วิธีกำจัดเชื้อราในบ้านแบบไม่ให้กลับมาอีก
เชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศ สามารถเจริญเติบโตและเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นหรือที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะภายในบ้าน นอกจากนี้เชื้อรายังเป็นสาเหตุการเกิดโรคต่าง ๆ ดังนั้นหากพบเชื้อราในบ้าน ควรกำจัดทันที โดยต้องคำนึงถึงวิธีการกำจัดเชื้อราเพื่อไม่ให้เชื้อรากลับมาอีก
เชื้อราเกิดขึ้นได้อย่างไร
สาเหตุการเกิดเชื้อราภายในบ้าน คือ ความอับชื้นที่สะสมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ทั้งนี้หากปล่อยให้เกิดเชื้อราในบ้าน จะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
อันตรายจากเชื้อรา
เชื้อราในบ้านสามารถสร้างสปอร์ให้กระจายออกไปในอากาศ เมื่อสูดเข้าไปเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ คัดจมูก ระคายเคืองตา และก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหอบหืดและโรคปอดอักเสบ หากผู้ที่แพ้ราได้สัมผัสเชื้อรา ไม่ว่าจะทางผิวหนังหรือการสูดดมก็ตาม จะทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่าง ๆ เช่น ผื่นแพ้ ตาอักเสบ เจ็บคอ น้ำมูกไหล เป็นต้น
วิธีกำจัดเชื้อราภายในบ้าน
การกำจัดเชื้อราอย่างถูกวิธีจะช่วยลดปริมาณเชื้อราและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ อีกทั้งยังทำให้บ้านสะอาดและน่าอยู่ ซึ่งส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี โดยทั่วไปวิธีกำจัดเชื้อราในบ้านมีดังนี้
1. ผนัง
ในการกำจัดเชื้อราบนผนัง ควรขัดล้างหรือขูดสีผนังเดิมออกให้หมดก่อน จากนั้นทิ้งให้แห้ง 1-2 วัน จึงค่อยทาน้ำยาป้องกันเชื้อรา และทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก ขั้นตอนสุดท้าย คือ ทาสีลงบนผนังจำนวน 2-3 รอบ ทั้งนี้ไม่ควรทาสีหรือแล็กเกอร์ทับผนังที่มีเชื้อราโดยตรง เพราะจะทำให้เชื้อรายังคงอยู่และไม่หายไปไหน
2. วอลล์เปเปอร์
ลอกวอลล์เปเปอร์ของเก่าที่มีเชื้อราออกทั้งหมด เพราะหากทิ้งไว้ จะทำให้เชื้อราลามไปส่วนอื่น ๆ ได้ จากนั้นตรวจสอบบริเวณผนังว่ามีรอยรั่วและร้าวหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีท่อน้ำ เพราะบริเวณนี้จะมีความชื้นมากกว่าที่อื่น ซึ่งเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเชื้อรา เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งไว้จนผนังแห้งสนิท จากนั้นนำกรดซาลิไซลิดผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1 ต่อ 5 และนำผ้ามาชุบไปเช็ดจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด แล้วรอให้แห้งและติดวอลล์เปเปอร์ใหม่ได้
3. เฟอร์นิเจอร์
ส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นวัสดุจากไม้เนื้ออ่อน เมื่อมีความชื้น จะเสี่ยงต่อการขึ้นราอยู่แล้ว หากพบว่ามีเชื้อรา ควรนำมาล้างทำความสะอาดภายใน 1-2 วัน หลังจากนั้นควรย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือที่ที่ได้รับแสงแดดส่องถึงประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วคอยดูว่ายังมีเชื้อราอยู่อีกหรือไม่ หากยังมี ควรนำมาทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง
4. เครื่องหนัง
หากพบเชื้อราบนเครื่องหนัง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ รองเท้า กระเป๋า รวมไปถึงสิ่งของอื่น ๆ ที่ผลิตจากหนัง ควรใช้น้ำส้มสายชู 5-7% ชุบผ้าและเช็ดบริเวณที่เกิดเชื้อราให้สะอาดทุกซอก ทุกมุม เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีสภาพเป็นกรด จึงสามารถทำลายเชื้อราได้ จากนั้นเช็ดครั้งสุดท้ายด้วยน้ำสะอาด และลงน้ำยาเคลือบรักษาผิวของเครื่องหนัง เพื่อป้องกันการเปียกที่ก่อให้เกิดความชื้น
5. เสื้อผ้า ผ้าห่ม และผ้าม่าน
วิธีกําจัดเชื้อราบนเสื้อผ้าหรือสิ่งของเครื่องใช้ประเภทผ้า เช่น ปลอกหมอน ม่าน และเครื่องนอนต่าง ๆ คือ ให้นำไปต้มในน้ำร้อนเดือด เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อรา จากนั้นนำมาซักและขยี้ให้สะอาดแล้วตากในที่ที่มีแสงแดด ทั้งนี้หากเสื้อผ้ามีเชื้อราขึ้นเป็นจำนวนมาก การกำจัดเชื้อราบนเสื้อผ้าอาจไม่ได้ผล ทางที่ดีควรนำไปทิ้ง ซึ่งเป็นวิธีกำจัดเชื้อราบนเสื้อที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันเชื้อราลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ
6. ฝ้าเพดาน พรม และที่นอน
สิ่งของเหล่านี้เป็นวัสดุที่มีรู จึงทำให้ล้างเชื้อราที่อยู่ในรูออกได้ยาก การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ ควรนำไปทิ้งทันที เพราะถึงแม้ว่าจะสามารถกำจัดเชื้อราได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ผล 100% หากนำมาใช้งานต่อ ก็จะทำให้เกิดเชื้อรามากขึ้นและอาจกระจายตัวไปยังจุดต่าง ๆ เพราะความชื้นในห้องเป็นส่วนที่ทำให้เชื้อราลุกลามได้กว้างขึ้น
7. วัสดุเนื้อแข็ง
ขั้นตอนแรกของการกำจัดเชื้อราบนวัสดุเนื้อแข็ง เช่น กำแพง พื้นกระเบื้อง เป็นต้น คือ ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นเชื้อรา โดยใช้น้ำสบู่ แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาขัดห้องน้ำมาผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 ถ้วยต่อน้ำปริมาณ 3 ลิตร และขัดด้วยแปรงชนิดแข็งจนเชื้อราออกหมด จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดอีกรอบ และตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อราหลงเหลืออยู่
8. วัสดุเนื้ออ่อน
สำหรับวัสดุเนื้ออ่อน เช่น หนังสือ พลาสติก เป็นต้น ไม่ควรใช้น้ำเช็ดทำความสะอาดลงบนวัสดุโดยตรง เพราะจะเป็นการเพิ่มความชื้นให้มากขึ้นไปกว่าเดิม วิธีทำความสะอาดที่ถูกต้อง คือ ควรใช้สำลีหรือผ้าชุบฟอร์มาลีนหรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดให้พอหมาด จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทและมีแสงแดดส่องถึง
หลังจากที่ทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจัด ซักผ้า หรือต้มน้ำ เพราะการกระทำดังกล่าว จะทำให้เกิดความชื้น ซึ่งเป็นไปได้สูงที่เชื้อราจะกลับมาอีก
นอกจากการแก้ปัญหาเชื้อราด้วยวิธีต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อราจะไม่กลับมาอีก ควรหมั่นสังเกตตามส่วนต่าง ๆ ของบ้านที่มีโอกาสเกิดความชื้น โดยการเปิดประตูหรือหน้าต่าง เพื่อให้พื้นที่เหล่านั้นได้รับอากาศถ่ายเทและแสงแดดสามารถส่องเข้าถึง เพียงเท่านี้ปัญหาเชื้อราในบ้านก็จะหมดไป