ประกันไฟไหม้ สำคัญแค่ไหนสำหรับคนซื้อบ้าน

ประกันไฟไหม้ สำคัญแค่ไหนสำหรับคนซื้อบ้าน

ประกันไฟไหม้ สำคัญแค่ไหนสำหรับคนซื้อบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การลงทุนซื้อบ้าน ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่และสร้างหนี้ก้อนใหญ่ บางคนใช้เวลาอยู่นาน ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะซื้อบ้านเป็นชื่อของตัวเอง ในเมื่อบ้านของสินทรัพย์มูลค่าสูงและใคร ๆ ก็หวงแหน การลดความเสี่ยงหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจึงเป็นอีกเรื่องที่ควรนำมาพิจารณา ซึ่งก็คือ การทำประกันบ้าน และหากคิดถึงการทำประกันบ้าน ก็ควรนึกถึง ประกันอัคคีภัย 

ในทางกฎหมาย ไม่ได้บังคับว่าบ้านทุกหลัง ทุกครัวเรือนต้องทำประกันอัคคีภัย แต่การทำประกันอัคคีภัยสำคัญกว่าที่คิด อย่างน้อยการทำประกันเอาไว้ ก็ทำให้อุ่นใจได้หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีไฟไหม้บ้าน การทำประกันไว้มันคุ้มมากกว่า หากเรานึกถึงคำพูดที่ว่า โจรขึ้นบ้าน 10 ครั้ง ก็ไม่เท่าไฟไหม้บ้านครั้งเดียว

ประกันอัคคีภัยบ้านคืออะไร

การทำประกันอัคคีภัยบ้าน หรือเรียกว่าประกันบ้าน คือการทำกรมธรรม์คุ้มครองบ้านของเรา หากมีเหตุเพลิงไหม้และได้รับความเสียหาย โดยเงื่อนไขการคุ้มครองและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จะขึ้นอยู่กับบริษัทประกันต่าง ๆ ที่เราได้ทำสัญญาด้วย จึงต้องอ่านและศึกษารายละเอียดให้ดี ๆ

ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท การทำประกันบ้านจึงเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ เพราะมันช่วยลดความเสี่ยงในการต้องจ่ายค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากไฟไหม้ให้เบาลง แทนที่เราจะต้องรับความเสี่ยงเองทั้งหมด ก็โอนความเสี่ยงไปให้กับประกันภัยแทน อย่าเสียดายเงินจนเข้าทำนอง เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

จ่ายเพียงหนึ่ง แต่ความคุ้มครองหลายอย่าง

เมื่อเห็นคำว่าอัคคีภัย อาจเข้าใจไปว่าการทำประกันอัคคีภัยบ้านนั้น จะคุ้มครองบ้านและทรัพย์สินจากกรณีไฟไหม้เพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้ว การทำประกันอัคคีภัยบ้าน ยังคุ้มครองในกรณีอื่นด้วย ดังต่อไปนี้

  • ความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้
  • ความเสียหายที่เกิดจากฟ้าผ่า รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหายจากเหตุฟ้าผ่าหรือลัดวงจรขณะเกิดเหตุฟ้าผ่า
  • ความเสียหายจากการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์ในการอยู่อาศัย
  • ความเสียหายจากการเฉี่ยวชนโดยพาหนะ หรือสัตว์พาหนะ เช่น รถยนต์ วัว ควาย ม้า
  • ความเสียหายจากอากาศยาน วัตถุที่ตกจากอากาศ ยกเว้นจรวดอาวุธ
  • ความเสียหายจากน้ำที่เกิดจากการรั่วไหลภายในอาคาร หรือน้ำฝนที่ไหลเข้ามาจนได้รับความเสียหาย
  • ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลูกเห็บ พายุ แผ่นดินไหว (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์บริษัทต่าง ๆ ซึ่งอาจแตกต่างกัน ควรสอบถามก่อนว่าคุ้มครองภัยธรรมชาติด้วยหรือไม่)

แล้วไม่ทำได้หรือไม่?

บางคนอาจคิดว่าแค่ผ่อนจ่ายค่าบ้านอย่างเดียวก็แย่พอแรงแล้ว ยังจะต้องมาจ่ายค่าเบี้ยประกันอีกเหรอ ซึ่งถ้าซื้อบ้านด้วยเงินสด จะไม่ทำก็ได้ แต่การซื้อบ้านในลักษณะกู้เงินจากธนาคาร จำเป็นต้องซื้อกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยด้วยจนกว่าจะผ่อนค่าบ้านหมด หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ธนาคารจะเกลี้ยกล่อมแกมบังคับให้ทำ

นั่นเป็นเพราะการกู้เงินจากธนาคารเพื่อซื้อบ้าน ในขณะที่บ้านยังผ่อนไม่หมด ก็เท่ากับว่าบ้านยังเป็นสินทรัพย์ของธนาคาร ดังนั้น ทางธนาคารก็ต้องการความคุ้มครองในสินทรัพย์ที่ธนาคารยังถืออยู่ ซึ่งเวลาที่เราไปกู้เงินซื้อบ้าน ธนาคารอาจจะเสนอกรมธรรม์ของธนาคารเอง หรือเป็นการเสนอของบริษัทพันธมิตรก็ได้ หรือเราเป็นลูกค้าของที่ไหนอยู่แล้วจะไปหาซื้อเองก็ได้ แต่ควรต้องทำไว้ เพราะมันสำคัญมากกว่าที่คิด เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ

วิธีการเลือกทำประกันอัคคีภัยให้ตรงใจหายลังเล

สำหรับคนที่กำลังคิดจะทำประกันบ้าน อาจจะยังลังเลอยู่ว่าจะทำกับบริษัทไหนดี Tonkit360 จึงมีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เผื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ

  • ความมั่นคงของบริษัทประกันภัย บริษัทที่เลือกต้องเป็นบริษัทที่เปิดทำการมายาวนาน มีความมืออาชีพและนโยบายที่ชัดเจน
  • ความช่ำชองของตัวแทน ตัวแทนหรือบุคลากรของบริษัทประกันภัยนั้น ๆ ต้องมีความเป็นมืออาชีพและช่ำชอง สามารถตอบคำถามและให้ความรู้เกี่ยวกับประกันอย่างครบถ้วน
  • การบริการ ขั้นตอนการเคลมต้องไม่ยุ่งยากและบรรเทาปัญหาของเราได้รวดเร็วและง่ายที่สุด

ก่อนทำประกันอัคคีภัยบ้าน ควรรู้…

  • ทำประกันอัคคีภัยให้ครอบคลุมมูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน

การทำประกันอัคคีภัยบ้าน ควรทำให้ครอบคลุมมูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน แต่ไม่ควรทำเกินมูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน เพราะหลักการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จะจ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้ทำประกันไว้

  • ต้องคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สิน

อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องทำประกันคุ้มครองเต็มมูลค่าทรัพย์สิน แต่ไม่ควรทำต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สินตามหลักเกณฑ์การประกันอัคคีภัย

  • จะซื้อความคุ้มครองเพิ่มก็ได้

ในกรณีที่กรมธรรม์ไม่ได้ระบุคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ หรือคุ้มครองจากภัยโจรกรรมเพิ่มเติม ก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ แต่การซื้อความคุ้มครองเพิ่ม ค่าเบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นตาม ดังนั้น หากจ่ายไหวจะทำก็ได้ แต่ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ทำเท่าที่จำเป็น

  • เลือกระยะเวลาคุ้มครองยาว

ยิ่งทำประกันระยะยาว เบี้ยประกันจะถูกและคุ้มกว่า แต่หากต้องการลองดูก่อน อาจพิจารณาเลือกทำประกันภัยระยะเวลา 1 ปีแทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook