ชีวิตวิถีใหม่ เมื่อเพื่อนบ้านกลายเป็นมลพิษทางเสียง

ชีวิตวิถีใหม่ เมื่อเพื่อนบ้านกลายเป็นมลพิษทางเสียง

ชีวิตวิถีใหม่ เมื่อเพื่อนบ้านกลายเป็นมลพิษทางเสียง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงเวลาล็อกดาวน์ นับเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกตกอยู่ในความตึงเครียด การทำงานในรูปแบบ Work from Home แม้จะมีเทคโนโลยี อำนวยความสะดวก เหมือนทำงานที่ออฟฟิศ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนออฟฟิศ คือสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน

มีรายงานของ สภาท้องถิ่นในกรุงลอนดอน ระบุว่ามีผู้ร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านนับพันรายต่อวัน การร้องเรียนเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านนั้นมีตั้งแต่เสียงเพลงที่ดังเกินไป เสียงเล่นของเด็กจากสวนในหมู่บ้าน รวมไปถึงเสียงอึกทึกจากผู้ที่ลักลอบจัดปาร์ตี้ ซึ่งการร้องเรียนเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านของสภาเมืองกรุงลอนดอนนั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 28 เปอร์เซ็นต์

สาเหตุหลัก ๆ ที่การร้องเรียนเพิ่มขึ้นในกรุงลอนดอนหรือในเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วยนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะในเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น ที่อยู่อาศัยมีพื้นที่ไม่มากเหมือนในต่างจังหวัด ทำให้เกิดเสียงรบกวนโดยง่าย ทีนี้มาดูกันดีกว่าเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านชนิดไหนบ้างของกรุงลอนดอนที่ตรงกับในเมืองไทย

เสียงจากเพื่อนบ้านที่ชอบเปิดเพลงดัง

ในลอนดอน ปัญหานี้คือปัญหาหลักและมีการร้องเรียนมากที่สุด จะว่าไปปัญหานี้ไม่ได้ต่างไปจากปัญหาของคนอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ หอพัก ในกรุงเทพฯ สักเท่าไรนัก เพราะแม้แต่ทาวน์เฮาส์ที่ผนังบ้านติดกัน ล้วนต้องประสบพบเจอตั้งแต่ช่วงก่อนมีโรคระบาด แต่การมาถึงของสถานการณ์โรคระบาดทำให้ผู้คนต้องอยู่ในพื้นที่ของตนเองตลอดทั้งวัน ทำให้ได้ยินเสียงรบกวนทั้งวันและทุกวัน

วิธีแก้ไขที่หลายคนทำคือแจ้งผู้ดูแล นิติฯ อาคาร แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเกิดผลใด ๆ ขณะที่บางรายเดินรวบรวมกำลังใจเดินไปบอกด้วยตนเอง ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังอาจต้องเจอกับอาการแซะจากเพื่อนบ้านชนิดเปิดเพลงเสียงดังกว่าเดิมไปอีก

เป็นแบบนี้ นอกจากทำใจก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ หรืออาจต้องแก้ด้วยการลงทุนบุผนังเพื่อให้เสียงไม่เล็ดลอดเข้ามา เพราะคนที่เปิดเพลงเสียงดังจนรบกวนคนอื่น มักคิดว่าเพลงที่เขาฟังนั้นไพเราะจนไม่น่าจะสร้างความรำคาญให้คนอื่น และการถูกเตือนในเรื่องแบบนี้ก็คนเหล่านี้มักจะคิดว่านี่พื้นที่ของฉัน ฉันมีสิทธิ์เปิด แต่ไม่ได้สนใจว่าไปละเมิดสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นรึเปล่า

เสียงรบกวนจากสนามเด็กเล่นหรือสระว่ายน้ำในคอนโด

ความที่ช่วงล็อกดาวน์​ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องอยู่บ้านกันตลอดทั้งวัน การทำงานที่ Work from Home ทำให้ได้ยินเสียงรบกวนแทบจะตลอดเวลา สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน หรือเด็กที่ออกมาเล่นหน้าบ้าน รวมไปถึงสระว่ายน้ำในคอนโด ที่กลายเป็นพื้นที่รวมเด็กตั้งแต่เช้า สร้างเสียงรบกวนสำหรับคนที่ต้อง Work from Home ได้ทั้งหมด 

ซึ่งปัญหานี้มีเสียงร้องเรียนเป็นอันดับที่สองต่อจากปัญหาเรื่องเปิดเพลงดังในกรุงลอนดอน ส่วนในกทม. ปัญหานี้คือปัญหาสุดคลาสสิก สำหรับคนที่มีเพื่อนบ้านมีลูกเล็ก และไม่ได้ไปโรงเรียนในช่วงโควิด สิ่งที่เด็กจะทำได้คือ เล่นอยู่หน้าบ้านตนเอง หรือไปเล่นที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน และแน่นอนว่าเวลาเด็กเล่นกันนั้น เสียงต้องดังกว่าปกติ คนที่ต้องทำงานหรือประชุมจากบ้านก็หนีไม่พ้นเสียงรบกวนนี้ 

วิธีการแก้ปัญหานี้ อาจต้องแจ้งนิติบุคคลของหมู่บ้านให้ผู้ปกครองเด็กเข้ามาดู แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร เพราะเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน จะให้นั่งเรียนออนไลน์ในบ้านอย่างเดียวคงทำไม่ได้ ทางแก้ที่ดีที่สุดคือตัวเราเองที่อาจต้องคอยปิดหน้าต่าง ประตู และปิดม่านเพื่อให้ซับเสียงรบกวนให้ได้มากที่สุด 

เสียงรบกวนเมื่อเพื่อนบ้านลักลอบจัดปาร์ตี้

แม้ว่าจะมีข้อห้ามที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายที่ห้ามมีการรวมกลุ่ม แต่ในลอนดอนก็ยังประสบปัญหาคนลักลอบจัดปาร์ตี้ ที่บ้านซึ่งเป็นปัญหาไม่ได้แตกต่างไปจากเมืองไทยแม้แต่น้อย และเมื่อมีปาร์ตี้ ก็ต้องมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเพลงเสียงดัง ไปจนถึงการใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มดีกรีของปาร์ตี้เข้าไปอีก

จากผลสำรวจในลอนดอน สำหรับการแก้ปัญหานี้คือเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจัดการกับปาร์ตี้ ที่ฝ่าฝืนข้อห้ามในการล็อกดาวน์ ส่วนในเมืองไทยนั้นอาจจะลำบากนิดหน่อยเพราะ จนท.ตำรวจไม่ได้มาได้โดยง่าย ผู้ที่ประสบเหตุอาจต้องพึ่งตนเองไปก่อน ด้วยการแจ้งนิติฯ ในหมู่บ้านหรือคอนโด และถ้ายังไม่ได้ผล ก็คงต้องใช้วิธีเดียวกับการแก้ปัญหาเพื่อนบ้านเปิดเพลงดังคือ บุผนังเก็บเสียงในห้องของตนเองไปเลย

เพราะการใช้เหตุผลกับคนเหล่านี้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ เพราะพวกเขาคิดว่าตนเองอยากทำก็จะทำ ใช้วิธีที่ไม่ต้องปะทะกันจะดีที่สุด และสุดท้ายเมื่อต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควรทำเลยไม่ต้องรีรอใด ๆ

ทั้งหมดนี้คือ “เสียง” ที่ได้กลายเป็นปัญหาในชีวิตวิถีใหม่ที่ทุกคนอยู่บ้านแทบจะทุกวัน เพื่อทำงานและเรียนหนังสือออนไลน์ หากคิดว่ากิจกรรมใดหรือคนในครอบครัวคนใดมีพฤติกรรมใช้เสียงดังเกินไป ก็ขอให้นึกถึงเพื่อนบ้าน หรือ ใจเขาใจเราบ้าง เพราะบางครั้งความรู้สึกสนุกของคุณ อาจทำให้คนอื่นเขารู้สึกรำคาญและพาลจะเสียความรู้สึกกันไปโดยง่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook