อบสมุนไพรล้างพิษ
การอบสมุนไพร เป็นการล้างพิษอีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันมานานแล้ว คือการใช้ ความร้อนบำบัด นั่นเอง ซึ่งเดิมทีการอบสมุนไพรจะใช้ในหมู่สตรี ที่คลอดลูกใหม่ๆ ซึ่งจะต้องอาบน้ำร้อน ดื่มน้ำร้อนที่เป็นน้ำต้มสมุนไพร และนอนย่างไฟบนแคร่ไม้ไผ่ที่ปูรองพื้นด้วยสมุนไพร แต่มาสมัยนี้ ได้มีการพัฒนาเป็นตู้อบความร้อน แบบซาวน่า
สำหรับคนไทยเรานั้น ในการแพทย์แผนไทย เราใช้การอบสมุนไพรดีกว่าการอบซาวน่า เพราะมีสมุนไพร ซึ่งเป็นตัวยาช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งสบาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ หรือรักษาโรค การอบสมุนไพรถือว่าเป็นการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ ผิวหนังของคนเราจะเป็นส่วนที่กว้างที่สุด ดังนั้นการขับสารพิษส่วนเกินออกทางเหงื่อจึงได้ผลดีมาก เวลาที่ร่างกายทุกส่วนเกิดความร้อนขึ้นพร้อมกันมักจะทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัว และเลือดก็จะพรั่งพรูกันขึ้นมาที่ผิวหนังเป็นจำนวนมาก พาเอาสารเคมีส่วนเกิน เช่น โซเดียม โปตัสเซียม หรือสารอื่นๆ ที่รับเข้าไปเกินความต้องการนั้นถูกหลั่งออกมากับเหงื่อ และ ในเวลาเดียวกันนั้นนอกจากจะล้างพิษออกไปแล้ว เลือดที่มาเลี้ยงที่ผิวหนังมากขึ้น ยังช่วยนำพาสารอาหารที่ดีๆ มาให้ ผิวหนังจึงสวยขึ้นด้วย ประเภทของการอบสมุนไพร การอบสมุนไพรมี 2 แบบ คือ 1. การอบแห้ง เป็นวิธีการอบตัวที่พัฒนามาจากประเพณีไทยดั้งเดิม ซึ่งมีพิธีกรรมต่างๆที่รักษาขวัญกำลังใจสำหรับมารดาหลังคลอด มีการอาบน้ำต้มสมุนไพรและทาตัวด้วยขมิ้น เพื่อบำรุงรักษาอาการอักเสบที่ผิวหนังและนิยมอยู่ไฟหลังคลอดด้วยการนอนบนแคร่ไม้ มีกองฟืนให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายจะช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น มีการนำเตาถ่านมาใช้ประกอบการรักษาผิวพรรณ และลดน้ำหนักส่วนเกิน ปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นห้องอบแห้ง 2. การอบเปียก เป็นการบำบัดรักษาวิธีหนึ่ง ซึ่งเริ่มต้นจากประสบการณ์การนั่งกระโจมของหญิงหลังคลอด โดยใช้ผ้าทำเป็นกระโจม คลุมไว้มิดชิด มีหม้อต้มสมุนไพรเดือดเป็นไอ ให้อบและสูบดมไอน้ำได้ และ ปัจจุบันได้นำวิธีการนี้มาพัฒนาให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่สมัยใหม่โดยทำเป็นห้องอบไอน้ำสมุนไพรที่ทันสมัยขึ้น ใช้หม้อต้มที่มีท่อส่งไอน้ำเข้าไปภายในห้องอบ หรือทำเป็นตู้แล้วเข้าไปนั่งอบตัว ส่วนประกอบของสมุนไพรที่ใช้อาจแตกต่างกันได้ตามวัตถุประสงค์ เพื่อรักษาอาการต่างๆ เช่น ทำให้ร่างกายสดชื่น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ช่วยขับเหงื่อคลายความเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งและลดอาการปวดตามข้อ ทางการแพทย์ในปัจจุบันได้มีการยอมรับแล้วว่า การอบตัวด้วย ความร้อนสามารถช่วยให้การไหลเวียนของโลหิต และน้ำเหลืองบริเวณผิวหนังดีขึ้น ส่วนไอน้ำของสมุนไพรจะมีสรรพคุณตามคุณสมบัติของสมุนไพรนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญช่วยให้ร่างกายเกิดความสดชื่น ขั้นตอนในการอบสมุนไพร 1. วัดความดันโลหิตก่อนทำการอบสมุนไพร 2. นำน้ำประพรมร่างกาย หรืออาบน้ำเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่ตามรูขุมขน 3. เข้าทำการอบ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที กรณีผู้ไม่เคยอบควรอบ 3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที 4. เมื่อครบจำนวนนาทีไม่ควรอาบน้ำทันที ต้องออกมานั่งพักให้เหงื่อแห้งแล้วจึงอาบน้ำ 5. เมื่อทำการอบจนครบขั้นตอนควรชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิตดูว่า อาการดีขึ้นหรือไม่ ประโยชน์ของการอบสมุนไพร เช่น ร่างกายมีการเผาผลาญสารอาหารเพิ่มขึ้น การไหลเวียน โลหิตดีขึ้น ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี่กระเปร่า แจ่มใส และทำให้ผิวพรรณดูมีเลือดฝาดบรรเทาอาการปวดเมื่อย ทำให้มดลูกของสตรีหลังคลอดเข้าอู่เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโรคหรืออาการที่สามารถบำบัดรักษาด้วยการอบสมุนไพร เช่นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืดที่อาการไม่รุนแรง ในปัจจุบันการอบสมุนไพรได้รับความนิยมกันมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกลุ่มสตรีที่คลอดบุตรใหม่ หรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุแล้ว ยังได้รับความนิยมกับบุคคลที่ต้องการลดน้ำหนัก และต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง เท่านี้สาวๆก็สามารถสวยและมีสุขภาพดีได้ด้วยวิธีแบบไทยๆ ของเราเอง