ซื้อบ้านทั้งทีต้องคิดให้รอบด้าน เพื่อประสบการณ์ชีวิตที่ดีตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าอยู่

ซื้อบ้านทั้งทีต้องคิดให้รอบด้าน เพื่อประสบการณ์ชีวิตที่ดีตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าอยู่

ซื้อบ้านทั้งทีต้องคิดให้รอบด้าน เพื่อประสบการณ์ชีวิตที่ดีตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าอยู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน ทุกคนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเองและครอบครัว ที่สำคัญต้องคุ้มค่ากับเงินก้อนใหญ่ที่ลงไป แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่สวยงาม ฟังก์ชั่นที่ครบพร้อม ไหนจะทำเลที่ใช่ แมทช์กับไลฟ์สไตล์ ใกล้กับที่ทำงาน เดินทางสะดวกหรือเป็นถิ่นฐานที่คุ้นเคย ไหนจะเรื่องเงินที่เป็นปัจจัยหลักอีก ซื้อมาแล้วก็ต้องผ่อนให้ไหวจะได้อยู่แล้วมีความสุข ไม่ใช่กลายเป็นภาระที่ทำให้หนักใจ รวมไปถึงคุณภาพของบ้านก็ต้องแข็งแรง มั่นคง

นอกเหนือจากปัจจัยหลักทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งดีไซน์ ทำเล ราคา และคุณภาพแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นหัวใจหลักของการซื้อบ้านที่อยากให้โฟกัสไม่แพ้ส่วนอื่นก็คือเรื่องของ “การบริการ” เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดปริมาณความสุขของคนอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น เราก็จะรู้สึกอุ่นใจมากกว่า เนื่องจากมีคนช่วยดูแลและจัดการให้ หรือถึงต่อให้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ก็ยังมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย เรียกว่าการมีบริการที่ดีจะเปรียบเสมือนมีคนที่จะอยู่ดูแลเราไปตลอดนั่นเอง

แล้วการบริการแบบไหนที่ควรมี ถ้าคิดจะซื้อบ้าน

“บริการที่ดี” ต้องไม่ได้มีแค่ก่อนซื้อ แต่จะต้องเป็นบริการที่อยู่กับคุณ ช่วยเหลือคุณตลอดตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจซื้อไปจนกระทั่งวันที่ย้ายเข้าอยู่และต่อเนื่องไปถึงทุกๆ วันที่อยู่อาศัย และนี่คือบริการที่ควรเช็กให้ดีว่าบ้านที่คุณเลือกมีครบหรือไม่ เพื่อให้ได้สิ่งที่จะช่วยเติมเต็มชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับทุกคนในบ้าน

1. การบริการที่ดีต้องพร้อมดูแลคุณตั้งแต่ก่อนซื้อ ด้วยการให้คำปรึกษาเรื่องสินเชื่อ ดอกเบี้ย หรือแม้แต่การโอน เพื่อให้ลูกค้าพร้อมอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะถนัดเรื่องการเงินหรือการจัดการเอกสาร

2. นอกจากนี้ เมื่อตัดสินใจซื้อบ้านและย้ายเข้าอยู่แล้ว ก็ควรมีบริการช่วยขนย้ายที่สะดวกสบายและเชื่อถือได้ว่าข้าวของทุกอย่างจะปลอดภัยครบถ้วน รวมถึงควรมีบริการทำความสะอาด หรือบริการออกแบบบ้านหากผู้อยู่อาศัยคิดจะตกแต่งต่อเติมให้สวยงามน่าอยู่ในสไตล์ของเจ้าของบ้าน

3. เมื่อย้ายเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว ความอุ่นใจในการอยู่อาศัยก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยจึงควรมีมาตรฐานชัดเจน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยไร้ความกังวลตลอดเวลา ยิ่งหากโครงการมีเทคโนโลยีสำหรับเสริมระบบความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด รั้วดิจิทัล ตลอดจนการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมไปถึงการมีคนคอยมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ก็ยิ่งสร้างความเบาใจว่า สถานการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจะถูกระงับเหตุได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะเกิดปัญหาร้ายแรง

4. ส่วนของงานบริการ เรื่องการดูแลและซ่อมบำรุงบ้านก็ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญ เพราะบ้านเมื่ออยู่อาศัยไปนานๆ ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการใช้งาน การมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าอยู่ ตลอดจนทุกๆ วันของการอยู่อาศัย จะช่วยให้เราอุ่นใจ และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะคุณไม่ต้องกังวลในการหาช่าง หรือผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้และได้มาตรฐานให้วุ่นวายในภายหลัง

5. บริการหลังการขาย คือหัวใจของความสุข และความอุ่นใจ นอกจากการที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดเวลาแล้ว ยังรวมไปถึงความใส่ใจในการพยายามคิดและคัดสรรสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อหากิจกรรมดีๆ สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้านแต่ละรูปแบบจริงๆ

เพราะรู้และเข้าใจถึงความต้องการของลูกบ้าน ที่บางคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตในการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านสักหลัง แสนสิริจึงได้ให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องของ “การบริการ” เพื่อเติมเต็มทุกการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบที่สุด

เริ่มต้นตั้งแต่วันแรกที่คุณย้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแสนสิริ ด้วยบริการจากพนักงาน Customer Relations หนึ่งในความภาคภูมิใจในงานบริการของแสนสิริ ทั้งการให้ข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆ ที่จำเป็นเกี่ยวกับโครงการและการดูแลใส่ใจที่มากกว่าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจดูความเรียบร้อยของบ้านก่อนลูกค้าเข้าตรวจรับ การประสานงาน และการจัดเตรียมเอกสารที่ยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกบ้าน ตลอดจนใส่ใจในการให้ความช่วยเหลือและแนะนำเรื่องเล็กน้อยภายในบ้าน จนเป็นที่ไว้วางใจของลูกบ้านในโครงการ

นอกจากนี้แสนสิริยังมีบริการ Home Care ให้บ้านของคุณมีสภาพดีตลอด ด้วยบริการที่ช่วยป้องกันผ่านแอปพลิเคชันแจ้งเตือนซ่อมบำรุงบ้าน ที่รวบรวมวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นที่เจ้าของบ้านสามารถจัดการได้ด้วยตนเองง่ายๆ พร้อมด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อใกล้ครบกำหนดวันบำรุงรักษา อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ Home Care ที่ช่วยดูแลในงานซ่อมแซมบ้านและคอนโด ทั้งที่อยู่ในระยะประกันและหลังหมดประกัน ซึ่งลูกบ้านสามารถซื้อ Home Care Card บริการแพ็กเกจซ่อมบำรุงหลังหมดประกันบ้านเพิ่มได้ ทั้งแบบรายครั้งและรายปี โดยแบบรายปีจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้

ส่วนเรื่องของความปลอดภัย แสนสิริก็มี Sansiri Security System ระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเคร่งครัดจากเจ้าหน้าที่ SSI เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเสริมความอุ่นใจให้กับลูกบ้าน

สำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แสนสิริได้คิดเผื่อและต่อยอดเป็น Smart Command Centre ที่เป็นศูนย์ควบคุมและสังเกตการณ์จากส่วนกลางเต็มรูปแบบแห่งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยศูนย์ควบคุมดังกล่าวจะเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการแสนสิริ ซึ่งจะมีคนคอยมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากจะตรวจตราความปลอดภัยแล้ว ศูนย์ควบคุมนี้ยังเชื่อมต่อกับระบบวิศวกรรมอาคารเพื่อป้องกันปัญหาก่อนเกิดเหตุได้อีกด้วย เช่น ระบบปั่นไฟ ระบบปั๊มน้ำ ลิฟต์ หรือระบบไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนไปยัง Smart Command Centre เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจตราและดูแล ก่อนเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และแก้ไขได้ตรงจุดแน่นอน

และที่พิเศษสุดคือ Sansiri Family ที่มาพร้อมบริการและสิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกบ้านในทุกๆ วัน ภายใต้การคิดและคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกบ้านเพื่อให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความสุข และการเป็นคนพิเศษที่ได้รับความใส่ใจจากทางโครงการ

จากทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าบริการจากโครงการเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มให้การอยู่อาศัยสมบูรณ์ขึ้นได้ แสนสิริจึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกบ้านทุกคน เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบ ฉะนั้น เมื่อคิดจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด อย่าลืมคิดถึงเรื่องของ “การบริการ” เพราะสิ่งนี้จะอยู่กับคุณไปในทุกๆ วันของการใช้ชีวิตนั่นเอง

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://siri.ly/SansiriService 

#บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน #SansiriService #CompleteYourLivingExperience

(Advertorial)

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook