Lazy Habits.... that can harm your health
หากคุณเป็นคนชิลล์ ๆ ซอฟต์ ๆ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ขี้เกียจทำงาน ขี้เกียจไปดูหนัง ขี้เกียจง้อแฟน อืม..... ดิฉันว่าก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ เพราะทุกอย่างที่กล่าวมานี้ไม่ได้ทำร้ายสุขภาพร่างกายของคุณแต่อย่างใด (ส่วนสุขภาพใจนั้นอีกเรื่อง) แต่หากคุณเป็นคนแบบบรรทัดต่อไปนี้แล้วล่ะก็ กรุณาปรับปรุงพฤติกรรมโดยด่วน!
Neglecting to floss : (โปรดอย่า) มองข้ามไหมขัดฟัน
Why it's bad : การใช้ไหมขัดฟัน เป็นวิธีกำจัดเศษอาหารและคราบหินปูนระหว่างซอกฟันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด หากไม่ใช้ไหมขัดฟันคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งในท้ายที่สุด อาจจะร้ายแรงจนถึงกับต้องถอนฟันเลยทีเดียว งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียที่เกิดจากโรคเหงือกอักเสบนั้นสามารถซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เป็นโรคหัวใจได้ บรื๋อ....น่ากลัวจัง
Try this instread : แม้เวลาที่ดีที่สุดของการใช้ไหมขัดฟันคือตอนก่อนนอนก็จริง แต่ทราบไหมว่าการใช้ไหมขัดฟันตอนเช้าก็ยังดีกว่าไม่ใช้เลยนะคะ เชื่อเถิดว่าเมื่อคุณได้ลองใช้ จะต้องคิดแน่ ๆ ว่าที่ผ่านมาพลาดสิ่งมหัศจรรย์สิ่งนี้ไปได้อย่างไร
Wearing make-up in bed : นอนทั้งเครื่องสำอาง
Why it's bad : ดร. ไมเคิล ฟรีแมนผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังของออสเตรเลียกล่าวไว้ว่า "หากปล่อยให้เครื่องสำอางอยู่บนหน้านานเท่าไพร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองมากเท่านั้น สารเคมีจากเครื่องสำอางจะซึมลึกเข้าสู่ผิวหนังทำให้ผิวแพ้เป็นผดผื่น ยิ่งถ้าผิวหน้าบอบบางและมักเป็นสิว เพราะเครื่องสำอางอยู่ก่อนแล้ว การปล่อยให้ใบหน้าฉ่ำโบ๊ะไปด้วยเครื่องสำอางตลอดทั้งคืน สามารถทำให้เกิดสิวอักเสบได้ไม่ยากเลย"
Try this instead : หากเกิดอาการง่วงขี้เกียจ (หรือแฮงก์) ให้ล้างเครื่องสำอางด้วยสบู่กับน้ำเปล่าก็พอ แต่ถ้าอยากหน้าใสแบบวัยทีนแล้วล่ะก็ คุณรู้ใช่ไหมว่าต้องพิถีพิถันมากกว่านั้น
Sleeping in your lenses : ไม่ยอมถอดคอนแทคเลนส์
Why it's bad : หากคุณนอนหลับทั้ง ๆ ที่ยังใส่คอนแทคเลนส์ (ทั้งแบบสายตา แบบสี หรือล่าสุด.... แบบตากลมโต) อยู่ คุณกำลังทำให้ดวงตาเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างรุนแรงมากขึ้น 10 เท่า ดีไม่ดีอาจทำให้กระจกตาเปื่อยและเป็นแผล ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว คุณอาจจะสูญเสียการมองไปเลยก็ได้ นี่คือสิ่งที่ ดร. มาร์ค ลาซารัส แพทย์จากโรงพยาบาล Royal Victorian Eye and Ear เตือนไว้ค่ะ
Try this instead : ถ้าอยู่นอกบ้านแล้วดั้น.... ไม่มีกล่องใส่คอนแทคเลนส์ หรือแม้แต่น้ำยาล้างเลนส์ ง่ายมั่ก ๆ แค่ทิ้งคอนแทคเลนส์ลงถังไปเลย (แค่นั้นจริง ๆ) อย่าไปเสียดายค่ะเป็นอะไรขึ้นมาไม่คุ้มกันหรอก และที่สำคัญ ห้ามล้างเลนส์กับน้ำเปล่าโดยเด็ดขาด (ไม่อย่างนั้นจะมีน้ำยาสำหรับล้างเลนส์โดยเฉพาะไว้ทำไม....จริงไหม?)
Rushing your meals : รีบสั่ง รีบกิน รีบจ่าย
Why it's bad : ดร. แมนนี่ โนกส์ นักวิจัยอาวุโสจากออสเตรเลียกล่าวไว้ว่าการกินอาหารแบบเร่งรีบทำให้อาหารย่อยยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นโรคอ้วน "หากต้องการควบคุมน้ำหนัก ไม่ควรกินอาหารแบบรีบ ๆ เพราะร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อสั่งการไปยังสมองว่าเรารู้สึกอิ่มแล้วดังนั้น การรีบกินอาจทำให้คุณกินอาหารมากกว่าปกติ 3-4 เท่าโดยที่ไม่รู้ตัว"
Try this instead : นอกจากตัวอาหารเองแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ในการกิน ก็มีผลต่อความเร็วในการกินเช่นกันค่ะ การกินไปเดินไป จะทำให้กินอาหารได้เร็วกว่าปกติ ต่างจากการนั่งกินอาหารด้วยมีดและส้อมที่สามารถทำให้เรากินช้าลงได้ และสำหรับสาวออฟฟิศทั้งหลายลองกินไปเมาท์ไป อุ๊ย เพลินค่ะ รับรองว่าเกิน 30 นาที รู้สึกถึงความอิ่มได้แน่นอน
Sharing your toiletries : คิดว่าของของเพื่อนก็เหมือนของของเรา
Why it's bad : คิดให้ดีก่อนที่จะใช้ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของใคร ถึงจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนเลิฟ หรือแฟนสุดหล่อคนนั้นก็เหอะ อย่างที่โกนหนวดนี่ไม่ควรอย่างยิ่งค่ะ คราบเลือดที่ติดอยู่ตามคมมีดอาจทำให้คุณเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ซี หรือแม้แต่ติดเชื้อ HIV ได้ง่าย ๆ เพราะคนที่เป็นโรคดังกล่าวจะไม่แสดงอาการให้เห็น เราจึงไม่มีทางรู้ นอกจากนี้การใช้แปรงสีฟันร่วมกันก็เป็นความคิดที่แย่สุด ๆ (แค่คิดก็แหวะแล้ว) เพราะอาจทำให้เป็นโรคเริมได้ด้วยนะ
Try this instead : ควรมีแปรงสีฟันสำรองไว้ในตู้ตลอดเวลาเผื่อกรณีฉุกเฉิน และถ้าต้องเดินทางไปไหนไกล ๆ ก็ควรพกแปรงสีฟันไปด้วยเสมอส่วนที่โกนหนวด แนะนำว่าถ้าลืมเอาไปก็ปล่อยให้มันยาวไปเถอะค่ะยังไงก็ปลอดภัยกว่ายืมคนอื่นชัวร์ ๆ
Ditching your doctor : คุณหมออยู่นอกสายตา
Why it's bad : "ทุกคนควรมีแพทย์ประจำครอบครัว" (ถ้าเป็นในละครอาจจะเรียกว่าแพทย์ประจำตระกูล) ดร. จอห์น กูลลอดต้า แนะนำไว้" เนื่องจากเราควรจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยหนึ่งคนที่รู้รายละเอียดต่าง ๆ และความเป็นไปเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บของเรา รวมทั้งประวัติการรักษาของทุกคนในครอบครัวด้วย เพราะโรคบางอย่างอาจรักษาให้หายขาดได้หากพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งสามารถรู้ได้จากการตรวจร่างกายประจำปีอย่างการตรวจวัดความดัน การตรวจระดับน้ำตาลและระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเป็นต้น"
Try this instead : เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าต้องไปตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีให้ได้ แหม....ปีหนึ่งมีตั้ง 360 กว่าวัน สละเวลาแค่ 1 วัน คงไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ แล้วก็อย่าลืมตรวจหาโรคที่มักจะมาพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้นด้วยล่ะ
Skipping breakfast : อาหารเช้าของฉันกินตอนเที่ยง
Why it's bad : หากคุณมองข้ามความสำคัญของการรับประทานอาหารเช้า
แสดงว่าคุณกำลังพลาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้
การกินมื้อเช้าจะทำให้เราไม่วูบวาบหวั่นไหวต่อสิ่งล่อตาล่อใจรอบข้างในช่างระหว่างวัน
อย่างพวกเค้กช็อกโอแลต พิซซ่า หรือไอศกรีม เป็นต้น เพราะฉะนั้นการกินมื้อเช้าจึงทำให้
การลดน้ำหนักจะง่ายขึ้นโดยปริยาย
Try this instead : กินผลไม้ ซีเรียลสักถ้วย หรือขนมปังปิ้งกับไข่ต้มก็ง่ายดี แต่หาก
ไม่มีเวลากินที่บ้านจริง ๆ ซื้อแซนด์วิชสักชิ้นจากร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ก่อนเข้างานก็ไม่น่ายากจนเกินไป
Cradling the phone in your neck : หนีบมันเข้าไป
Why it's bad : คงมีบ้างแหละน่าที่คุณต้องคุยโทรศัพท์ในขณะที่ต้องทำงานอื่นไปด้วย (ยกตัวอย่างเช่น เวลาผู้ชาย ที่แอบชอบโทรมาหาครั้งแรกในชีวิต แต่พระเจ้า (บ.ก.) ไม่เห็นใจ ยืนยันว่าต้องปิดต้นฉบับให้เสร็จ ณ บัดนาว จะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ลำบากหัวใจเหลือเกิน เป็นต้น) แต่รู้หรือไม่ว่าการคุยโทรศัพท์โดยหนีบเครื่องโทรศัพท์ระหว่างหูกับไหล่นั้น เป็นการกระทำที่ฝืนธรรมชาติของร่างกายอย่างยิ่งเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อที่ยึดข้อต่อเส้นเอ็นและข้อต่อกระดูกบริเวณลำคอเกิดอาการเกร็ง หากทำอย่างนี้บ่อย ๆ คงหนีไม่พ้น อาการปวดคอเรื้อรังแหง ๆ
Try this instead : ลงทุนหน่อยดีไหม ถ้าเป็นมือถือก็ขอให้ซื้อหูฟังโทรศัพท์ไว้สักอัน (ที่จริงเขาก็มีแถมให้นี่เนอะแต่ไหงไม่ค่อยชอบใช้กัน) จะบลูท้ง บลูทูธ อะไรก็ตามสะดวกหรือถ้าเป็นโทรศัพท์บ้าน ลองใช้ speaker ดูก็ไม่เลว แต่ที่ง่ายกว่านั้น และไม่ต้องลงทุนอะไรเลย หากเรื่องที่จะคุยไม่ได้จำเป็นเร่งด่วนหรือมีแก่นสารเท่าไหร่นัก เอาไว้คุยตอนมือว่างก็ได้ ไม่สายเกินไปหรอกค่ะ