5 เทคนิคเลือกเมทัลชีทปูหลังคายังไง ให้เหมาะกับบ้านคุณ

5 เทคนิคเลือกเมทัลชีทปูหลังคายังไง ให้เหมาะกับบ้านคุณ

5 เทคนิคเลือกเมทัลชีทปูหลังคายังไง ให้เหมาะกับบ้านคุณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะสร้างบ้านหรือคนที่อยากปรับปรุงบ้านที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น คำแนะนำเริ่มต้นก็คงไม่พ้นที่ “หลังคา” ที่เป็นเหมือนมงกุฏของบ้าน เพราะนอกจากจะทำให้บ้านดูใหม่และสวยแบบมีสไตล์แล้ว หลังคาที่ดีจะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนให้คนอยู่ในบ้านรู้สึกเย็นสบายขึ้น ทำให้ประหยัดเรื่องการใช้เครื่องปรับอากาศ และยังช่วยกันลมฝน ป้องกันความหนาว ที่สำคัญหลังคาคือส่วนที่อยู่สูงสุดของตัวบ้าน ถ้าไม่ทำอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ หากเกิดปัญหาชำรุดหรือรั่วซึมจะแก้ไขได้ยาก อีกทั้งยังจะส่งผลลุกลามต่อเนื่องถึงส่วนอื่นในบ้าน

เลือกหลังคาบ้าน เลือกอย่างไร เลือกแบบไหนดี
หลังคามีหลากรูปแบบและหลายประเภทให้เลือกใช้ นอกเหนือจากจะเลือกให้ตรงตามความชอบ เหมาะกับดีไซน์ของบ้าน แนะนำให้เลือกที่มีความทนทานเพื่อจะได้ไม่ต้องปวดหัวกับการรื้อหลังคาออกแก้ไขใหม่ เพราะบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องสนุก!

หนึ่งในตัวเลือกของหลังคาที่น่าสนใจคือ “เมทัลชีท” เนื่องจากมีความทนทาน ราคาไม่สูงมาก ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา มีรูปแบบ และสีสันให้เลือกหลากหลาย หากแต่เวลาเลือกซื้อ เมทัลชีท ก็จะต้องเลือกซื้อสินค้าที่มีมาตรฐาน มีการรับประกัน และมาตรฐานมอก. เพื่อคุณจะได้มั่นใจอย่างเต็มร้อย ว่าหลังคาจะอยู่ปกป้องครอบครัวคุณได้ยาวนาน อย่าง BlueScope Zacs® ที่ถือเป็นเจ้าเดียวของไทยที่ได้รับ มอก. ถึง 2 ใบ (มอก. 2228-2559 และ มอก. 2753-2559) พร้อมมีการรับประกันสินค้าไม่ผุกร่อนถึง 12 ปี

และนี่คือ 5 เทคนิคที่คนคิดจะใช้หลังคาเมทัลชีทควรรู้ไว้ กับเคล็ดลับการเลือกหลังคาให้เหมาะกับบ้าน

  1. เริ่มต้นจากการเลือกรูปแบบลอนให้เหมาะกับความลาดชัน (Slope) ของหลังคาบ้าน เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ผู้ผลิตแต่ละที่จะมีข้อกำหนด ความลาดชัน (Slope) ของแต่ละลอนว่าควรใช้กับ ความลาดชัน (Slope) เท่าไหร่ ถ้าเลือกผิดก็อาจจะรั่วได้เพราะ ระบายน้ำไม่ทัน
  2. จากนั้นเลือกความหนา และลักษณะของลอนให้เข้ากับความห่างของระยะแป โดยถ้าระยะแปมีความห่างมาก ควรเลือกใช้ความหนาที่มากขึ้น
  3. เลือกเกรดของเหล็ก ซึ่งโดยปกติจะมีสองแบบ เกรดนิ่ม และ เกรดแข็ง ซึ่งก็เหมาะกับลักษณะงานที่แตกต่างกันคือ เหล็กเกรดนิ่มจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า จึงเหมาะกับงานที่ต้องการขึ้นรูปลอนให้มีลักษณะโค้งมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการแตกหัก ขณะที่เหล็กเกรดแข็ง จะมีความแข็งแรงสูงจึงเหมาะสำหรับงานรูปลอนทั่วไป
  4. เลือกปริมาณมวลสารเคลือบ ซึ่งตรวจสอบได้จากตัวเลขที่ระบุหลังค่า AZ เพราะปริมาณมวลสารเคลือบมีความสำคัญมาก เนื่องจากส่งผลโดยตรงกับอายุการใช้งานของหลังคาเหล็ก ยิ่งมีปริมาณสารเคลือบมาก อายุการใช้งานก็ยิ่งนาน อย่างหลังคาเมทัลชีท BlueScope Zacs ที่มีมวลสารเคลือบสูงสุดถึง AZ150 พร้อมการรับประกันไม่ผุกร่อนยาวนานถึง 12 ปี
  5. ดูที่มาตรฐาน มอก. ว่ามีเป็น เมทัลชีทที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน อย่างหลังคาเมทัลชีท BlueScope Zacs หลังคาที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล สามารถตรวจสอบได้

สรุป 5 ข้อดีการใช้วัสดุมุงหลังคาแบบ “เมทัลชีท”

  1. น้ำหนักเบา จึงสามารถประหยัดในเรื่องของโครงสร้างของหลังคาได้ หมายรวมถึงการประหยัดค่าก่อสร้างโดยรวมด้วย
  2. สามารถทำการติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว
  3. สามารถรีดแผ่นยาวต่อเนื่องได้ทำให้เกิดการรั่วซึมที่น้อยกว่าหลังคากระเบื้อง จึงสามารถออกแบบหลังคาที่มีความลาดเอียงต่ำได้
  4. มีสีสัน และรูปแบบของรูปลอนให้เลือกได้หลากหลาย ทำให้สามารถใช้ได้กับบ้านในทุกรูปแบบ และตรงใจเจ้าของบ้านได้มากที่สุด
  5. สามารถติดแผ่นฉนวนกันความร้อนเพิ่มได้ ทำให้หลังคาบ้านไม่เก็บความร้อน ส่งผลให้บ้านเย็นขึ้น

หลังคาที่มั่นคง นอกจากจะทำให้คนอยู่อาศัยอุ่นใจ ยังเป็นอีกหนึ่งปราการด่านสำคัญในการเป็นตัวกำหนดความแข็งแรง และความทนทานของบ้าน ดังนั้นเลือกให้ดี ลงทุนให้คุ้มก็จะทำให้บ้านอยู่กับคุณด้วยความสวยงามไปอีกนานมากขึ้น

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2UFdou6 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร 02-333-3000

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook