จากห้องแสนธรรมดา สู่ห้องในฝันของผม รีโนเวท

จากห้องแสนธรรมดา สู่ห้องในฝันของผม รีโนเวท

จากห้องแสนธรรมดา สู่ห้องในฝันของผม รีโนเวท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีพี่น้อง Pantip ทุกคนนะครับผมได้ตามอ่านพันทิปมานาน ยอมรับว่าได้ความรู้จากพี่ๆ น้องๆ ในพันทิปหลายๆ ด้าน และหนึ่งนั้นในคือเรื่องข้อมูลการรีโนเวทบ้านครับ

สิ่งที่ผมเองอยากมาแชร์ประสบการณ์ ก็คือเรื่องการรีโนเวทบ้าน ความหมายของคำว่าบ้านสำหรับผม ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ยังไงก็คือสถานที่ที่เราควรจะมีความสุขในทุกๆ วัน

เริ่มต้นเมื่อช่วงปี 2559 ผมมีความฝันอยากซื้อบ้านหลังแรกในชีวิต โดยตั้งงบประมาณไว้ระดับพนักงานเงินเดือนจะพอจ่ายไหว หลังจากผมตระเวนตามหา ทั้งทาวน์โฮม และ คอนโด ตอนแรกบอกตรงๆ ว่าท้อครับ เพราะ งบประมาณเราตั้งไว้ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย อยากมีบ้านสวยๆ ราคาก็แพงเกินเอื้อม ซื้อไม่ไหวจริงๆ ครับ

ช่วงนั้นทุกๆ เสาร์ อาทิตย์ผมจะตระเวนขับรถดู ทั้งทาวน์โฮม คอนโด มือหนึ่ง มือสอง หรือดูจากเว็บไซต์ประกาศขายบ้าง จนวันหนึ่งรุ่นพี่เรารู้ว่าเรากำลังมองหาบ้านหรือคอนโดอยู่ รุ่นพี่เลยชักชวนว่าลองมาดูที่นี่มั้ย เป็นคอนโดเก่า แต่คิดว่าผมน่าจะพอซื้อไหวนะ พอเราได้มีโอกาสไปดู สิ่งแรกที่เข้าไปคือ ความเย็นสบาย ร่มรื่น ต้นไม้เยอะ เป็นคอนโดเก่าที่อยู่หมู่บ้านทำให้คนไม่พลุกพล่าน และจุดเริ่มต้นของบ้านในฝันของผมครั้งแรกก็เกิดขึ้นที่นี่ครับ

และบังเอิญโชคดี มีคนประกาศขายคอนโดนี้ในเว็บไซต์อยู่พอดี หลังจากที่เราหามานาน ผมเลยตัดสินใจขอนัดเข้าไปดูห้องครับ นี่คือภาพห้องเดิมๆ ตอนที่ผมไปดูครับ

หลังจากที่ผมตัดสินใจแล้วว่าอยากจะอยู่ที่นี่ มาถึงขั้นตอนการกู้ละครับ ผมได้ศึกษาหาข้อมูล ทั้งถามรุ่นพี่ ทั้งหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต ว่าขั้นตอนการกู้นั้นเป็นยังไง ข้อมูลจากทั้งในอินเตอร์เนตและในพันทิปแนะนำผมว่าให้พยายามยื่นกู้ไปเลยหลายๆ ธนาคาร และ ให้เรากลับมาตัดสินใจว่าที่ไหนให้เงื่อนไขดีที่สุดก็เลือกแบงค์นั้น เพราะคอนโดมือสอง กับ คอนโดใหม่ ทั้งดอกเบี้ย เงื่อนไข และการปล่อยกู้ก็ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร และสุดท้ายผมได้ทำการซื้อคอนโดนี้ในราคาที่เหมาะสมครับ

***ทริคการยื่นกู้ของผม
- พยายามหาข้อมูลเยอะๆ เรื่องรายละเอียดแต่ละธนาคาร
- ลองเช็กดอกเบี้ยจากหลายๆ ธนาคาร ผมใช้วิธี ไปห้างที่มีทุกธนาคารในนั้นละ เดินไล่ถามเลย
- ข้อนี้สำคัญ คือ พยายามคำนวณรายได้แต่ละเดือนให้พอเหมาะกับค่าใช้จ่าย อย่าให้หนักจนเกินไป

เอาล่ะ ทีนี้ความยาก ความสนุก ความเครียด ความลุ้นว่าจะออกมาเป็นยังไง เกิดขึ้นหลังจากนี้แหละ ผมโชคดีที่ได้รู้จักรุ่นน้องคนนึงที่เป็นสถาปนิก ชื่อ เค ที่เราไม่ได้คุยกันนานมาก และรุ่นน้องผมคนนี้ทักมาช่วงที่ผมประสบอุบัติเหตุปลายปี 2559 ด้วยเหตุการณ์นั้นผมเลยตัดสินใจทาบทาม เค สถาปนิกคนนี้มีช่วยออกแบบห้องในฝันของผม

ด้วยความที่เราเป็นคนไม่ได้เป็นคนเรียบร้อย ชอบอะไรดิบๆ และ เค สถาปนิกผู้มีความเป็นญี่ปุ่นในตัวสูง เพราะเคทำงานบริษัทออกแบบที่ญี่ปุ่นมาก่อนแต่ด้วยความที่ต้องเป็นนักออกแบบ พ่อลูกอ่อน เลยทำให้ต้องย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย โจทย์ของงานนี้คือ ความดิบในแบบของผม + ความมินิมอลแบบญี่ปุ่นของเค มาลองดูกันครับว่าออกมาเป็นยังไง

สเตปต่อมา เริ่มต้นด้วยการเริ่มหาไอเดียความชอบผมส่งไปให้ เค สถาปนิก จากความรู้สึกเดิม ทั้งๆที่ขนาดห้อง 95.5 ตารางเมตร ผมว่าก็ค่อนข้างมีพื้นที่นะ แต่กลับรู้สึกว่ามันดูแคบ เตี้ย อึดอัดแบบบอกไม่ถูก อาจจะเพราะ เพดานเดิมมันต่ำมาก ประมาณ 2 เมตร ผมเลยตัดสินใจรื้อฝ้าออกเพื่อให้เพดานโปร่งขึ้น แต่ เค บอกว่า พี่ต้องทำใจนะเพราะการที่จะรื้อฝ้าคอนโดเนี่ย เราจะต้องมาลุ้นอีกว่า งานระบบของคอนโดแต่ละที่ไม่เหมือนกัน อาจจะเละกว่าที่คิดก็ได้นะ แต่เราอยากได้ห้องที่สูงโปร่งขึ้น เราเลยโอเค รื้อ....

***ข้อดีของการซื้อคอนโดมือสอง
- พื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบราคาที่เท่ากับคอนโดในปัจจุบัน
- ข้อเสียก็คือ ดอกเบี้ย คอนโดมือสองจะแพงกว่า และยื่นกู้ยากกว่าคอนโดใหม่

สเตปต่อมา จากความชอบดิบๆ อยากอยู่ในฟีล apartment new york (ถามว่าเคยไปมั้ย ไม่เคยหรอกครับ 555 แต่เห็นจากในหนัง จากในรูปถ่ายตามแม๊กกาซีน ผมชอบฟีลแบบนั้น อยากอยู่ในสถานที่แบบนั้น แต่......... ย้อนกลับไป ว่า สถาปนิกเรามีความญี่ปุ่นสูงงงง 55555 ทีนี้ต้องมาเจอกันตรงกลางละ เคบอกกับผมคำแรกตั้งแต่จะทำแบบดิบๆ ละว่า พี่ทำดิบได้ แต่ผมขอให้ดิบบนความสะอาดนะ เพราะบ้านเวลาดิบมากเกินไป นานๆ ไปมันจะดูสกปรก เราก็เออว่ะ มีเหตุผลๆ เลยโอเค แปลนเดิมเป็นสองห้องนอน สองห้องน้ำเล็กๆ ละห้องนอนอยู่ฝั่งหน้าทางเดิน ผมก็เลยปรับแปลนใหม่ ให้ห้องนอนไปอยู่ข้างหลังแทน จะได้นอนหลับสบายขึ้น ไม่ต้องกลัวเรื่องเสียงรบกวน ห้องน้ำก็ยุบไปหนึ่งห้องเพื่อเพิ่มสเปซ ฝั่งห้องครัวกับ ห้องนั่งเล่น เพิ่มขึ้น อ้อละก็มีอีกเรื่อง คือก่อนหน้านี้ เราได้งานศิลปะชิ้นนึงของ คุณบ่อเติงมา เราแพลนตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า เราอยากเปิดประตูบ้านเข้ามาละเจอรูปนี้ เลยต้องมีกำแพงขึ้นมาเพื่อติดรูปนี้

หลังจากพูดคุย ถกเถียงกันเสร็จ สเตปต่อไป คือ การทำโมเดล จำลองเสมือนจริง ว่าตำแหน่งห้องครัวอยู่ตรงนี้ ไซส์เท่าไหร่ ตู้เย็นอยู่ไหน เครื่องซักผ้าอยู่ตรงไหน ห้องนั่งเล่นเป็นยังไง ตำแหน่งที่นอน  บลาๆๆๆ จนถึงตอนนี้ เราจะพอเริ่มรู้ละว่าดีเทลแต่ละอย่างไซส์เท่าไหร่ เพราะสถาปนิกได้วัดความกว้างของพื้นที่ไว้ละเอียดหมดแล้ว ทำให้ผมสามารถ ไปเล็งของได้ลงตัว อันนี้คือข้อดีของการมีสถาปนิกเลย เพราะเป๊ะมากกกกกกกกกกกกก เค้าจะบอกหมดเลยว่า
- ที่นอนถ้าพี่จะใช้เตียง 6 ฟุต ห้องพี่ควรเผื่อพื้นที่เท่านี้นะ
- ตู้เย็นถ้าพี่อยากใช้แบบ สองประตู ไซส์มาตรฐานมันเท่านี้นะพี่
- โซฟา พี่ควรเผื่อเท่านี้นะ
- ตู้เสื้อผ้ามาตรฐานไซส์นี้นะครับ
- ครัวพี่ ถ้าพี่อยากจะทำครัวจริงจังควรเผื่อพื้นที่แบบนี้นะครับ ซิ้งล้างจานควรใหญ่หน่อย
โอ้วโหวววววว โคตรเป๊ะ ถึงเวลานี้สนุกมากกกกก เพราะเราเริ่มซื้อของตั้งแต่ก่อนสร้างบ้านแล้ว ด้วยความที่งบเราจำกัดมากๆ เราเลยต้องเดินเลือกของตามงานแฟร์ งานลดราคาต่างๆ เราซื้อมาทิ้งไว้ ละอาศัยความสนิท (หน้าด้าน) เลยเอาไปขอฝากไว้บ้านสถาปนิกครับ 55555

และนี่คือภาพขั้นตอนของการทำแปลน กับ การขึ้นโมเดลของห้องผมครับ

***ทริคเล็กๆ ของการซื้อของ ของผมคือ
- ไปดูเฟอร์นิเจอร์อย่างงานบ้านและสวนแฟร์ เล็งๆ ไว้ก่อนค่อยซื้อ วันท้ายๆ หน่อยก็จะได้ราคาที่ถูกลงกว่าที่ลดลงอีกกว่าวันแรกๆ แต่ข้อเสียคือ ของบางอย่างหมดก่อน เพราะถูกคนซื้อไปแล้ว
- ไปดูเครื่องใช้ไฟฟ้าที่งาน Homepro Expo จะได้ราคา และ เงื่อนไขบัตรเครดิตดีกว่า
- แต้มบัตรเครดิตทั้งหลาย ที่เอาไปแลกรับส่วนลดเพิ่ม หรือโปรโมชั่นผ่อน 0%
- งานลดราคาประจำปีของแบรนด์เครื่องครัว smeg ซื้ออุปกรณ์ครัวทุกอย่างเก็บไว้ก่อน เพราะราคาดีมากกกก
- ร้านขายของมือสอง ตาม Facebook หรือ ตามแหล่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
- เฟอร์นิเจอร์ Ikea เป็นตัวเลือกที่ดีครับ

อันนี้รูปที่เคยถ่ายไว้ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เราซื้อตอนลดราคา ที่งานประจำปีของ smeg

หลังจากจบแบบบ้านในฝัน สเตปต่อไปที่เรื่มเครียดขึ้นมาทันทีคือ เรื่อง ผู้รับเหมา ตอนนั้นเราหา ผู้รับเหมาอยู่หลายเจ้ามากๆ ทั้งสถาปนิกช่วยหา ทั้งหาในเฟชบุก ในพันทิป คนรู้จัก หาแม้กระทั่งช่างกลีบหมู ส่วนใหญ่ คือ เกือบทุกคนที่เราถาม เจอแต่ผู้รับเหมาที่ไม่โอเค ละไม่แนะนำเลย จนไปเจอรุ่นน้องเพิ่งทำร้านเสร็จ พอดีวันนั้นเราไปอุดหนุนของที่ร้านเลยนั่งคุยกับรุ่นน้องว่า ใครทำร้านให้ รุ่นน้องชื่ออาร์ม อาร์มบอกกับผมว่า น้าผมเองพี่ พี่อยากลองคุยกับแกดูมั้ยล่ะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าแกจะรับมั้ย เพราะปกติแกงานเยอะอยู่แล้ว แต่เราคิดแล้วว่า เอาก็เอาวะ ถ้าน้าจะโกงให้มันรู้กันไป 5555

เราเลยติดต่อน้าตั้ม ผู้รับเหมา ให้เข้ามาดูพื้นที่กับ คุยเรื่องราคาว่าเราไม่ค่อยมีเงินนะครับ ถ้าโดนน้าโกงนี่ ผมนี่ได้นอนคลุก อิฐ หิน ปูน ทราย แบบดิบๆ อย่างที่ตั้งใจแน่ๆ 5555 แต่ครั้งแรกที่เจอน้าตั้ม เรารู้สึกได้ว่าน้าเป็นคนน่ารัก เราคุยด้วยแล้วสบาย ก็เลยเริ่มงานกันเลย หลังจากนี้โครงสร้างเดิมเกือบทั้งหมดได้ถูกทุบ รื้อ ทิ้งไป สิ่งที่เก็บมีผนังเดิมๆ หนึ่งอันที่เอาไว้ติดรูปงานศิลปะแค่นั้นเลย

อันนี้คือภาพที่ถ่ายไว้ตั้งแต่เริ่ม ทุบ รื้อห้องครับ

กำแพงที่ไว้ติดรูปก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นละครับ

ห้องเริ่มเป็นสีขาว ตามแบบที่ทางสถาปนิกแนะนำ แต่ก็ยังเก็บความดิบในแบบของผมไว้อยู่

อันนี้มีทริคนิดนึงนะครับ สีขาวมันมีขาวหลายเฉด อย่างสีขาวที่ผมใช้ จะเป็นขาว off white เลยต้องมีการเอาตัวอย่างสีมาทดลองทาก่อน ละค่อยเลือกสีที่เราถูกใจครับ

พอโครงสร้างเริ่มเสร็จ ทีนี้ก็มาถึงการเดินระบบไฟ ซึ่งผมก็เลือกที่จะใช้แบบท่อเปลือย และพวกไฟ ผมเลือกใช้ ไฟเก่าจากเรือเดินสมุทร แบบดิบๆ มาดัดแปลงใช้กับไฟในปัจจุบันครับ

สวิชต์ ปิดเปิดไฟ จากเรือเดินสมุทรเหมือนกันครับ

ทีนี้ในส่วนของห้องน้ำ ผมก็ได้เอาอ่างอาบน้ำ เดิมออก ซึ่งปัจจุบันเป็นกระถางปลูกต้นไม้แทนละครับ ละติดกระเบื้องใหม่แทนครับ อย่างที่ผมบอก ระหว่างที่เราวางแผนทำมันจะมีเวลาอยู่ พยายามเดินดูของหลายๆ ที่ ถามเซลล์ว่าจะมีงานลดราคาช่วงไหนมั้ย เราก็จะได้ราคาที่ดีครับ พวกสุขภัณฑ์ ผมก็ประหยัดเงินไปกว่าครึ่ง เพราะ ได้ราคาที่ลดลง 50%

มาถึงโซนของห้องนอนที่ตอนแรก ผมกะทำเป็นห้องก่อกำแพงแบบปิด แต่มาเปลี่ยนใจทีหลัง ขอเป็นโปร่งๆ ดีกว่า เอาแค่กั้นแอร์ได้ก็พอ ถึงตอนนี้ก็งานเข้าที่ ผู้รับเหมา ละครับ เพราะ เรื่องงบประมาณที่จำกัดไว้ แต่สุดท้ายน้าตั้ม ผู้รับเหมาก็หาวิธีทำจนได้ อันนี้ต้องขอบคุณเลยครับ

มาถึงโซนครัวตอนแรกเลย ผมกะว่าจะใช้ครัวสำเร็จรูป แต่.... เค สถาปนิก ถามแล้วถามอีก พี่ พี่จะทำอาหารหนักมั้ย ถ้าหนักผมไม่แนะนำครัวสำเร็จรูป ผมแนะนำพี่ทำครัวปูนดีกว่า

***ข้อดีของครัวปูน
- ราคาต่อตารางเมตรถูกกว่าครัวสำเร็จรูป
- ทำความสะอาดง่าย
- ทนทานในการทำอาหารหนัก

สุดท้ายเลยทำครัวปูนอย่างที่เค สถาปนิกแนะนำครับ

ซิงก์น้ำ ก๊อกน้ำ ก็จากที่ซื้อจากงานลดราคาเก็บไว้ก่อนครับ

ชั้นวางเก็บของ ก็ใช้ไม้เก่า มาวัดขนาด ตัด ให้เป็นช่องๆ ไว้ใส่ของครับ
ชั้นวางของข้างบน ก็ทำแบบประหยัดจากเหล็กข้ออ้อย กับ ไม้เก่าที่เราตัดแล้วเหลือครับ

เอาล่ะ ทีนี้โครงสร้างทั้งหมดเริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เห็นละครับ ถึงตอนนี้ บอกตามตรงว่ารู้สึก หายเหนื่อย แบบถอนหายใจโล่งยาวๆ เลย

เอาล่ะ หลังจากโครงสร้างทั้งหมดเสร็จ ทีนี้ก็เป็นการย้าย ข้าวของ ต่างๆ จากห้องเช่าเดิมสู่ห้องในฝันของผมครับ
ถึงตอนนี้ ผมอยากจะกระโดด กอด ทั้งสถาปนิก และ ทีมผู้รับเหมา แน่นๆ เลยครับ ที่ทำให้ความฝันของผมเป็นจริง

อย่างที่บอกตอนแรกเลยครับ เปิดประตูบ้านเข้ามา ผมอยากเห็น งานศิลปะ รูปนี้เป็นอันดับแรก
ละมันก็เป็นอย่างนั้นได้จริงๆ ด้วย

ครัวปูนแบบ DIY บวกกับความที่ผมเป็นคนชอบต้นไม้ อยากปลูกต้นไม้ในบ้าน ก็เข้ากันอย่างลงตัว

ชั้นเหล็กวางของ ผมได้มาที่หลังจากงานขายของเก่า โดยครั้งแรกที่เห็น แล้วเฮ้ยมันน่าจะใส่ได้น่า วันแรกยังไม่ซื้อครับ 555
กลับบ้านไปเอาตลับเมตร วัดขนาดเพื่อความแน่ใจอีกที อีกวันค่อยกลับไปซื้อ ละโชคดีมาก ขนาดพอดีเลย

มุมนี้ ด้วยความผมเป็นคนชอบฟังเพลง เลยขอสร้างบรรยากาศในการทำอาหารนิดนึงครับ

ตู้ไม้สักนี้ได้มาจากร้านขายเก่าใน facebook ซึ่งตอนแรกที่เราเห็น เราถามเค้าเลยว่าให้พี่ช่วยวัดไซส์ให้หน่อยได้มั้ยครับ
พอดีผมจะเอามาใส่ของซึ่งมันต้องใหญ่หน่อย ซึ่งพอเค้าบอกไซส์มา เรารีบวัดรองเท้าเราเลยว่าใส่ได้มั้ย เพราะไซส์รองเท้าเราใหญ่ 555

ห้องนอนอย่างที่บอกไปครับ ว่าผมอยาก นอนโล่งๆ ละที่นอนอยู่ตรงกันข้ามกับทีวีพอดี (อันนี้คิดมาแล้ว) ซึ่งเอาไว้ นอนตีพุงดู netflix ในวันหยุดครับ

ต้นหมากเหลือง กับ ลิ้นมังกร ช่วยในการฟอกอากาศภายในบ้านครับ

ตรงระเบียง เราก็เอาอ่างอาบน้ำเก่า ไปเป็นกระถางปลูกต้นไม้แทน

โซนห้องนั่งเล่น ที่เอาไว้ทั้งรับแขก ทำงาน ก็ตรงนี้แหละ และ ผมได้ติดรูปงานพระบรมฉายาลักษณ์ ของศิลปิน สองท่านคือ คุณ ชอว์ และ คุณไอซ์ ไว้มุมนี้ เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านได้สร้างไว้ครับ

และสุดท้ายในส่วนของห้องน้ำ ที่ทำเสร็จเรียบร้อย การรื้อฝ้าข้างบนออกทำให้เราเห็นระบบน้ำ จากเดิมเป็นท่อสีน้ำเงิน เราก็จัดการทำสีเป็นสีขาวให้ห้องน้ำดูสะอาดครับผม

จบละครับ สำหรับการแชร์ประสบการณ์ การรีโนเวท ห้องธรรมดา สู่ ห้องในฝันของผม หวังว่า เพื่อนๆ จะได้ความรู้ ได้ประโยชน์ไปใช้ในการตกแต่งบ้านนะครับ อย่างที่ผมบอกครับ บ้านคือ ที่ที่เราควรอยู่แล้วมีความสุขกับมันที่สุด ถ้าเรามีงบจำกัด ก็พยายามทำการบ้านเยอะๆ ครับ ถ้าใครมีปัญหา หรือ ข้อสงสัยตรงไหน ว่าจะยื่นกู้ยังไง ซื้อของที่ไหน แนะนำช่าง จะมาสอบถามผมหลังไมค์ก็ได้นะครับ ผมยินดีให้คำแนะนำครับ หรือจะเข้ามาสอบถามผมในเฟสบุคส่วนตัว https://www.facebook.com/snappysnappy1 ก็ยินดีครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิต และ การแต่งบ้านนะครับ

*** ขออนุญาตเพิ่มเติม Credit เรื่องภาพถ่ายนิดนึงนะครับ
ภาพ ในส่วน Before ทั้งหมด เป็นทางแฟนผม และ ผมเป็นคนถ่ายไว้นะครับ
ส่วนภาพ After ทั้งหมด เป็นทางช่างภาพ บ้านและสวน และ Room คุณมิ้ม คุณโก๋ และ คุณจูน เป็นคนถ่ายเพื่อลงนิตยสารและลงเว็บไซต์ของทางอมรินทร์ครับ

อันนี้ผมผิดเองที่ผมตกหล่นตรงนี้ไป ขอน้อมรับผิด ณ ตรงนี้ด้วยครับผม

อัลบั้มภาพ 49 ภาพ

อัลบั้มภาพ 49 ภาพ ของ จากห้องแสนธรรมดา สู่ห้องในฝันของผม รีโนเวท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook