ข้อดีของการซื้อบ้านเล็กในโครงการใหญ่

ข้อดีของการซื้อบ้านเล็กในโครงการใหญ่

ข้อดีของการซื้อบ้านเล็กในโครงการใหญ่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โครงการบ้านจัดสรรทั่วไปมักจะมีการแบ่ง Brand segment ตามระดับราคาของบ้าน นอกจากนั้นภายในโครงการก็ยังจะมีบ้านหลากหลายรูปแบบและพื้นที่ใช้สอยหลายขนาด บางโครงการก็มีการผสมผสานระหว่างบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม คำถามที่หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าควรจะซื้อบ้านในโครงการในขนาดและ segment ไหน ลองมาดูว่าการซื้อบ้านเล็กในโครงการใหญ่หรือใน Segment ระดับบนนั้นมีข้อดีอย่างไร

บ้านในโครงการมีการแบ่งระดับ Segment อย่างไร

การแบ่งระดับ Segment หรือระดับราคาของบ้าน เป็นการแบ่งช่วงราคาของบ้านตามกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ระดับราคาต่ำไปจนถึงสูงมาก ซึ่งก็จะมีการเลือกใช้วัสดุ การก่อสร้าง ฟังก์ชั่น และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการในระดับที่แตกต่างกันไปด้วย โดยทั่วไปแล้วบ้านในโครงการมักจะมีการแบ่ง segment ตามระดับราคาบ้านออกเป็น 6 ช่วง ได้แก่

1. Economy class 

โครงการบ้านที่มีราคาในระดับเริ่มต้น ตั้งแต่ต่ำกว่าล้านไปจนถึงไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยมักจะเป็นบ้านที่อยู่บ้านเล็ก ๆ ในพื้นที่ชานเมือง ไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมากนัก และเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับเริ่มต้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเล็ก ๆ เช่น ทาวน์โฮม หรือบ้านแฝด เป็นต้น

2. Main Class 

โครงการบ้านที่มีระดับราคาตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท โดยเป็นระดับราคาทั่วไปตามราคาตลาด จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง วัสดุภายในโครงการก็จะเป็นวัสดุระดับกลาง สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ได้หวือหวามากนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวที่เป็นบ้านเล็ก ๆ เช่น เดอะแพลนท์, อินนิซิโอ, คณาสิริ, เพฟ

3. Upper Class 

โครงการบ้านระดับราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นระดับราคาที่สูงขึ้นมาก แต่จะไม่ค่อยมีการปรับฟังก์ชั่นหรือแบบบ้านมากนัก และมักจะมีการผสมผสานระหว่างบ้านเล็ก ๆ และบ้านขนาดกลาง เน้นการใช้วัสดุที่มีความพรีเมียมมากขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการดีขึ้น เน้นจับกลุ่มลูกค้าในระดับเจ้าของกิจการ พนักงานบริษัทในระดับ Middle-level ไปจนถึง Manager Level เช่น ภัสสร, สราญสิริ หรือเพอร์เฟคเพลซ

4. High Class 

โครงการบ้านที่มีระดับราคาตั้งแต่ 10-20 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ภายในโครงการจะมีแบบบ้านหลากหลายตั้งแต่ บ้านเล็ก ๆไปจนถึงบ้านขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน วัสดุที่ใช้เป็นระดับพรีเมียม เช่น บางกอก บูเลอวาร์ด, เศรษฐสิริ หรือลัดดารมย์

5. Luxury Class 

โครงการบ้านระดับราคา 20-40 ล้านบาท ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าระดับบนตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงเจ้าของธุรกิจ ภายในโครงการเป็นบ้านขนาดใหญ่ วัสดุระดับพรีเมียม สิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม พร้อมทั้งยังมีสิทธิพิเศษและบริการแบบ Exclusive อื่น ๆ เช่น แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด, นาราสิริ หรือเดอะ พาลาซโซ่

6. Super Luxury Class 

โครงการบ้านระดับราคาตั้งแต่ 40 ล้านบาทเป็นต้นไป เป็นบ้านหรูที่จับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เน้นที่มา Emotional Value มากกว่า Functional Value ขั้นพื้นฐาน สะท้อนความภาคภูมิใจและความเหนือชั้นที่ได้ครอบครอง เช่น ลัดดาวัลย์, บ้านแสนสิริ หรือสันติบุรี

ซื้อบ้านเล็กในโครงการใหญ่มีข้อดีอย่างไร

จะเห็นได้ว่าในแต่ละระดับ Segment ของโครงการมีการจับกลุ่มลูกค้าแต่ละระดับที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนั้นก็ยังมีการเลือกใช้วัสดุตกแต่งในเกรดต่างกัน และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการต่างกันไป ซึ่งแน่นอนว่าบ้านใน segment ระดับบน หรือโครงการใหญ่ ก็จะยิ่งมีสิทธิประโยชน์ที่พิเศษมากกว่า และสำหรับการตัดสินใจซื้อบ้านเล็ก ก็หมายถึงการได้ครอบครองสิทธิประโยชน์เหล่านั้นด้วย

1. ได้อยู่ในสังคมเพื่อนบ้านระดับคุณภาพ 

คงจะเคยได้ยินกันมาแล้วว่า ระดับราคาและ Segment ของบ้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยคัดกรองเพื่อนบ้านที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาอยู่ร่วมกัน แม้ว่าเราจะซื้อบ้านเล็กหรือบ้านระดับราคาที่ถูกที่สุดของโครงการ แต่ก็สามารถอยู่ในสังคมเพื่อนบ้านระดับคุณภาพภายในโครงการได้ด้วยเช่นกัน

2. ได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการไม่ต่างจากบ้านใหญ่ 

แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่โครงการเดียวกันแล้ว บ้านทุกหลังก็สามารถครอบครองสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการซื้อบ้านเล็ก ๆ ก็ที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากและขนาดที่ดินเล็ก ซึ่งก็จะเสียค่าส่วนกลางไม่มากเท่าบ้านหลังใหญ่ แต่สามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ไม่ต่างกัน

3. ได้รับการดูแลและระบบความปลอดภัยระดับดีเยี่ยม 

โครงการบ้านในระดับ Segment บน มักจะมีระบบความปลอดภัยในระดับดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นประตูทางเข้าโครงการ 2 ชั้น การดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง การดูแลตรวจตราของพนักงานรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่น ๆ ดังนั้นจึงอุ่นใจได้เลยว่าได้อยู่ในโครงการที่มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยมแน่ ๆ

4. ได้วัสดุภายในบ้านระดับพรีเมียม 

ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า บ้านในโครงการ Segment ระดับบน จะมีการเลือกใช้วัสดุภายในบ้านระดับพรีเมียม มีการดีไซน์ที่พิถีพิถันมากกว่าระดับล่าง โดยบ้านทุกหลังมักจะใช้วัสดุในระดับเดียวกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าเราจะซื้อบ้านเล็ก ๆ แต่ก็จะได้รับวัสดุในเกรดเดียวกันกับบ้านใหญ่

5. ได้ความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครอง 

สำหรับบ้านใน Segment ระดับบน มักจะเน้นการสร้าง Emotional Value มากกว่า Functional Value ซึ่งเป็นเรื่องทั่วไปที่จะได้รับอยู่แล้ว โดยการได้อยู่อาศัยในโครงการระดับ Segment ที่สูงขึ้น จะให้ความรู้สึกพิเศษและมีภาคภูมิใจที่ได้ครอบครอง ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้

การเลือกซื้อบ้านซักหลัง ไม่ใช่เพียงแค่การมองเรื่องของพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการใช้ชีวิตประจำวันหลังจากเข้าอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้ง การเดินทาง ความปลอดภัย ความอุ่นใจที่ได้อยู่อาศัย การดูแลจากทางโครงการ ระบบความปลอดภัยภายในโครงการ รวมไปถึงสังคมและสภาพแวดล้อมภายในโครงการด้วย เพราะบ้านไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่ที่เอาไว้ใช้พักผ่อนเท่านั้น แต่บ้านในปัจจุบันคือสถานที่ที่เราและครอบครัวจะฝากชีวิตไว้ ดังนั้นควรเลือกบ้านที่ดีที่สุดในแบบของตัวเราเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook