสุดหรูหลังนี้กันเลยดีกว่า
สวัสดีครับผมชื่อน้าเบิร์ด BirdEyeView วันนี้จะขออนุญาตมารีวิวบ้านเดี่ยวที่เป็นเรือนหอของผมกับภรรยามาให้ได้รับชมกันครับ โดยเนื้อหาหลักของการรีวิวครั้งนี้จะเป็นการรีวิวเรื่องการตกแต่งภายในแบบบิวท์อินและการเลือกเฟอร์นิเจอร์ แต่ในการบรรยายรายละเอียดในกระทู้ก็จะแทรกเรื่องอื่นๆไปด้วยกัน ถ้าใครต้องการดูรูปการตกแต่งบ้านเป็นหลักก็ดูแต่รูปได้เลย แต่หากต้องการรับฟังเรื่องราวความเป็นมาของบ้านหลังนี้ ซึ่งจะมีรายละเอียดของเรื่องราวตั้งแต่การเริ่มคิดที่จะซื้อบ้านจนไปถึงบ้านเสร็จพร้อมเข้าอยู่ครับ
อย่างไรก็ดีด้วยผมเองเป็นคนไม่มีความรู้ในด้านนี้ ถ้าหากมีเพื่อนสมาชิกมาถามคำถามบางอย่างอาจจะตอบไม่ค่อยได้ครับ โดยเรื่องเล่าจะเป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงจากผมเท่านั้น(ซึ่งมีน้อยและไม่มีความรู้เลย) หากเรื่องใดอ่านแล้วเป็นประโยชน์ก็ขอให้จดจำไว้และนำไปใช้ แต่หากเรื่องใดอ่านแล้วไม่เป็นประโยชน์หรือเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด และไม่ได้ความรู้ใดๆ ก็ขอให้ผ่านเลยไป พร้อมทั้งขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ
ผมเองหลังจากมีความคิดที่จะหาซื้อบ้านก็เข้ามาอ่านห้องชายคาอยู่เป็นประจำ รวมทั้งหารีวิวบ้านต่างๆ ตามกระทู้ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาอ่านอยู่เรื่อย มีอยู่กระทู้นึงที่เขามารีวิวบ้าน เขาบอกว่าเวลาเห็นบ้านของคนที่มารีวิวแล้วอยากเห็นว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร เขาก็เลยลงรูปเขาเอาไว้ด้วย ซึ่งผมอ่านแล้วผมก็เห็นด้วย ผมจึงขอเริ่มการรีวิวด้วยรูปผมกับภรรยาตอนที่บ้านเสร็จแล้วครับ
เนื้อหาเพิ่มเติม...
ผมน้าเบิร์ด BirdEyeView ขอขอบคุณ Pantip.com อย่างที่สุดสำหรับรางวัล
★ Pantip Pick of the Year 2018 - รวม 10 สุดยอดกระทู้แห่งปี 2561 ที่ถูกใจทีมงาน Pantip มากที่สุด ★
“ตกแต่งบ้านที่รัก เลือกที่พักที่ใช่ ใส่ใจโดยเจ้าของบ้าน พบพานความสุขใกล้ตัว” – น้าเบิร์ด BirdEyeView
สุดยอดบ้านที่เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสาร ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องร้องว้าวเลยทีเดียว ต้องขอยกความดีความชอบให้กับเจ้าของกระทู้ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งการตกแต่งดีไซน์เลือกของใช้ ล้วนพิถีพิถัน เลอค่า จนออกมาเป็นบ้านสองชั้นครึ่งสุดสมบูรณ์แบบ แถมยังใจดีร่วมแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างการสร้างบ้านหลังนี้เอาไว้อย่างละเอียด กระทู้นี้รูปสวยเพลินตายิ่งอ่านยิ่งตกหลุมรัก และเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีกับคำที่ว่า “บ้านคือวิมานของเรา” นั้นมันเป็นอย่างไร
ความรู้สึกเมื่อรู้ว่าได้เป็น 1 ใน 10 กระทู้ที่รางวัล Pantip Pick of The Year 2018 และสิ่งที่อยากฝากถึงเพื่อนสมาชิกพันทิป: ตัวผมเองรู้สึกยินดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ และดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองให้เพื่อนสมาชิกพันทิปได้ประโยชน์อยู่บ้าง ซึ่งผมเองขอยกกระทู้นี้เป็นการตอบแทนเพื่อนสมาชิกที่ได้ให้ความรู้ในเว็บนี้เป็นอย่างดีเสมอมาตลอดระยะเวลาที่ผมเองได้อ่านเว็บพันทิปเป็นประจำยาวนานถึงกว่า 15 ปี และอยากบอกเพื่อนสมาชิกในปีต่อไปให้ร่วมกันเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ รอบตัว แบ่งปันประสบการณ์ที่พบเจอ เพลิดเพลินกับชีวิต แล้วมาเขียนกระทู้ให้อ่านกันนะครับ
เพื่อนสมาชิกสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กระทู้ https://pantip.com/topic/38372601
ขอเริ่มเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่มีความคิดว่าต้องการจะมีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเองเลย ตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการหรือจะซื้อที่ดินมาปลูกบ้านเองครับ ก็ตระเวณดูไปทั้งสองแบบ หลังจากดูกันอยู่หลายเดือนก็ตัดตัวเลือกความคิดที่จะซื้อบ้านมาปลูกเองครับ เนื่องจากทำเลที่ต้องการนั้นมักจะได้ที่ดินที่ยังไม่ค่อยตรงความต้องการสักเท่าไหร่ ก็เลยมุ่งดูบ้านเดี่ยวตามโครงการเรื่อยมา ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่นานเป็นปีได้เลยเหมือนกัน เนื่องจากดูอยู่หลายสิบโครงการ ซึ่งจากการที่ดูอยู่หลายสิบโครงการนั้นนับเป็นประโยชน์สำหรับผมและภรรยาเป็นอย่างมาก
เพราะการดูบ้านเดี่ยวในแต่ละโครงการทำให้เราได้เห็นสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เราไม่ชอบ อย่างของผมเองนั้นชอบบ้านที่จอดรถได้หลายคันโดยที่ไม่ต้องซ้อนคันเนื่องจากผมเองเป็นคนที่ทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา คือ บางครั้งต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด และกลับบ้านช่วงดึกไปเลย แต่ด้วยความที่บ้านหลังที่จะซื้อนี้อยู่หลักๆกันแค่สองคนคือผมกับภรรยา พอไปดูบ้านที่จอดรถได้หลายคันก็จะเป็นบ้านที่ใหญ่เกินความต้องการและราคาก็สูงเกินเอื้อมไปด้วยเช่นกัน อีกส่วนหนึ่งของผมเองคืออยากได้หมู่บ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ในทำเลที่ต้องการครับ เนื่องจากที่อยู่เดิมอยู่ในซอย ค่อนข้างเบื่อกับการขับรถออกปากซอยซึ่งการจราจรมักหนาแน่น เลยคิดว่าถ้าได้บ้านติดถนนใหญ่จะร่นระยะเวลาในการเดินทางลงได้
ในส่วนของภรรยาผมเองนั้น ตอนแรกเธอก็ยังไม่มีไอเดียอะไร จนได้ไปดูบ้านในหลายๆ โครงการ เธอจึงอยากได้บ้านเดี่ยวเพดานสูงที่สมัยนี้เขาเรียกว่าดับเบิลวอลลุ่ม เพราะฉะนั้นโจทย์ในช่วงหลังจากกำหนดความต้องการของทั้งสองคนได้แล้ว เราก็มองหาบ้านที่ตอบโจทย์ไอเดียเหล่านี้ครับ
1. ติดถนนใหญ่
2. เพดานสูง
3. จอดรถได้หลายคันโดยไม่ต้องซ้อนคัน
ในรูปเป็นบ้านเดี่ยวหลังที่เราจะรีวิวกันในกระทู้นี้ครับ
ซึ่งกว่าจะได้บ้านเดี่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการผ่านการดูบ้านมาหลายสิบโครงการก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เนื่องจากผมต้องการอยู่ในทำเลใกล้กับที่พักเดิมที่อยู่ช่วงต้นถนนราชพฤกษ์ หลังจากกำหนดทำเลเรียบร้อยแล้วก็ระบุพิกัดให้ชัดเจนลงไปกว่าเดิมคือ ต้องเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ในถนนราชพฤกษ์ช่วงต้นๆ เพื่อที่จะได้ข้ามไปฝั่งสาทรได้สะดวก และต้องไม่อยู่เกิน The Circle เนื่องจากถ้าอยู่เลยไปจากนั้นช่วงเลิกงานรถจะค่อนข้างติดอยู่มากครับ
ที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายก็เพราะว่าจะได้ตามที่อยากได้นั้น ราคาบ้านค่อนข้างแพงสำหรับผมอยู่มากถ้าได้ตามต้องการทุกอย่าง หรือถ้าราคาย่อมเยาว์ลงมาหน่อย ส่วนใหญ่เลยจะติดเรื่องจอดรถไม่ได้ตามต้องการ จนมีอยู่วันหนึ่งพี่สาวผมบอกว่ามีอยู่หมู่บ้านนึงนะยังไม่เห็นผมไปดูเลย คือหมู่บ้านนี้อยู่ที่ถนนพรานนก-พุทธมณฑล(ถนนพระเทพตัดใหม่) ซึ่งจริงๆในถนนเส้นนี้มีอยู่ทั้งหมด 3หมู่บ้าน ที่อยู่ติดถนนใหญ่ ผมไปดูมาแล้วสองที่ เหลือที่นี่แหละครับที่ยังไม่ได้ไปดู
บรรยายรูป..ภายในบ้านก่อนตกแต่ง ส่วนรับแขกเพดานสูง 7เมตร โปร่งสบายตามความต้องการภรรยา
วันนั้นห้าโมงเย็นผมก็เลยขับรถไปดูที่หมู่บ้านนี้ดูครับ ปรากฏว่าตอบโจทย์ความต้องการของผมและภรรยาได้อย่างดี คือ หน้าบ้านจอดรถเรียงกันได้ 4 คัน ส่วนรับแขกเพดานสูงโปร่ง 7เมตร และมีอีกอย่างนึงลืมบอกไปด้วย ผมเป็นคนไม่ชอบต้นไม้ ไม่ชอบสวน บ้านในหมู่บ้านนี้ปลูกบ้านค่อนข้างเต็มพื้นที่ เหลือพื้นที่รอบบ้านให้ต้องดูแลไม่มากนัก
และอีกอย่างที่สำคัญก็คือราคาย่อมเยาว์กว่าหมู่บ้านอื่นนิดหน่อยด้วย เล่าให้ฟังก่อนว่าถนนเส้นนี้หมู่บ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ราคาบ้านสำหรับผมนับว่าโหดทุกโครงการ ไม่มีหลังไหนราคาต่ำกว่า 20ล้าน ซึ่งสุดท้ายบ้านที่ผมได้เข้ามาอยู่นั้น เป็นบ้าน type ที่ถูกที่สุดของโครงการนี้ และนับว่าเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านที่ถูกที่สุดสำหรับโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่เส้นนี้ด้วยครับ
บรรยายรูป...บันใดภายในบ้านเป็นพื้นไม้จริงกับราวจับไม้อัดสัก บันใดบ้านนี้ตอนเห็นครั้งแรกผมชอบมากครับ เพราะว่าใหญ่ดี แต่ละขั้นเป็นไม้แผ่นเดียวกว้าง40cm ยาว140cm โดยประมาณ เวลาเดินขึ้นลงบันใดแล้วเหยียบได้เต็มเท้าดีครับ
หลังจากที่เลือกบ้านได้ตามต้องการแล้ว แน่นอนครับ ผมไม่ได้ใช้เงินสดซื้อ ขั้นตอนก็คือเราต้องไปกู้ธนาคาร โดยตัวโครงการเองนั้นยื่นกู้ให้ผมไปทั้งหมด 5 ธนาคาร ส่วนตัวผมเองนั้นไปเดินเรื่องยื่นกู้ด้วยตนเองเพิ่มอีก 4 ธนาคาร รวมทั้งหมดเท่ากับยื่นกู้ไป 9ธนาคารกันเลยทีเดียว นับว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นเป็นประโยชน์ในภายหลังเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละธนาคารก็ให้เงื่อนไขต่างกันไป ซึ่งไม่ใช่ต่างกันน้อยๆ แต่ต่างกันมาก
พอเดินเรื่องธนาคารผ่านไปสักพัก ก็ได้รับผลอนุมัติจากธนาคารทยอยออกมาเรื่อยๆ ตอนนั้นก็สบายใจนิดหน่อยเพราะเริ่มจากธนาคารแรกก็อนุมัติมาให้เลย แต่พอธนาคารที่แรกอนุมัติแล้วอยากฝากไว้สำหรับคนที่จะซื้อบ้านด้วยว่าอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจไปโอนกับธนาคารนั้นครับ ให้เราค่อยๆรอรับผลอนุมัติจากธนาคารอื่นให้เรียบร้อยก่อน ในเคสของผมเองนั้นก็ไม่ใช่ว่าได้รับอนุมติตามจำนวนที่ต้องการทุกธนาคารนะครับ
เท่าที่พอนึกเร็วๆออกตอนนี้เพราะเรื่องราวมันก็ผ่านมาเป็นปีแล้วก็คือ ธนาคารแรกอนุมัติตามจำนวนที่ขอยื่นกู้ ธนาคารที่สองอนุมัติมา 3ล้าน (ซึ่งคนละเรื่องกับราคาบ้านเลย) ธนาคารที่สามให้มา 7ล้านกว่าๆ แล้วธนาคารที่เหลือก็อนุมติให้มาตามจำนวนที่ต้องการทั้งหมดมีต่างกันบ้างหลักแสนตามเงื่อนไขแต่ละที่ ซึ่งกว่าจะตอบกันมาครบทุกที่ก็ใช้เวลาอยู่สองเดือนได้นะครับ เพราะเรียกเอกสารกันเยอะเหลือเกิน บางธนาคารนี่ผมส่งเอกสารไปให้เป็นหลายๆร้อยหน้าเลย ซึ่งก็อนุมัติมาหลังสุดเลย แถมยังให้ข้อเสนอมาแย่สุดเสียอีก
บรรยายรูป....มุมมองจากประตูบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาจะเจอส่วนรับแขกเลย แล้วด้านขวาก็เป็นบันใดทางขึ้นชั้นบน ถัดจากบันใดไปทางหลังบ้านเป็นห้องนอนส่วนข้างใต้บันใดเป็นห้องเก็บของกับห้องน้ำ
ส่วนด้านซ้ายก็เป็นโซนทานข้าวกับทางเดินไปห้องครัวและหลังบ้าน
พอแต่ละธนาคารอนุมติมาแล้วซึ่งเงื่อนไขก็ต่างกันอยู่มาก ผมจึงเอาเงื่อนไขธนาคารที่ดีที่สุดไปต่อรองกับธนาคารอื่น โดยผมถามเขาง่ายๆว่าจะทำต่อหรือจะปล่อยเคสผมเลยก็ได้ จำได้ว่ามีสามธนาคารขอถอนตัวจากเคสผมไปเพราะคิดว่าไม่สามารถทำข้อเสนอมาต่อรองให้ได้ ส่วนธนาคารที่พร้อมสู้ต่อเท่าที่ผมเจอก็คือแต่ละที่จะขอเรียกดูทรัพย์สินเพิ่ม บางที่ขอโฉนดที่ดินปลอดภาระไปโชว์ บางที่ยื่นเสนอให้ผมเอาเงินไปฝากประจำกับธนาคาร 6เดือน แลกกับข้อเสนอที่ดีขึ้น แล้วก็บางที่ต้องการทราบว่าผมมีทรัพย์สินกระจายอยู่ซึ่งคงตรวจสอบยากก็ของ่ายๆเลยให้ผมเอาเงินมาใส่ในบัญชีให้ดูแล้วทิ้งเอาไว้สักพักหนึ่ง ซึ่งแต่ละอย่างผมก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ทำเท่าที่ทำได้ครับ
เล่าไปก็เดี๋ยวยาวเกิน ตัดมาตอนสุดท้ายสรุปว่าผมได้แคนดิเดตถึงโค้งสุดท้ายมาสองธนาคาร ซึ่งเรียกได้ว่ายื่นข้อเสนอแข่งกันดุเดือดสุดๆ ผมไม่อยากจะพูดเรื่องจริงเลย คือผมไม่ได้เซ็นสัญญากับธนาคารไหนเลย จนถึงวันรุ่งขึ้นผมจะต้องโอนบ้านแล้วผมยังไม่ได้เซ็นเลย ซึ่งมันดุเดือดมาก รับสายกันแทบไม่ทัน เกทับกันสุด เผื่อคนไหนจะไปซื้อบ้านเอาวิธีผมไปใช้ก็ได้ครับ เพราะข้อเสนอที่ผมได้รับตอนจบเทียบกับตอนแรก นับว่าดีกว่าเดิมมากๆ ถือว่าคุ้มเหนื่อยครับ
บรรยายรูป..มุมมองภายนอกบ้านอีกที ถ่ายตอนยืนหน้าบ้านเลยครับ
ขอบคุณคุณพี่ด้านบน ที่ชมว่างามทั้งบ้าน ทั้งคนอยู่ ซึ่งผมตีขลุมเอาเองว่าที่บอกว่าคนงามคงหมายถึงภรรยาผมครับ จะว่าไปเรื่องแทรกนิดหนึ่งผมกับภรรยานี่ รู้จักจนได้แต่งงานกันก็เพราะเว็บพันทิปนี่เอง เจอกันครั้งแรกนู่นนน สมัยมีตติ้ง (ในอดีตเขามีตติ้งกันเป็นเรื่องเป็นราวกันจริงๆ)ของห้องสวนลุมพินี เมื่อเกือบ 14ปีก่อน(บอกไปเลยรู้เลยว่าแก่แล้ว) สมัยนั้นเธอเป็นสาวฮอตอยู่ห้องสวนลุมฯ
ตัดมาเข้าเรื่องบ้านต่อนะครับ เรื่องธนาคารก็จบไปตรงที่เราก็โอนบ้านหลังจากได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด แต่ในระหว่างที่เดินเรื่องธนาคารอยู่นั้นช่วงก่อนโอน ผมก็จ้างให้คนที่รับตรวจบ้านมาตรวจบ้านก่อนส่งมอบให้ผมด้วยนะครับ คนตรวจบ้านผมก็หาเอาจากพันทิปห้องชายคาเนี่ย(คนที่เขาให้ความรู้จริงไม่ใช่มิจฉาชีพแฝงตัวมาหางานก็มีนะ)
พอดีช่วงที่ตรวจบ้านตอนนั้นผมให้เขาตรวจบ้านทั้งบ้านของผมเองและของน้องชายผมด้วย พอดีซื้อบ้านพร้อมๆกันพอดีครับ ตอนที่พี่เขามาตรวจบ้านผมก็ไม่เจออะไรร้ายแรง ที่บอกว่าเจอไม่ร้ายแรงนี่ก็แปะเทปสีเป็นร้อยจุดเหมือนกันนะครับ เรื่องการตรวจบ้านก่อนโอนและส่งมอบนี่สำคัญมากเลย ใครกำลังจะซื้อบ้านเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องจ้างคนมาตรวจนะ เพราะอย่างของน้องชายผมขนาดบ้านของดีเวลอปเปอร์เจ้าใหญ่ ยังเจอเข้าไปจังๆ ต้องซ่อมบ้านกันอีกนานสองเดือนถึงจะส่งมอบได้
บรรยายรูป...3D โซนลิฟวิ่งรูม ที่อินทีเรียออกแบบมาให้ครับ
อย่างบ้านของผมเอง ยังจำได้มีอยู่อย่างนึงที่คนตรวจบ้านเขาบอกให้ทำแล้วผมไม่ได้ทำคือให้เอาแท้งค์น้ำแบบฝังดินขึ้นมาอยู่บนดินแทน เพราะเขาบอกว่าบ้านในกรุงเทพมันมีดินทรุดดินขยับ แท้งค์อยู่ใต้ดินขยับแค่นิดเดียวสิ่งแปลกปลอมก็ลงไปในน้ำได้ ซึ่งก็เจอจริงๆหลังจากส่งมอบบ้านมาได้ประมาณหนึ่งปี แท้งค์มันขยับหนีฝาไปนิดเดียว เศษดินกับน้ำขุ่นๆเลยตกไปใส่แท้งค์ ผมก็ต้องแก้ปัญหาโดยการใช้แท้งค์น้ำบนดินอยู่ดี
เรื่องการตรวจบ้านก่อนส่งมอบนี่ จากที่ผมอ่านกระทู้ในห้องชายคามาพอสมควรพบว่าโครงการส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบให้คนซื้อบ้านมาตรวจบ้านนะ รวมทั้งเพื่อนๆผมเองก็มีประสบการณ์เรื่องนี้กันหลายคน จะเจอเจ้าหน้าที่โครงการเหวี่ยงใส่บ้าง พูดไม่ดีบ้างทำนองนี้ แต่ของหมู่บ้านผมเขาชอบครับ เขาบอกว่าตรวจกันละเอียดแต่แรกแล้วซ่อมครั้งเดียวก่อนส่งมอบดีกว่าส่งมอบไปแล้วต้องตามมาแก้ปัญหาจุกจิกที่เจ้าของบ้านเจอตรงนั้นทีตรงนี้ที
บรรยายรูป....3D โซนอาหารที่อินทีเรียออกแบบมาให้ครับ
หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ ทั้งกับธนาคารและการตรวจรับส่งมอบบ้านแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มเรื่องการตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งในเรื่องการตกแต่งภายในบ้านนี้ผมยอมรับตรงๆเลยว่าไม่มีความรู้เลย แล้วก็ไม่อยากจะทำเองแบบอยากได้ตรงไหนก็จับใส่ตรงนั้นโดยไม่ได้มองภาพรวม กลัวบ้านออกมาแล้วไม่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งบ้านแลดูไม่เรียบร้อยครับ
ผมก็เลยทั้งเสิร์ชหาเจ้าที่รับตกแต่งภายในทั้งในอินเตอร์เนตและไปเดินหาเอาตามงานแฟร์เกี่ยวกับบ้านทั้งหลาย เรียกได้ว่ามีงานแฟร์เกี่ยวกับบ้านที่ไหนผมก็ไปทุกที่ ไปดูผลงานไปคุย เรื่องนี้อยากบอกเลยเป็นเรื่องที่ปวดหัวมาก เพราะแต่ละเจ้าที่ได้ไปคุยด้วย เสนอราคามาหลากหลายสุดๆ ตั้งแต่การออกแบบ รวมไปถึงการตกแต่งภายใน
เท่าที่ผมได้คุยอยู่หลายเจ้าเลย ค่าออกแบบบ้านผมนี่คิดกันบางเจ้าก็แสนหน่อยๆ เจ้าที่แพง(สำหรับผม)ก็เล่นเสนอค่าออกแบบอย่างเดียวเฉียดล้านนึง ส่วนค่าตกแต่งภายในเฉพาะการบิ้วอินอย่างเดียวไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ต้องหาซื้อมาเองโดยเขาจะไกด์ไลน์ผ่าน 3D มาให้หรือจริงๆจะไปซื้อกับเขา แล้วไปช่วยกันเลือกมาเข้าบ้านด้วยกันก็ได้ โดยที่ค่าบิ้วอินนี่บางเจ้าก็หลักเป็นช่วงต้นๆของหลักล้าน บางเจ้าที่แพง(สำหรับผม)ก็เล่นปาเข้าไปเกินสิบล้านอยู่เยอะเหมือนกัน แล้วคิดดูสิครับนี่เฉพาะค่าบิ้วอินอย่างเดียว แล้วไหนผมจะต้องเติมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเข้าไปอีก จะออกมาบานเบอะขนาดไหน เรื่องตกแต่งภายในบ้านนี่เรียกว่าเล่นเอาเครียดไปเลยทีเดียว
บรรยายรูป...3D ห้องน้ำใต้บันใด ที่ถูกออกแบบใหม่เรียกว่า powder room
หลังจากคุยไปแต่ละเจ้าแล้วเราก็ต้องมาดูแนวทางการทำงานด้วยว่าตรงกับแนวทางที่เราอยากได้ไหม เจ้าที่ถูกที่สุดกับเจ้าที่แพงที่สุดนี่ผมตัดไปเป็นช้อยส์แรกๆ เลย เพราะเจ้าที่เสนอมาถูกเนี่ย ผมถามอะไรไปก็ทำได้หมด ส่วนเจ้าที่แพงนี่ผมถามอะไรไปมันก็ดูจะแพงไปหมด คือถ้าเอาเขามาทำนี่ผมก็คงต้องทานข้าวคลุกน้ำปลาทั้งชีวิตแน่นอน
เหลือมาคุยไม่กี่เจ้าที่แนวทางตรงความต้องการ ชอบการออกแบบในผลงานเขาครับ ผมก็กลับมาค้นประวัติบริษัทหน่อยว่าผ่านการทำงานอะไรมาบ้าง เงินมันจำนวนไม่น้อยครับ ผมก็กลัวเขาโกงเหมือนกัน ต้องดูเจ้าที่น่าเชื่อถือหน่อยล่ะ ได้มาสุดท้ายจริงๆเลยสองเจ้ามาตัดสินกันที่ระยะเวลาการก่อสร้างครับ อย่างที่บอกผมเดินงานแฟร์ทุกงาน ใช้เวลาร่วมครึ่งปีได้นะ ตั้งแต่กลางปีจนถึงปลายปี ผมจำบ้านที่เขาตกแต่งได้เราก็จำหลังที่ชอบไว้ ปรากฏว่าจนปลายปีเขาก็ยังทำหลังที่ว่าไม่เสร็จ ผมว่าแบบนี้ใช้เวลานานเกินไป อีกเจ้าก็ได้รับงานจากผมไปครับ
บรรยายรูป...3D ห้องครัว ตรงส่วนครึ่งล่างโครงการให้มาอยู่แล้ว ก็เลยให้เขาทำท่อนบนให้เหมือนๆกัน จะได้ไม่ต้องรื้อเสียเงินซ้ำซ้อน
หลังจากเลือกเจ้าที่จะมาทำบิ้วอินตกแต่งภายในบ้านให้ผมได้แล้ว ซึ่งต่อไปจะเรียกว่าอินทีเรียตอนต้นเดือนธันวาคม ก็ออกแบบบ้านจนสรุปแบบตอนกลางเดือนมกราคมแล้วก็เริ่มเข้าทำงานตอนเดือนกุมภาพันธ์(จริงๆเขาพร้อมเข้าทำงานเลย แต่ผมรอหลังตรุษจีนเอง) ผมไม่ได้ให้เขาทำหมดทั้งหลังนะครับ..แค่เกือบ อย่างที่เคยบอกบ้านผมอยู่กันหลักๆแค่สองคนสามีภรรยา แต่บ้านนี้มีทั้งหมด 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ ทำหมดก็เปลืองเงินแถมไม่มีคนอยู่อีกต่างหากครับ ก็จะมีทำตามที่เห็นในรูป 3D นี่เรื่องที่พิมพ์มาตามทันกับรูปแล้ว ผมบรรยายไปพร้อมรูปเลยละกัน
3D ห้องนอนคุณพ่อชั้นล่าง ตอนแรกห้องนี้ผมจะเอาไว้ใช้เป็นห้องทำงานผมเองครับ แต่เป็นเพราะว่าเดิมทีโครงการทำมาให้เป็นห้องคนแก่ คือจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกของคนชรามาตั้งแต่แรก มีทางเข้าห้องจากด้านข้างบ้านด้วยรถเข็น พื้นในห้องเป็นพื้นกันกระแทก ในห้องน้ำสุขภัณฑ์ต่างๆก็เป็นแบบสำหรับผู้สูงอายุทั้งหมด อ่างล่างมือจะเตี้ยๆหน่อย สำหรับนั่งรถเข็นมาล้างมือได้ ที่อาบน้ำมีเก้าอี้นั่งอาบน้ำ แถมพื้นก็เหนียวเท้าสุดๆกันไม่ให้ล้ม โถส้วมก็มีราวจับสำหรับผู้สูงอายุ แถมตรงช่วงก้นมันยังเว้าแปลกๆ สงสัยผมยังไม่แก่พอ ไปนั่งแล้วไม่ค่อยสบายตูดเท่าไหร่
พอพ่อผมเขาเห็นห้องนี้ จากที่ไม่เคยคิดจะมาอยู่ก็เลยขอห้องนี้ไว้เป็นที่พักยามชราของตนเอง ผมก็เลยต้องยกให้ตามระเบียบ
ถัดมาก็จะเป็นชั้นลอย(บ้านนี้มีสองชั้นครึ่ง ขึ้นมาจากชั้นล่างจะเป็นชั้นลอย ขึ้นอีกชั้นถึงเป็นชั้นสอง) ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นห้องพักอาศัยของผมกับภรรยาทั้งชั้นครับ ซึ่งก็ไม่เต็มชั้นนะ เพราะที่ชั้นล่างเป็นเพดานสูงไปประมาณครึ่งบ้านแล้วไง พอขึ้นมาก็จะเจอแผงคอนโซลนี้ครับ หันหน้าออกไปด้านหน้าบ้าน เดิมทีตรงนี้เป็นที่โล่งๆ ผมให้เขากั้นเพิ่มออกมาเพราะอยากให้ด้านในได้ตู้เสื้อผ้าเยอะหน่อย เขาเลยว่าถ้าก่อออกมาเฉยๆมันทื่อไป คนเปิดประตูบ้านมาจะมองเห็นพอเจอข้างบนตรงนี้แล้วไม่สวย เขาก็เลยออกแบบมาให้มองมาแล้วดูมีอะไรหน่อย
ห้องนอนผมเป็นไปตามโจทย์ที่ผมให้เขาเอาไว้ครับ ไม่ได้เน้นสวยมาก เน้นการใช้งานเป็นหลัก ก็ค่อนข้างจะบอกเขาว่าจะเอาอะไรบ้าง หลักๆในบ้านมีให้ภาพตัวอย่างแบบที่ผมชอบให้เขาไปนิดหน่อยทั้งบ้าน จะได้จูนสไตล์กันได้ว่าชอบแนวไหน เพิ่มเติมก็คือบอกอินทีเรียว่าผมไม่ชอบตู้โชว์ เพราะบ้านผมไม่มีอะไรให้โชว์ ผมไม่ได้มีประกาษณียบัตรอะไร ไม่มีรูปตอนรับปริญญาที่น่าภูมิใจมาแขวน ไม่รู้จะโชว์อะไรในบ้าน ก็เลยบอกเขาไม่ต้องทำมาถ้าไม่ได้เป็นความจำเป็นด้านการออกแบบ
ห้องแต่งตัวกับห้องแต่งหน้าระบุไปว่าต้องการตู้เสื้อผ้า 8เมตร จะได้ไม่เบียดกันครับเสื้อผ้าผมกับภรรยา แต่ผมไม่ชอบแบบตามสมัยนิยมที่เป็นกระจกสีชามองเห็นเสื้อผ้าด้านในแบบนั้น เวลาผมไปเดินดูตามที่เขาจัดไว้ออกแบบไว้ก็สวยดี แต่ผมมานั่งคิดแล้ว แม่บ้านผมต้องไม่ได้จัดเสื้อผ้าโดยการเรียงสีได้แบบที่เวลาเขาโชว์แน่ ไหนจะเรื่องการเรียงไม้แขวนเสื้ออะไรพวกนี้อีก ผมก็ไปดูตามรีวิวส่วนใหญ่ภาพมันจะแวบๆมาเห็นมา พออยู่จริงก็เรียงกันมั่วใช้ได้ ผมเลยเอาแบบตู้ปกติ
ห้องทำงานผมชั้นล่างที่ผมโดนคุณพ่อเอาไป ผมก็เลยต้องมานั่งทำงานชั้นนี้แทนครับ ตอนแรกจะเป็นห้องฟิตเนส ตอนนี้ก็เลยต้องเป็นห้องทำงาน + ห้องเต้นแอโรบิกแทน กระจกบานใหญ่ที่เห็นนี่เอาไว้ให้ภรรยาเต้นครับ เธอชอบออกกำลังกาย ช่วงก่อนย้ายบ้านมานี่เธอสามารถออกกำลังกายได้วันละไม่ต่ำกว่า 1ชม. ได้เป็นจำนวน 400กว่าวันติดต่อกัน..ผมละอึ้ง ตรงกลางเป็นกระจก อีกด้านเป็นส่วนผมนั่งทำงาน
ถัดจากห้องนอนผมขึ้นมาอีกชั้นนึง จริงๆชั้นนี้มีทั้งหมด 3ห้องนอน แต่ผมให้อินทีเรียเขาทำแค่ห้องเดียวครับ อีกสองห้องผมเก็บเอาเป็นห้องเก็บของไปก่อนเพราะยังไม่รู้จะใช้ทำอะไรครับ ส่วนนี้เรียกว่า "ห้องนอนแขก" ผมเตรียมไว้สำหรับแขกผู้มาเยือนโดยเฉพาะครับ พี่น้องผมบ้าง เพื่อนบ้าง เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ผมให้อินทีเรียออกแบบยืดหยุ่นกว่าห้องนอนผมเยอะ บอกเขาให้เหมือนรีสอร์ทหน่อยๆ ตู้เสื้อผ้ามีนิดเดียวก็พอเลยได้ห้องนั่งเล่นแขกมาอีกห้องหนึ่งแทนตู้เสื้อผ้าไปเลยครับ
รูปช่วงการออกแบบ 3D ก็มีเท่านี้นะครับ ต่อไปจะเป็นรูปช่วงการก่อสร้างจริง
พอถึงช่วงก่อสร้างของการบิ้วอินตกแต่งภายในบ้านนี่ผมกับมึนตึ้บเลยทีเดียว เพราะผมไม่รู้ว่าเขาใช้ไม้ใช้ข้าวของมีมาตรฐานให้ผมตามสมควรไหม ต้องเล่าก่อนว่าที่ตัดสินใจใช้อินทีเรียออกแบบเจ้านี้ ส่วนหนึ่งเพราะเขายืดหยุ่นกับความต้องการของผม เนื่องจากบ้านผมถือว่ามีขนาดพื้นที่อยู่พอสมควร 475ตร.ม. เขาก็อธิบายให้ผมฟังถึงการใช้วัสดุว่าตรงส่วนไหนจัดเต็ม ตรงไหนไม่ต้องจัดเต็มก็ได้ เช่น แม้ส่วนใหญ่ที่เป็นหินภายในบ้านจะเป็นหินจริงเกือบทั้งหมด แต่ก็มีบางส่วนเล็กน้อยที่เป็นลามิเนตลายหินหรือหินเทียมบ้างในส่วนที่ใช้ตาดูอย่างเดียว ไม่ได้เอามือไปจับ
ภรรยายืนในโถงรับแขกกับแผงบิ้วอินที่ทำชิดเพดานด้านบนสูง 7 เมตร
ภรรยายืนหน้าแผงทีวี ซึ่งพอเขาขึ้นโครงไม้ ผมก็สงสัยกับภรรยาว่าต้องเอาทีวีจอกี่นิ้วมาวางถึงจะพอดีกับแผงนี้
ภรรยายืนกับตู้ครัวเฉพาะส่วนด้านบน ซึ่งตู้สูงกว่าตัวภรรยาได้อีก
ภรรยายืนอยู่บนผนังตกแต่งฝ้าส่วนห้องทานอาหาร กว้างจริงแผงนี้ ภรรยาเหลือตัวนิดนึง
ตอนที่เขามาทำบิ้วอินในบ้านเนี่ย อย่างที่เล่าให้ฟังด้านบนคือผมก็ดูไม่ออกว่าเขาทำได้ตามมาตรฐานหรือไม่ ผมเองก็พยายามโดยการมาเสิร์ชข้อมูลทำการบ้านว่าตัวโครงไม้ตามปกติต้องหนากี่ มม. ต้องห่างกันกี่ มม. แล้วผมก็ไปวัดหน้างานอีกทีว่าได้มาตรฐานหรือยัง แต่ด้วยความไม่แน่ใจ ผมจึงตัดสินใจจ้างมัณฑนากร มาตรวจงานบิ้วอินโดยเฉพาะอีกคนหนึ่ง
ผมถือว่าเป็นการซื้อความสบายใจครับ ในสัญญาผมกับมัณฑนากรที่จ้างแยกมา เขาจะมาตรวจให้เป็นรอบๆ ประมาณสิบวันครั้งหนึ่ง และก่อนการส่งมอบงานเพื่อเบิกเงินจากอินทีเรียด้วย ในเมื่อบ้านเราเสียเงินตกแต่งไปตั้งมากมาย การจ้างมืออาชีพมาทำงานแทนเราเพื่อคอยตรวจสอบความเรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง ผมถือว่ายอมรับได้นะครับ ถึงแม้ว่าบริษัทอินทีเรียจะมีโฟร์แมนคอยคุมงานอยู่แล้วทุกวัน แล้วก็ยังมีโปรเจ็กต์เมเนเจอร์ของบริษัทเข้ามาอีกสัปดาห์ละสองครั้ง รวมถึงตัวผมเองก็เข้าไปเกือบจะทุกวัน ผมก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เพราะคนของฝ่ายเราก็มีผมคนเดียว ซึ่งก็ดูงานไม่เป็น เพราะงั้นถ้าใครจะตกแต่งบ้านแบบเยอะๆหน่อย หาคนตรวจงานการตกแต่งภายในแบบผมมาอีกคนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีครับ
ระหว่างช่างทำโครงกรุผนังในห้องนอนผมกับภรรยา
ภรรยายืนแอ็กชั่นกับโครงไม้ตู้เสื้อผ้า
ระหว่างทำโครงกรุผนังในห้องนอนแขก ถ้าสังเกตตรงนี้จะเห็นว่ามีเสาปูนอยู่สองต้น เขาเลยกรุผนังทำเป็นตู้มาบังเสาสองต้นนี้ ซึ่งเสานี้ที่ห้องนอนผมก็มีต้นนึงเช่นเดียวกัน ก็ใช้วิธีคล้ายๆกันคือกรุผนังเป็นตู้โชว์ขึ้นมาแทน ก็อย่างที่ผมบอกตอนแรกว่าทั้งบ้านผมไม่มีให้อะไรให้โชว์เลย ถ้าจะมีก็ให้มีเท่าที่จำเป็น ที่จะเป็นตู้โชว์ก็เลยจะเป็นในห้องนอนสองห้องนี่เองครับ หยวนไป
การตกแต่งภายในบ้านผมโชคดีอยู่อย่างคือ ช่างผมไม่ค่อยอู้ เพราะผมเองก็เข้าไปที่บ้านแทบจะทุกวันที่ไม่ติดงานครับ ถ้าไม่ใช่เป็นช่วงพักเที่ยงถึงบ่ายโมงตรง ไม่เคยเจอนั่งอู้งานกันนะ ซึ่งเรื่องนี้สำหรับผมสำคัญมากเลยล่ะ เพราะผมเองก็เคยตกแต่งที่อื่นมาก่อนหน้านี้บางทีเราไปดูหน้างานทีไร เห็นช่างมันนั่งเล่นโทรศัพท์ทุกที ขนาดเจ้าของบ้านไปดูงาน ยังไม่ค่อยจะทำงานกันเลย ผู้รับเหมาก็เข้างานบ้างไม่เข้าบ้าง ถ้าผู้รับเหมาไม่เข้าหน้างานนี่รับประกันได้เลยว่าต้องเห็นช่างบางคนไม่ได้ทำงานอยู่แน่ๆ
ยังดีที่การตกแต่งบ้านครั้งนี้อาจจะด้วยบริษัทตกแต่งภายในบ้านนี้ทำงานกันค่อนข้างดีมีมาตรฐานครับ ถึงไม่เคยเจอช่างอู้งาน หรือช่างไม่เข้างานเลย
ภาพรวมช่างห้องรับแขก มองจากช่วงบันใดออกไปหน้าบ้าน แผงทีวีด้านซ้าย แผงตกแต่งด้านขวามือ
ระหว่างกรุผนังในบ้าน พวกตู้ก็ทยอยทำไปด้วยทั้งที่หน้างานและโรงงาน
ห้องน้ำใต้บันใดเดิมทีมันธรรมดาไปหน่อย ผมกลัวว่าแขกมานั่งอุจจาระแล้วจะไม่รัญจวนใจ ห้องนี้คือทุบทำใหม่ทั้งหมด
ช่วงระหว่างดูการสร้างไปแต่ละห้อง ไม่ค่อยมีอะไรบรรยาย เล่าเรื่องบ้านให้ฟังเล็กๆน้อยๆแล้วกันนะครับ เผื่ออีกหน่อยเพื่อนสมาชิกจะไปซื้อจะได้เปรียบเทียบแต่ละแบรนด์กัน อย่างบ้านผมนี้ถือว่าเป็นดีเวลอปเปอร์ชื่อไม่ดังนะครับ โลคอลอยู่แถวนี้แหละ ตอนที่ผมไปดูบ้านอย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าผมไปมาเป็นหลายสิบโครงการทั้งแถวบ้านเดิมผม ทั้งเวลาผมไปทำงานที่อื่นมีเวลาผมก็แวะเข้าไปดูหมด
อย่างของบ้านผมเอง ตอนที่ผมเข้าไปดูครั้งแรก เขาก็บรรยายสรรพคุณมาเพียบ เช่น ผนังบ้านก่อด้วยอิฐแดง 2ชั้น โดยตรงกลางเป็นฉนวนกันความร้อน หลังคามุงด้วยกระเบื้อง SCG รุ่น Excella มีใบรับประกันให้ ซึ่งตรงส่วนนี้เท่าที่อยู่มาหลังคาที่ให้ SCG มามุงให้นี่ก็ไม่มีน้ำรั่วมาเลยนะครับ หน้าต่างทั้งหมดในบ้านก็เป็น uPVC ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่เจอน้ำรั่วน้ำซึมมาตามขอบหน้าต่างเลยเช่นกัน
กรุผนังที่บริเวณห้องทานอาหาร
ฝ้าตกแต่งบนห้องทานอาหารที่ภรรยาเคยขึ้นไปยืนตอนแรก เอากระจกสีชาทองมาติดแล้วครับ
โครงการเขาบอกว่า ชื่อเขาไม่ดัง ถ้าเขาไม่ให้ของดี ก็ไม่มีคนมาซื้อบ้านเขา ซึ่งผมฟังแล้วก็น่าจะจริง เพื่อนสมาชิกหาซื้อบ้านอยู่อย่ามองข้ามบริษัทโลคอลในทำเลที่เราจะไปซื้อนะครับ อาจจะได้ของดีราคาย่อมเยาว์หน่อยก็ได้
กรุผนังห้องคุณพ่อ
ตู้ครัวส่วนด้านบนที่ให้ทำเพิ่มให้เหมือนที่โครงการให้ส่วนด้านล่างมา ยกขึ้นไปตั้งแล้วแต่ยังไม่ได้แขวน
ลืมเล่าให้ฟัง ก่อนที่เขาจะเริ่มทำงาน อินทีเรียเขาจะมาโพรเท็คพื้นทั้งบ้าน โดยการเอาบับเบิ้ลมาปู แล้วเอาไม้อัดมาวางทับอีกที ส่วนพวกของอื่นๆที่โครงการให้มาก็จะห่อหุ้มไว้ให้หมด
ลืมเล่าให้ฟังอีกเรื่องหนึ่ง อย่างอินทีเรียหลังจากที่ออกแบบ 3D เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะมานั่งคุยกับเราโดยมาพร้อมกับแผ่นพรีเซ้นต์ ประมาณ 1x1เมตร เอามาให้ผมดูว่าวัสดุในบ้านจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง โดยแปะมาในแผ่นอย่างละนิดหน่อย ทั้งหิน ม่าน วอลล์เปเปอร์ โมเสค กระจก วัสดุปิดผิวต่างๆ ให้ดูแนววัสดุดูโทน ซึ่งผมคิดว่าเป็นประโยชน์มากเลย เอามาวางพร้อมกัน เราก็ดูได้ว่าอันเข้าพวกไม่เข้าพวกตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน
รูปที่เอามาลงจะเป็นรูปจากข้างล่างขึ้นชั้นบน โดยแต่ละรอบจะเป็นประมาณการส่งงานเพื่อเบิกเงินแต่ละงวดนะครับ
ห้องนอนผมกับภรรยาต่อไปเรียก มาสเตอร์เบดรูม ทุบผนังเดิมออกแล้วกรุใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ตู้เสื้อผ้า
ห้องนอนมาสเตอร์ จะเห็นว่าช่องหน้าต่างกับที่เขากรุผนังมันจะเหลื่อมๆ เพราะผมดันอุตริอยากได้เตียงนอนไซส์อเมริกันคิง มันก็เลยใหญ่กว่าปกติ ช่องเปิดปิดแสงตรงนี้เลยเหลื่อมกับหน้าต่างเดิมครับ แต่พอเสร็จแล้วตรงนี้ที่จริงแทบจะปิดไว้ตลอด เว้นแต่ละเวลาอยากรับแสงค่อยเปิดออกได้เป็นบานสไลด์
อีกด้านของห้องนอน กรุผนังปิดเสาด้านขวามือไปเรียบร้อย ส่วนด้านซ้ายกำลังกรุผนังทีวี
ห้องทำงานกำลังขึ้นโครงไม้สำหรับกระจกบานใหญ่ไว้ให้ภรรยาเต้น
ห้องนอนแขกกรุผนังตู้ปิดเสาสองต้นไปเรียบร้อย ส่วนตรงกลางนั้นจะกลายเป็นเดย์เบด
ด้านซ้ายกรุผนังทีวี ขึ้นโครงเรียบร้อย
ห้องนั่งเล่นแขกกรุผนังเรียบร้อย ดูทะมึนเหลือเกินตอนนี้
โครงตู้เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำของห้องนอนแขก
เดี๋ยวผมจะเล่าไปเร็วๆ หน่อยนะครับ หลังจากขึ้นโครงเรียบร้อยแล้วก็เริ่มติดคิ้วตามผนังตกแต่ง
ฝ้าตกแต่งที่ครั้งก่อนติดกระจกไปแล้วก็ถูกนำขึ้นไปติดตั้งบนเพดานเสียที
พวกตู้ต่างๆเริ่มทำสีรองพื้น แต่ก็ยังมีตู้อีกมากรอการประกอบ
ตู้ด้านบนห้องครัวถูกนำขึ้นไปติดตั้งเรียบร้อย
ช่วงบันใดติดโครงกล่องบังม่าน
ห้องมาสเตอร์เบดรูม เริ่มติดตั้งบัวพื้น
ห้องแต่งตัวเริ่มติดตั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า กล่องบังม่าน
ประตูจากห้องนอนสู่ห้องทำงาน กรุผนังเรียบร้อยพร้อมติดตั้งกล่องบังม่าน
บันใดชั้นบน บังม่านชั้นนี้ทำเป็นหลุมขึ้นไป
ห้องนอนแขก เริ่มพ่นสีรองพื้น
เปลี่ยนสีซับวงกบประตูใหม่ทั้งหลังด้วยครับ เริ่มทำสีใหม่
ห้องคุณพ่อ เริ่มติดตั้งตู้และคิ้วเพดาน
ผนังตกแต่งห้องรับแขก ติดตั้งกระจกสีชาทองเรียบร้อย
สังเกตตรงทางเดินขึ้นบันใด จะมีโครงไม้อยู่ ตรงนี้จะถูกปิดด้วยกระจกลายผ้า
ห้องทานอาหาร เริ่มพ่นสีจริง
ห้องคุณพ่อ เริ่มปิดผิวตู้เสื้อผ้า พร้อมเริ่มลงสีจริงที่ผนังตกแต่ง
ห้อง powder room ต่อไปเรียกห้องน้ำแขก เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ขึ้นโครงสร้างเรียบร้อย รอการปิดผิว
ห้องน้ำมาสเตอร์เบดรูม อ่างจากุชชี่มีอยู่แล้วครับ ทำผนังช่วงกระจกเพิ่มเติมหน่อยหน่อย อ่างล้างมือเดิม ปิดตู้ด้านล่างนิดหน่อย
ห้องแต่งตัวและโต๊ะเครื่องแป้งมาสเตอร์เบดรูม เริ่มพ่นสีจริง
เริ่มพ่นสีจริงห้องมาสเตอร์เบดรูม
ภาพรวมครับ ห้องนอนตรงกลาง ด้านขวามือในภาพเดินออกห้องทำงาน ด้านซ้ายไปห้องแต่งตัวกับห้องน้ำ
ห้องทำงานเริ่มประกอบตู้พร้อมปิดผิวตู้หลังโต๊ะทำงาน
ห้องทำงานเริ่มพ่นสีจริง
ตามโถงบันใดติดตั้งซับวงกบหน้าหน้าต่างทั้งหลัง พร้อมพ่นสีจริง
ห้องนอนแขกก็เริ่มลงสีจริงแล้วเช่นเดียวกัน
โถงรับแขกเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้วครับ ติดตั้งหินจริงตรงแผงทีวีเรียบร้อยแล้ว
ไฟตกแต่งฝ้ากระจกเริ่มมาแล้ว มีสีสันมากขึ้นหน่อย
ห้องครัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว ทำสีเรียบร้อย ติดตั้งฮูดดูดควันเรียบร้อย นี่ผมไปซื้อฮูดดูดควันตามรีวิวในพันทิปเลยนะครับเนี่ย เห็นตอบๆกันว่ารุ่นนี้ดี บอกว่าดูดกลิ่นปลาเค็มได้
ความคืบหน้าห้องมาสเตอร์เบดรูมครับ ผนังตกแต่งด้านนอกเสร็จแล้ว
ในห้องนอนติดตั้งแผงทีวีรอติดตั้งหินจริง ส่วนบนตู้เตี้ยติดตั้งหินจริงเรียบร้อยแล้ว ชั้นกระจกวางแล้ว พ่นสีเรียบร้อย
ห้องทำงานติดตั้งกระจกเรียบร้อย อยากทดสอบว่าถ้าภรรยามาเต้นหน้ากระจกวิวเป็นไง สรุปได้ด้านหลังเป็นต้นไม้เขียวๆเลยละ แต่ตอนนี้กระจกมัวหน่อยนะ
ห้องนอนแขกเกือบเสร็จแล้ว พ่นสีติดคิ้วสแตนเลสสีโรสโกลด์ โครงเตียงพร้อมทำสีวางรอแล้ว
ห้องน้ำในห้องนอนแขกติดตั้งกระจก แปะโมเสคเรียบร้อย อ่างแช่น้ำมีมาจากโครงการครับ
ติดตั้งแชนเดอเลียกับวอลเปเปอร์ครับ ผมเห็นช่างติดวอลเปเปอร์แล้วคิดว่ามาเชิดสิงโต ต่อตัวกันซะ
สนามหญ้ารอบบ้านครับ อย่างที่เคยแจ้งไว้แต่แรกว่าไม่ชอบต้นไม้ ไม่อยากดูแล ผมก็เลยไปให้ SCG Landscape มาจัดการปูเป็นบล็อกตัวหนอนผสมกับหญ้าเทียมให้ โดยไอเดียก็มาจากรีวิวในพันทิปนี่แหละครับ แต่การติดต่อกับ SCG นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เริ่มแรกผมไปติดต่อที่ SCG Experience ที่ตรง CDC แล้วเขาค่อยส่งเรื่องมาให้ที่ SCG Home Solution ใกล้ๆวงเวียนพระราม 5 จากนั้นที่นี่ถึงค่อยประสานงานกับ SCG Landscape เพื่อเข้ามาวัดพื้นที่และออกแบบ ส่วนตรงโฮมโซลูชั่นเป็นฝ่ายขายของ
เมื่อต้องติดต่อหลายฝ่ายมันก็เลยช้าครับ รวมหมดนับจากติดต่อเริ่มแรก ใช้เวลาเกือบ 7เดือน ถึงได้เริ่มติดตั้ง แต่ผลงานก็ออกมาดีครับ ดูแลหลังการขายดีอยู่ สวย จบ แพง ส่วนแท้งค์น้ำจากใต้ดิน ผมก็เลยเอาขึ้นมาบนดินเรียบร้อย
ดูรูปกันยาวๆโพสเดียวสำหรับเรื่องนี้ครับ
เอาล่ะครับ รูปขั้นตอนการทำงานก็จบเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นรูปที่ตกแต่งภายในเสร็จเรียบร้อย
ผมก็ตื่นเต้น
ก่อนเริ่มทำ เท่าที่ผมดูรีวิวมานะ ส่วนใหญ่รูป 3D จะสวยมากเลย แต่พอเป็นรูปเป็นร่างทำเสร็จขึ้นมาจริงๆ ความสวยเทียบกับใน 3D ผมให้ประมาณ 20-30% เท่านั้นอะ ผมก็กลัวบ้านผมจะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน ก็พยายามหาเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาจัดวางให้ไม่หลุดธีมเต็มที่ โดยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวทั้งหมด สรุปว่าผมไปเลือกเองทั้งนั้น ไม่ได้ไปเลือกกับอินทีเรียเลย
พร้อมแล้วโพสหน้าไปชมบ้านหลังตกแต่งภายในเสร็จเรียบร้อยกันครับ
จากหน้าบ้านก่อนเลย สรุปว่าผมเปลี่ยนประตูหน้าบ้านใหม่ ไม่ได้ถ่ายรูปเดิมเก็บไว้ครับ แต่เปลี่ยนให้บานใหญ่กว่าเดิม ใช้เป็นโครงไม้สักปิดผิวด้วยไม้อัดสัก พอเปลี่ยนแล้วก็ดีครับ รู้สึกดี บานใหญ่ดีครับ ตัวภรรยาผมก็สูงได้ประมาณครึ่งประตู
ภาพรวมห้องรับแขกที่ผมกับภรรยาชอบเรียกชื่อเล่นว่า ล็อบบี้
ด้านฝั่งผนังทีวีสรุปใช้ทีวี uhd 82นิ้ว เพราะเท่าที่เขามีขายกันถ้าใหญ่กว่านี้ก็จะแพงกว่านี้มาก ก็เอาเท่านี้พอครับ เทียบสัดส่วนกับในสามมิติแล้วทีวีจริงดูเล็กกว่าการออกแบบนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าหยวนๆไปละกัน ส่วนในห้องนอนผมใช้เป็น QLED 65นิ้ว เท่าที่ผมลองดูภาพยนตร์ 4k ผ่านทีวีทั้งสองเครื่อง ความเห็นส่วนตัวคิดว่าจอใหญ่ให้ความสะใจมากกว่าเยอะพอสมควรครับ แม้ตัวทีวี QLED จะมีสเป็คที่สูงกว่าก็ตาม ทุกวันนี้เวลาดูซีรี่ส์ก็จะดูในห้องนอน แต่ถ้าอยากดูภาพยนตร์ก็มักจะมาดูที่ห้องรับแขกนี่เอง
พรมในบ้านเลือกอยู่นานเหมือนกัน สุดท้ายไปได้พรมจากร้านใน CDC ร้านเดียวกันทั้งบ้านเช่นเดียวกัน พรมก็จะวางอยู่ตามชุดโซฟาและเตียงนอน ซึ่งผมคิดว่าพรมเป็นส่วนที่เติมเต็มความสวยงามให้แต่ละห้องได้ดีทีเดียว
แชนเดอเลียไปเจอร้านที่รูปแบบใกล้เคียงกับในภาพออกแบบมากๆ แต่เพดานบ้านผมสูงมาก ก็เลยต้องสั่งทำใหม่แล้วให้ร้านแชนเดอเลียคำนวนสัดส่วนที่เหมาะสมให้ครับ ซึ่งก็เช่นเดียวกับแชนเดอเลียที่บริเวณโต๊ะทานข้าวเช่นเดียวกันที่ต้องสั่งทำเพื่อขยายขนาดขึ้นมาครับ ตอนติดตั้งภาพด้านบนออกมาอย่างกะแมงกะพรุน แต่พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ดูสวยดีครับ
รูปโถงรับแขกแนวตั้งให้เห็นแชนเดอเลียหน่อย ที่เป็นช่องแสงด้านบนติดตั้งม่านไฟฟ้าไว้ครับ ถ้าอยากรับแสงก็เปิดเต็มที่เลย ไม่อยากรับแสงก็กดรีโมทเอา สะดวกดีครับ โดยที่ห้องทำงานก็ทำเป็นม่านไฟฟ้าแบบนี้เช่นเดียวกัน ส่วนม่านไฟฟ้าทั้งสองห้องนี้ผมคิดว่าได้ใช้ประโยชน์ คุ้มค่าแล้วที่ทำเป็นระบบนี้เนื่องจากพอเราไม่ต้องเสียเวลาชักรอกเองก็ทำให้ได้ใช้เลื่อนขึ้นลงบ่อยๆเพื่อให้ได้สภาพแสงและวิวตามที่เราต้องการ
ผนังทีวีใช้หินจริงเดินคิ้วสแตนเลสโรสโกลด์กับกระจกสีชาทอง หน้าตู้เตี้ยด้านล่างปิดหน้าด้วยกระจกลายผ้า จะได้ไม่เอาต้องเอาพวกกล่องต่างๆเกี่ยวกับทีวีมาวางที่ด้านบนครับ ใช้เป็นกระจกลายผ้า รีโมทกดผ่านเข้าไปได้เลย แต่มองด้วยตาเปล่าไม่รกดี ถ้าสังเกตที่บริเวณแผงทีวีของทุกจุดในบ้านดังรูปที่เสนอจะเห็นได้ว่าบริเวณรอบทีวีจะแทบไม่ให้สายไฟของเครื่องต่างๆ ทั้งพวกกล่องทรูหรือกล่องนั้นนี้ให้เห็นปะทะสายตาเลย รวมถึงพวกสายแลนและปลั้กเสียบทีวีด้วย
ภาพรวมด้านผนังทีวีสีม่านกับสีวอลเปเปอร์เลือกให้ไปในโทนเดียวกัน
เทียบสัดส่วนภรรยากับผนังทีวี
โต๊ะกลางกับที่วางรีโมททีวี โต๊ะกลางได้มาจากร้านเฟอร์นิเจอร์ชุดเดียวกับโซฟาภายในบ้านและเตียงนอนในมาสเตอร์เบดรูม ถาดวางรีโมทกับอุปกรณ์ตกแต่งบางส่วนได้มาจากร้านที่ไปออกบู้ทที่งานบ้านและสวน
ภาพรวมอีกด้านนึงครับ ด้านนี้ที่ทำสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน ตรงกลางเป็นซุ้มหินปิดหน้าบานด้วยกระจกสีดำจับขอบด้วยสแตนเลสโรสโกลด์ ส่วนตู้ด้านข้างซ้ายขวาเป็นตู้ไม้สีพ่นออกสีงาช้าง ของประดับด้านบนตู้และซุ้มหิน อินทีเรียแนะนำให้หาของมาวางแต่แรกอย่าปล่อยโล่ง เพราะถ้าปล่อยโล่งเวลาแขกมาเดี๋ยวเขาจะเอากระเป๋าเอาของมาวางเอาไว้ เลยได้ของพวกชิ้นเล็กๆมาวางบางชิ้นผมไปเดินเลือกมาเอง และบางส่วนไปเดินกับอินทีเรีย และดอกไม้ที่จัดโดยดีไซน์เนอร์ดอกไม้ที่จัดวางให้ทั้งบ้าน
มุมเช็คอินครับ เวลามีแขกมาเยือนมักจะมาถ่ายรูปเช็คอินกันที่มุมนี้
กรอบรูปที่เห็นอยู่ในบ้านทุกกรอบ จริงๆผมไม่ได้เลือกมาวางเองนะ ตอนแรกจะให้ชั้นล่างทั้งชั้นไม่ให้มีรูปเจ้าของบ้านเลย เพราะเดิมทีวิธีคิดผมคืออยากให้แขกได้เข้ามาในบ้านทำตัวตามสบายโดยเหมือนอยู่ห้องนั่งเล่นที่ไม่มีเจ้าของบ้าน
ไฟกิ่งติดผนังตอนแรกจะเอาสีขาวแต่ดูแล้วที่จริงทั้งบ้านโทนก็อบอุ่นอยู่แล้ว เลยเปลี่ยนใจใส่ไฟกิ่งสีตัดกันเข้าไปในบ้านหน่อย
ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ห้องรับแขกครับ กระจกลายผ้าแผงใหญ่ปิดบันใดทางขึ้นชั้นบนไปแล้ว เพื่อแยกห้องนี้ให้เป็นสัดส่วน ด้านหน้ากระจกมีคอนโซลชุดหนึ่ง ส่วนตรงกลางเป็นชุดโซฟาจัดแมตช์เอาเองให้ลงตัว พอดีผมดันไปเลือกตามความชอบของตัวเอง ไม่ได้ขอความเห็นอินทีเรีย ที่โซฟาตัวกลางสั่งทำหมอนเพิ่มมาสองใบเป็นอักษรย่อผมกับภรรยาเพื่อเป็นกิมมิคเล็กๆ ส่วนพวกดอกไม้ภายในบ้านทั้งหมดจ้างดีไซน์เนอร์ที่จัดดอกไม้มาดูแลให้ครับ
เพิ่มเติมเรื่องการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ผมคิดว่าถ้าเราจะตกแต่งบ้านเราแทบจะควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ไว้ตั้งแต่แรกเลยครับ เพราะในบางประสบการณ์ของคนที่ผมรู้จัก อินทีเรียออกแบบและใส่เฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วก็บิ้วอินไปจนเสร็จ จากนั้นอินทีเรียบอกให้หาเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาวางแต่ดันหาไม่ได้ทั้งเจ้าของบ้านและตัวอินทีเรียเอง ทำให้งานจบออกมาแบบไม่ลงตัวเท่าใดนัก
อย่างของผมเองหลังจากที่เริ่มออกแบบแล้ว ผมก็เริ่มทยอยส่งข้อมูลของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวภายในบ้านที่ผมจะนำมาวางไว้ในแต่ละจุดโดยการส่งขนาดต่างๆ Dimension ไปให้อินทีเรียออกแบบให้ได้เข้ากันและออกมาพอดี
โซฟาชิ้นนี้คือเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวชุดแรกที่ผมตั้งใจจะนำมาวางไว้ในบ้าน เกิดจากช่วงที่ผมเดินดูเฟอร์นิเจอร์ไปเรื่อยๆ ทั้งตามงานแฟร์ ทั้งตามร้านที่เคยใช้บริการมาก่อน จนมาวันนึงไปเดินเล่นที่ CDC วันนั้นร้านเขาปิดด้วยครับ ผมไปยืนหน้าร้านแล้วก็มองโซฟาชิ้นนี้อยู่นาน คิดว่าต้องสวยและต้องเข้ากับบ้านเรา ไม่นานวันต่อมาก็เลยชวนภรรยากลับไปดูอีกรอบ ภรรยาก็ชอบเช่นเดียวกัน ตอนนั้นยังออกแบบบ้านยังไม่เสร็จเลย แต่ผมก็แจ้งเขาไปเลยว่าจะมีโซฟาชุดนี้วางอยู่ที่ห้องรับแขกครับ
แต่โซฟาชุดนี้ในไทยมีแบบก๊อปปี้อยู่เยอะเหมือนกัน ถ้าใครชอบก็ไปหาของแท้มานั่งดีกว่าครับ จะได้ไม่รู้สึกผิดในใจ
ของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมถึงโคมไฟได้มาจากงานบ้านและสวนแฟร์ ส่วนหนังสือได้มาจากห้องเก็บของบ้านเดิม
แถมรูปภรรยาในอริยาบถต่างๆภายในบ้านครับ ทุกวันนี้เวลาวันหยุดภรรยาผมอยู่ติดบ้านมาก แทบไม่อยากออกไปเที่ยวไหนเลย แถมยังขยันทำอาหารให้สามีทานอีกต่างหาก ชีวิตภรรยาผมค่อนข้างผ่านอะไรมาเยอะ ก่อนหน้าที่จะมาอยู่บ้านนี้เธอต้องย้ายบ้านมาแล้วถึง 16ครั้ง เธออยากให้บ้านหลังนี้เป็นการย้ายบ้านครั้งสุดท้ายครับ
แล้วก็เรื่องจัดดอกไม้ด้านบนขยายความนิดนึง ที่ต้องให้ดีไซน์เนอร์มาจัดวางให้เพราะผมคิดว่าผมเองไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ต้นไหนเป็นต้นอะไรก็ไม่รู้จัก ไม่รู้จะไปจัดยังไง ไปเดินหาซื้อก็มึนเลือกไม่ถูก ก็เลยเลือกใช้วิธีนี้ครับ โดยส่วนตัวผมชอบอยู่ ผมคิดว่าเขาทำงานได้มืออาชีพ จัดวางลงตัวดีครับ
ภาพรวมห้องทานข้าวครับ ทั้งกลางวันและมื้อค่ำเลย ในส่วนโต๊ะทานข้าวตอนแรกว่าจะใช้หินจริง แต่คิดไปคิดมาห่วงเรื่องการดูแลรักษา ก็เลยใช้เป็นหน้าผิวเรซิ่นแทนครับ ก็ดูแลรักษาง่ายดี ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะตกแต่งบ้านก็ต้องดูให้ดีนะครับ อย่างบ้านผมเองส่วนใหญ่พวกหน้าท็อปตามโต๊ะต่างๆ เป็นหินจริงเกือบหมด บางทีเราเผลอเอาอะไรไปวางไว้ถ้าน้ำยาหรืออะไรหยดใส่หินนี่ก็ซึมลงไปในหินจริงๆเลยนะ หินจุดนั้นก็เปลี่ยนสีไปเลย
เสริมเรื่องแอร์ภายในบริเวณชั้นล่าง ในโซนรับแขกกับทานอาหารนี่ผมติดแอร์รวมกันทั้งหมดเกิน 1แสนบีทียู เลยนะครับ เพราะตอนที่ช่างแอร์มาคำนวณพื้นที่ เขาคำนวณพื้นที่ตั้งแต่พื้นจดบนเพดาน แต่ผมเลือกที่จะไม่ติดแอร์สี่ทิศทางในบ้านเลยเพราะว่าต้องไปติดบนเพดานผมกลัวว่ากว่าแอร์จะเย็นมาถึงตัวจะใช้เวลานาน อินทีเรียเลยให้ติดแอร์อยู่ที่ประมาณกลางห้อง พอได้มาอยู่จริงๆปรากฏว่าแทบไม่เคยต้องเปิดแอร์แรงๆเลย เพราะแอร์แต่ละตัวก็แรงเหลือเกินขนาดเปิดแค่เบาๆ แล้วความเย็นก็กระจายตัวตามพื้นที่ๆเราอยู่ดี เพราะความเย็นลอยลงล่าง ความร้อนขึ้นข้างบน รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้ติดแอร์เบาลงกว่านี้นิดนึงก็ได้
เรื่องโต๊ะทานข้าวนี่มีเรื่องเล่าครับ ตอนที่ผมตกแต่งบ้าน พี่สาวบอกว่าดีใจมากที่น้องได้มีบ้านเดี่ยวเสียที เพราะในครอบครัวผมตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้มีโต๊ะทานข้าวในบ้านเลยครับ ทุกวันนี้แม่ผมเองก็ยังนอนอยู่บ้านเช่า(คุณแม่บอกแก่เมื่อไรจะไปอยู่กับพี่สาวครับ) ผมเองก็ทานข้าวหน้าคอมตลอด สำหรับผมตอนนี้การได้นั่งทานข้าวที่โต๊ะทานข้าวในบ้าน โดยเป็นอาหารที่ภรรยาทำให้ นับเป็นความสุขที่สุดในชีวิตเลย ส่วนภรรยาเองก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้ชอบทำอาหารมากครับ เพราะบ้านเดิมที่เราอยู่กันนั้นไม่มีครัว ทุกวันนี้ผมเห็นเธอนั่งดูสูตรทำอาหารในยูทูปแล้วนั่งจดตาม ผมสัญญากับตัวเองไว้เลยว่าภรรยาทำอะไรให้ทาน ผมก็จะบอกเธอว่าอร่อยมาก ซึ่งเป็นคำพูดที่เป็นความจริงทุกประการ
มื้อแรกในบ้านหลังนี้ภรรยาทำให้
มื้อที่สองในบ้าน วันนั้นรุ่นน้องมาหาพอดี เลยถ่ายรูปตอนแฟนมาเสิร์ฟอาหารให้ครับ
รูปห้องครัวก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่บอกให้เขาเติมส่วนท่อนบนขึ้นมาเท่านั้นเอง(นับตั้งแต่โมเสค) นอกนั้นก็หาอะไรมาวางให้พอทำอาหารทานกันสองคนได้ เสร็จแล้วออกมาแบบนี้ครับ
ภรรยานึกเมนูอาหาร
ห้องน้ำใหม่ที่ถูกเปลี่ยนโฉมจากห้องน้ำใต้บันใดครับ เพราะผมคิดว่าการอุจจาระของแขกเป็นเรื่องสำคัญ ผมจึงต้องทำให้แขกผมอารมณ์ดี แต่จริงๆแล้วโถนี่โถเดิมครับ แต่อ่างล้างมือทำขึ้นมาใหม่หมด ห้องน้ำห้องนี้นับเป็น destination สำหรับผู้มาเยือนโดยแท้จริงหลังจากที่ผมโพสรูปลงในเฟสบุ้คส่วนตัว เวลาใครมามักจะมาขอนอนในห้องน้ำ ทั้งที่ผมก็มีห้องนอนแขกให้นอนอยู่แล้วแท้ๆ
ห้องนอนคุณพ่อ ตกแต่งไม่มากครับ แต่สูงเหลือเกินเพดานห้องนี้ แลดูปลอดโปร่งโล่งสบายครับ ทุกวันนี้ท่านเริ่มติดใจ ชักมานอนบ่อยขึ้น ปกติท่านนอนอยู่ตึกแถวมาแทบจะทั้งชีวิต พอได้มานอนในบ้านเดี่ยวทำให้นอนหลับลึกในความเงียบ แถมยังมาพูดอีกว่าผมกับภรรยามานอนบ้านนี้ก็ไม่อยากกลับไปนอนบ้านเดิมแล้ว
ห้องนอนมาสเตอร์เบดรูมครับ รวมห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องทำงานด้วยก็ได้ขนาด 100ตร.ม.พอดีๆ อย่างที่บอกครับ พอเป็นห้องนอนเองก็ค่อนข้างตามใจตัวเอง เตียงก็เลยเลือกมาเองไซส์อเมริกันคิงส์ หัวเตียงอย่างเดียวสูงเกือบ 160cm ต้องลำบากไปสั่งตัดฟูกที่นอนอีก อินทีเรียก็งอนครับ บอกว่าอุตส่าห์กรุผนังทำออกมารับเตียง แต่โดนหัวเตียงบังไปเกือบหมด ผ้าปูที่นอนก็หาซื้อไม่ได้ ต้องไปใช้ของ ราฟล์ ลอเรน เปลืองเงินไปอีก ผ้าห่มใช้ของ Pasaya แบบ 1100เส้น เห็นภรรยาผมชอบจังเลยลื่นสบายระบายความร้อนดี โต๊ะหัวเตียงผมกับภรรยาไม่เหมือนกัน ชอบสองอันก็เอามาวางคนละฝั่ง สตูลปลายเตียงเอาไว้ให้ภรรยานั่งเล่นมือถือครับ ไม่อาบน้ำ ไม่ให้ขึ้นเตียง
ในบ้านจะมีรูปผมอยู่รูปเดียวคือในห้องนอนนี่แหละ ตอนวางบอกยื่นรูปให้ช่างบอกพี่จะรูปใครไว้ข้างบนก็แล้วแต่พี่เลย ผมไม่กล้าเอ่ยปากเองครับ ผนังทีวีกับท็อปหน้าตู้เตี้ยทีวีใช้หินจริง เว้นช่องตรงกลางปิดหน้าด้วยกระจกลายผ้าแบบเดียวกับชั้นล่าง จะกดรีโมทอะไรก็กดใส่กระจกลายผ้าทะลุเข้าไปด้านในได้เลยครับ ด้านบนโต๊ะไม่ต้องมองเห็นกล่องรุงรัง ไม่ต้องเห็นปลั้กเสียบทีวีและเครื่องเสียงอะไรทั้งสิ้น ชั้นวางของตู้โชว์ไม่ลืมที่จะใส่ขอบสแตนเลส์โรสโกลด์ปิดขอบเขียวของบานกระจก แชนเดอเลียทั้งในห้องนอนและในห้องแต่งตัว มาจากร้านเดียวกับชั้นล่างครับ
ไปดูห้องแต่งตัวกับโต๊ะเครื่องแป้ง ภรรยาผมเพลินเลยครับ โต๊ะเครื่องแป้งยาวร่วม 2เมตร วางเครื่องสำอางและเครื่องประทินผิวแล้วยังพอมีที่เหลือให้วางอย่างอื่นอยู่ กระจกบานใหญ่พร้อมติดตั้งไฟสำหรับแต่งหน้าและเซลฟี่โดยเฉพาะ กับตู้เสื้อผ้าสองคนรวม 8เมตร ที่ตอนนี้ยังดีว่าไม่เต็ม ส่วนอนาคตไม่แน่
ห้องน้ำทำเพิ่มนิดหน่อย เพื่อให้ภรรยาได้แช่อ่างจากุชชี่ที่มาจากโครงการอย่างมีความสุขครับ ส่วนทีวีโครงการเขาดันทำช่องใส่ทีวีมาให้แล้ว ผมก็เลยต้องเอาสมาร์ททีวีมาใส่ให้ภรรยาได้ดูละครตอนแช่น้ำพร้อมจุดเทียนหอมด้วย อ่างล้างหน้าเดิมทำกระจกกับโมเสคและไฟเพิ่มให้ส่องเห็นหุ่นหลังออกกำลังกายมาชัดๆหน่อย ระบบน้ำร้อนเดินท่อรอบห้องน้ำแบบเดียวกันทุกห้อง ทำให้ใช้น้ำร้อนทั้งจากอ่างล้างมือ อ่างจากุชชี่ และห้องอาบน้ำโดยใช้เครื่องทำน้ำร้อนชุดเดียวกันที่เก็บไว้ในตู้ใต้อ่างล้างหน้า ไม่ต้องโผล่มาให้เห็นข้างๆ Shower เติมบรรยากาศอีกเล็กน้อยด้วยแจกันดอกไม้
ห้องทำงานขนาด 30ตร.ม. เวลาผมนั่งทำงานหรืออย่างเขียนกระทู้ตอนนี้ก็ได้วิวที่ดี มองออกไปก็เจอแต่ต้นไม้ สบายตายิ่งนัก ถ้าแดดแรงก็ปรับม่านไฟฟ้าลงมาบังแดดได้ครับ ด้วยความเป็นกระจกรอบห้องเลยติดฟิลม์ลดความร้อนด้วย 3M คริสตัลไลน์อีกชั้นหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามผมก็มีโซฟาให้ภรรยามานอนสบตาตอนผมทำงาน ผมชอบให้ภรรยามานั่งเชียร์ผมทำงานครับ ถ้ามาเชียร์แล้วผมมีแรงฮึด บริเวณกลางห้องมีกระจกบานใหญ่มากให้ภรรยาได้เต้นตามยูทูปในสมาร์ททีวี พร้อมเสื่อโยคะ
ห้องนอนแขกครับ ห้องนี้รอผู้มาเยือนซึ่งส่วนใหญ่เป็นพี่สาว ตั้งใจให้บรรยากาศออกมาสบายๆมากกว่าห้องนอนมาสเตอร์เบดรูม มีเดย์เบดให้นอนเล่น และยังมีห้องนั่งเล่นให้แขกได้นั่งคุยกันอีกด้วย ตามชั้นกระจกจะไม่เห็นขอบเขียวๆของกระจกด้วยคิ้วสแตนเลสโรสโกลด์เหมือนในห้องนอนผมเอง เตียงใช้อินทีเรียบิ้วอินให้หัวเตียงกรุผนังบุผ้าจับขอบด้วยสแตนเลสโรสโกลด์เช่นเดียวกัน ส่วนโต๊ะข้างเตียงใช้ร้านเดียวกับชุดโซฟาในบ้าน ห้องนี้ถ้าไม่ค่อยมีคนมานอน อีกหน่อยจะเอาไปลง Air bnb ดีกว่า 555
ครบแล้วครับ บ้านผม ตอนบ้านเสร็จแล้วไม่มีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ก็เลยจัดแข่งฟีฟ่า ps4 ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ยินดีกับแชมป์งานขึ้นบ้านใหม่ด้วยครับ
วันแรกที่ไปนอนที่บ้านครับ กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ ถ้าไม่ได้ทั้งสองท่าน ผมคงไม่ได้มีวันนี้ ลาไปด้วยภาพนี้ ขอบคุณครับ
อัลบั้มภาพ 185 ภาพ