“4 เครื่องฟอกอากาศ” ราคาหลักพัน อากาศสะอาด หายห่วงเรื่องฝุ่น PM 25
เมื่อเราเจอกับวิกฤตฝุ่นพิษ PM 2.5 วิธีดูแลสุขภาพตัวเองเบื้องต้นคือการหาหน้ากาก N95 มาสวมใส่เมื่อออกนอกบ้าน แต่คำถามคือเมื่อฝุ่นพิษลอยไปทั่ว รวมถึงยังเข้าไปภายในบ้านที่เราพักอาศัย เมื่อเป็นแบบนี้เราควรทำอย่างไรให้อากาศภายในบ้านสะอาด บริสุทธิ์ในทุกลมหายใจ
เครื่องฟอกอากาศ จึงมีความจำเป็นสำหรับช่วงเวลาที่อากาศเป็นพิษแบบนี้ รวมทั้งหากใครเป็นโรคภูมิแพ้ หรือป่วยเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ การจะมีเครื่องฟอกอากาศไว้ภายในบ้านสักเครื่องคงไม่ใช่ความฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น ว่าแต่จะมีเครื่องฟอกอากาศใดบ้างที่สามารถซื้อมาใช้ได้แบบไม่เกินกำลังซื้อ
Sanook! Home จึงรวมเครื่องฟอกอากาศ 4 รุ่นราคาน่าคบ ที่สามารถช่วยกรองอากาศจากฝุ่น PM 2.5 ได้ มาเป็นแนวทางสำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะซื้อเครื่องฟอกอากาศไว้ที่บ้าน
1.เครื่องฟอกอากาศ Hitachi EP-A3000 RED AC220V 50-60 Hz ราคา 4,900 บาท
เครื่องฟอกอากาศแบรนด์ญี่ปุ่น มี 2 สีให้เลือกคือสีขาว กับสีแดง (ตอนที่แนะนำสาขาที่ไปเหลือแต่สีแดง เนื่องจากสีขาวหมดเกลี้ยง) สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ได้
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะกับขนาดพื้นที่ใช้งานประมาณ 22 ตารางเมตร ซึ่งก็คือห้องนอน หรือถ้าเป็นคอนโดมิเนียมก็ประมาณห้องสตูดิโอในปัจจุบัน ส่วนน้ำหนักนั้นแค่ 4 กิโลกรัม เรียกได้ว่าหิ้วแบบสบาย สบาย สายไฟด้านหลังความยาวประมาณ 1.8 เมตร
การทำงานนั้นทำงานผ่านระบบรีโมทคอนโทรล โดยรุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่ได้รับรางวัลการทดสอบโดยใช้สารก่อภูมิแพ้ประเภทไรฝุ่นและละอองเกสรดอกไม้ จาก The British Allergy นอกจากนี้ยังสามารถขจัดกลิ่นสัตว์เลี้ยง ,บุหรี่ , อาหาร ,ห้องน้ำ ,ท่อน้ำทิ้งได้สิ้นเชิง แผ่นกรองอากาศภายในเป็นแผ่นกรองเอป้าที่สามารถดักจับฝุ่นละอองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคาร์บอนฟิลเตอร์ พร้อมแผ่นกรองหยาบอยู่ด้านหน้า
สำหรับช่วงเวลารับประกันสินค้านั้นอยู่ที่เวลา 1 ปี ถ้าซื้อตอนนี้จะมีแผ่นกรองอากาศแถมให้อีก 1 ชุด (ไม่นับรวมจากที่มีอยู่ในเครื่องแล้ว) ซึ่งโดยเฉลี่ยแผ่นกรองอากาศมีอายุใช้งานประมาณ 6 เดือน- 1 ปี และสามารถหาซื้อแผ่นกรองอากาศได้ทั่วไปในราคาไม่เกิน 2,000 บาท
ความคิดเห็นส่วนตัว : เนื่องจากเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น จึงค่อนข้างมั่นใจในความพิถีพิถันของการออกแบบสินค้าและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาอากาศไม่สะอาด เพราะเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีระบบสกัดความชื้นไม่ทำให้รู้สึกคอแห้งเมื่อต้องเปิดใช้เครื่องเป็นเวลานาน แต่เรื่องของวัสดุเครื่องฟอกอากาศนั้น ถ้าสังเกตจากภายนอกอาจยังไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไรถ้าเทียบกับเครื่องฟอกอากาศที่เหลือ
2.เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J30TA-A 23SQM ราคา 3,490 บาท
สำหรับเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ดีไซน์ถูกใจชนะเลิศ เพราะดูภายนอกแล้วทันสมัย น่าจะเข้ากับห้องที่ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นหน่อยๆ เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะกับห้องที่มีขนาดประมาณ 23 ตารางเมตร ก็พอๆ กับเครื่องฟอกอากาศรุ่นที่ 1 คือเหมาะกับคอนโดมิเนียม หรือห้องนอน ความยาวสายไฟประมาณ 2 เมตร ส่วนน้ำหนักเครื่องนั้นแค่ 4 กิโลกรัมเท่านั้น
สำหรับความพิเศษของเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้คือการทำงานผ่านระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ที่จะต้องผ่านอนุภาคบวกและลบ ทำให้สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา ภูมิแพ้ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศ รวมทั้งกำจัดกลิ่นอับ และสลายฤทธิ์ก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น
ส่วนความแรงลม คืออัตราส่วนระหว่างปริมาตรของลมที่ไหลผ่านต่อหนึ่งหน่วยเวลา หรือที่เรียกว่า Air Flow นั้นมีค่าตั้งแต่ระดับสูงคือ 180 ลบ.ม/ชม. ระดับกลางคือ 120 ลบ.ม./ชม. และระดับ Sleep คือ 60 ลบ.ม./ชม. สำหรับช่วงเวลารับประกันสินค้านั้นอยู่ที่เวลา 1 ปี ถ้าซื้อตอนนี้จะมีแผ่นกรองอากาศแถมให้อีก 1 ชุด (ไม่นับรวมจากที่มีอยู่ในเครื่องแล้ว) ซึ่งโดยเฉลี่ยแผ่นกรองอากาศมีอายุใช้งานประมาณ 6 เดือน- 1 ปี และสามารถหาซื้อแผ่นกรองอากาศได้ทั่วไปในราคาไม่เกิน 2,000 บาท
ความคิดเห็นส่วนตัว : ส่วนตัวชอบดีไซน์ของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ แต่เนื่องจากเห็นว่ามีระบบกรองอากาศจากด้านหลัง จึงไม่ค่อยมั่นใจว่าระบบการทำงานที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
3.เครื่องฟอกอากาศ Dirt Devil APH01 ราคา 8,900 บาท
เป็นเครื่องฟอกอากาศแบรนด์อเมริกา แต่ผลิตในจีน รูปทรงกะทัดรัดน่าใช้ เหมือนจิ๋วแต่แจ๋ว ซึ่งราคาอาจจะสูงอยู่สักหน่อยเนื่องจากต้องเสียภาษีนำเข้า สำหรับระบบการทำงานของแผ่นกรองนั้นเป็นแผ่นกรองที่มีเม็ดโฟม และคาร์บอน เป็นแผ่นกรองแบบ 2 ชั้น เป็นเครื่องฟองอากาศที่เหมาะกับห้องที่มีขนาด 21-28 ตารางเมตร
ระบบการฟอกอากาศเป็นแบบ HEPA FILTER เช่นเดียวกับชนิดแผ่นกรอง ซึ่งก็คือแผ่นกรองชนิดหนึ่งที่นิยม ใช้งานกันอย่างหลากหลาย เช่น ใช้ในหน่วยงานการแพทย์ รถยนต์ เครื่องบิน และอุปกรณ์ที่ใช้งานภายในบ้านอย่าง เครื่องฟอกอากาศ แผ่นกรองที่ได้มาตรฐานต้องมีประสิทธิภาพในกรอง 99.97% ที่อนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน
การทำงานนั้นมีไฟแจ้งเตือนการทำความสะอาด มีระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ ในอายุการประกันสินค้า 1 ปีเช่นเดียวกับเครื่องฟอกอากาศตัวอื่น ถ้าซื้อตอนนี้จะมีแผ่นกรองอากาศแถมให้อีก 1 ชุด (ไม่นับรวมจากที่มีอยู่ในเครื่องแล้ว) แต่เนื่องจากแบรนด์นี้เป็นแบรนด์นำเข้า เรื่องของแผ่นกรองนั้นอาจหาซื้อยากหน่อย เพราะต้องนำเข้า
ความคิดเห็นส่วนตัว : ชื่นชอบขนาดและดีไซน์ที่กะทัดรัด น้ำหนักเครื่องฟอกอากาศเบา เรียกว่าถ้าตัดสินใจซื้อก็สามารถหิ้วกลับบ้านได้สะดวกมาก แต่เนื่องจากอะไหล่โดยเฉพาะแผ่นกรองอากาศนั้นเป็นสินค้าที่ต้องนำเข้า ดังนั้นหากแผ่นกรองอากาศหมดอายุการทำงาน อาจจะหาซื้อยากสักนิด แต่ในประเทศไทยก็มีศูนย์ดูแล ซ่อมแซมเหมือนกับเครื่องฟอกอากาศแบรนด์อื่น
4.เครื่องฟอกอากาศ Hatari HT-AP12 ราคา 4,888 บาท
ดูภายนอกดีไซน์เรียบง่าย แม้จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ อยู่สักหน่อย แต่เพราะเหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 32 ตารางเมตร ส่วนน้ำหนักเครื่องนั้นอยู่ที่ประมาณ 6 กิโลกรัม เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมแผ่นกรองอากาศช่วยสกัดจับฝุ่นละออง ระบบพลาสมายับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมระบบไอโอไนเซอร์เพิ่มความสดชื่นให้อากาศ ควบคุมตัวเครื่องด้วยปุ่มกดระบบสัมผัส Touch Screen และรีโมทคอนโทรล ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติได้ มีความเร็วลม 4 ระดับ
อายุประกันการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศแบรนด์นี้คือ 3 ปี ซึ่งนับว่าสูงกว่าแบรนด์อื่น
ความคิดเห็นส่วนตัว : เนื่องจากเป็นแบรนด์คนไทยผลิตเอง เมื่อเทียบราคากับสิ่งที่ได้จึงแตกต่างจากแบรนด์ต่างประเทศ ส่วนเรื่องดีไซน์นั้นถือว่าสวยงาม เรียบง่าย เหมาะกับทุกดีไซน์ของห้อง แม้จะมีน้ำหนักมากกว่าเครื่องฟอกอากาศแบรนด์อื่น
สำหรับเรื่องการดูแล ซ่อมแซม เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศนั้นค่อนข้างไม่รู้สึกกังวลเพราะหาซื้อง่าย ตามร้านจำหน่ายของตกแต่ง ของใช้ในบ้าน หรือร้านเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ ก็มีจำหน่าย
>> วิธีเลือกซื้อ “เครื่องฟอกอากาศ” เลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้านเรา
อัลบั้มภาพ 44 ภาพ