คุยกับหมอพิณ จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ
สวัสดีโซเชียลแคม เอ๊ย สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ก็ไม่มีอะไรมาก สัปดาห์นี้จะมาคุยกันเรื่องจูบกันนะคะ ไม่ว่าจะจูบกันท่าไหน ท่าที่พระเอกกับนางเอกสะดุดล้มกลิ้ง 3-4 ตลบ สุดท้ายปากประกบกัน หรือจูบฉากจบบริบูรณ์ ถ้าขึ้นชื่อว่าจูบแล้ว นอกจากความวาบหวาม โรคอะไรที่สามารถติดต่อกันทางน้ำลายหรือการจูจุ๊บกันได้บ้าง
-โรคแรก ก็โรคสามัญประจำบ้าน อย่าง "หวัด" นี่ละคะ
แค่บางทีเพื่อนเราเป็นหวัด ไม่ต้องให้มันมาจูบเรา แค่ฮัดเช้ยใกล้ ๆ เรายังติดหวัดเขาเลยใช่ไหมค่ะ แล้วจูบกันเนี่ยจะขนาดไหน นั่นเป็นเพราะช่องปากติดต่อโดยตรงกับลำคอและจมูก ดังนั้นน้ำมูก น้ำลาย ส่งถึงกันได้แน่นอนค่ะ
-เริม แผลบริเวณปากที่เกิดจากเชื้อ Herpes Simplex Virus
ชนิดที่ 1 สามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส ซึ่งจะติดต่อกันง่ายมากขึ้น ถ้าแผลปะทุหรือแตกออก
-โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคนี้สามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
เราสามารถพบเชื้อได้ในอสุจิ สารคัดหลั่งในช่องคลอด น้ำลาย การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากและทางทวาร สามารถติดต่อได้ง่าย
แต่การจับมือ กอดกัน จูบกันเบา ๆ แบบปากประกบกัน ไม่ทำให้ติดโรคได้
ส่วนการจูบแบบดูดดื่มนั้น...ไม่แน่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ใส่เหล็กดัดฟันหรือมีแผลในปาก
-ฟันผุ เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุ สามารถติดต่อกันทาง
การจูบได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่า คนที่รับเชื้อมาดูแลสุขภาพช่องปากดีแค่ไหน ถ้าดูแลดีฟันก็ไม่ผุ แต่ถ้าดูแลไม่ดีฟันก็ผุอยู่ดีค่ะ
-ส่วนโรคเอดส์ไม่ติดต่อกันทางน้ำลายหรือการจูบนะคะ
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการจูบหากคุณหรือคนที่คุณจะจูบป่วย เป็นหวัด มีแผล มีตุ่ม มีหูดขึ้นบริเวณปาก และดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอนะคะ (ถ้าฟันผุ มีกลิ่นปาก ก็ไม่น่าจูบจริงไหมค่ะ)
การจูบเป็นการแสดงออกถึงความรักความผูกพัน ทั้งโรแมนติกและอีโรติก คือการจูบถือเป็นการโหมโรง (ก่อนปฏิบัติการบนเตียง) สามารถลดภาวะความเครียดได้ด้วยนะคะ
ดังนั้น หันไปสบตากันอย่างหวานซึ้ง
(และกวาดสายตาดูปากอย่างรวดเร็ว โอเค ไม่มีเริม ไม่มีหูด)
แล้วก็บรรจงจูบกันได้เลยค่ะ
สวัสดีค่ะ จุ๊บ ๆ