“มุ้ง” เครื่องนอนสุดคลาสสิก เลือกอย่างไรให้ตกแต่งห้องนอนได้สวยมุ้งมิ้ง

แม้ในปัจจุบัน “มุ้ง” จะไม่ใช่เครื่องนอนที่ถูกนำมาใช้มากนัก แต่ก็ยังมี “มุ้ง” อีกหลากหลายรูปแบบที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องนอนทั่วไป เพราะผ่านการออกแบบให้มีฟังก์ชั่น และความสวยงามที่หลากหลายมากขึ้น จนทำให้มุ้งเป็นอีกหนึ่งเครื่องนอนที่ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ห้องนอนน่านอนมากยิ่งขึ้น คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าเราสามารถแบ่งมุ้งออกเป็นกี่แบบ และจะเลือกมุ้งแต่ละแบบมาตกแต่งห้องนอนอย่างไรให้มุ้งมิ้ง

มุ้งเจ้าหญิง หรือมุ้ง 4 เสา

เป็นมุ้งอย่างที่เราเห็นในละครแนวพีเรียด หรือบ้านไหนชื่นชอบการตกแต่งบ้านแบบย้อนยุคอาจเลือกนำมุ้ง 4 เสามาใช้ สำหรับมุ้ง 4 เสานั้นโครงมุ้งมักเป็นสแตนเลส เวลาติดโครงมุ้งนั้นต้องให้ขาเตียงทับ ดังนั้นถ้านอนแบบไม่มีเตียงจะใช้มุ้งประเภทนี้ไม่ได้ หลังจากติดโครงมุ้งเรียบร้อยแล้วจึงค่อยนำตัวมุ้งมาประกอบ สำหรับการเลือกมุ้ง 4 เสานั้นเวลาเลือกควรเลือกมุ้งที่ชายมุ้งยาวถึงพื้นเพราะจะทำให้สวยงามกว่า

istockphotoistockphoto

มุ้งแบบแขวน

เป็นอีกรูปแบบมุ้งที่สวยงาม มักเห็นในละคร แต่มุ้งแขวนแบบนี้เวลาเลือก เรื่องของความกว้างของมุ้งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลือกมุ้งที่ไม่กว้างกว่าเตียงนอน เวลานอนมุ้งจะพัน หรือตกลงบนเตียงที่เรานอน ดังนั้นความกว้างหรือรัศมีของมุ้งควรเท่ากับเตียงนอนเลย และเวลาเลือกซื้อควรเลือกมุ้งแขวนที่สามารถปรับระดับความสูงของมุ้งได้

มุ้งแบบมีซิป

เป็นมุ้งที่มีโครงอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องใช้กับเตียงนอนเท่านั้น เพราะสามารถใช้กับฟูกได้ด้วย เนื่องจากเป็นการยกมุ้งขึ้นไปวางไว้บนที่นอนได้โดยไม่จำเป็นต้องยึดโครงมุ้งกับขาเตียง สำหรับโครงมุ้งแบบมีซิปนั้นมีทั้งแบบพลาสติกและสแตนเลส ซิปที่ติดมากับตัวมุ้งนั้นอยู่ในทุกๆ ด้านของมุ้ง ดังนั้นหากใครจะเลือกมุ้งซิปสำหรับให้ลูกนอนก็ค่อนข้างมั่นใจเรื่องป้องกันยุงกัดได้มาก รวมทั้งป้องกันไม่ให้ลูกหล่น หรือออกมานอกมุ้งได้ และมุ้งแบบมีซิปนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งไว้บนที่นอน เตียง หรือฟูกเท่านั้น หากต้องการนั่งเล่นโดยไม่โดยยุงกัดก็สามารถยกมุ้งแบบมีซิปไปที่ต่างๆ ได้เช่นกัน

มุ้งแบบเลื่อนได้

มุ้งแบบนี้สะดวกในการใช้งาน และยังสวยงาม แต่ก็ต้องมีการเจาะผนังเพื่อยึดโครงมุ้งกับผนังเหนือตัวเตียงเป็นหลัก สำหรับโครงของมุ้งนั้นสามารถยืดเข้ายืดออกได้